- Details
- Category: กรมตำรวจ
- Published: Friday, 26 June 2015 11:07
- Hits: 8266
ก.ตร.ฉลุยตั้ง 33 นายพล รองผู้การน.5ขึ้นผบก.รน. 'อัคราเดช'คุมป.เต็มตัว
ก.ตร.ฉลุย ย้าย 33 นายพล ระดับรองผบช.และผบก. 'อัคราเดช'นั่งเต็มตัวผู้การกองปราบฯ ผู้การสตูลถูกเด้งเข้ากรุ หลังเจอพิษคดีโรฮิงยา ผู้การสุพรรณบุรีที่นัดตร.ตบเท้าคารวะนักการเมืองถูกย้ายไปประจำภาค 6 รองผู้การน.5 ข้ามห้วยนั่งผู้การตำรวจน้ำ 'สมยศ'ชี้ต้องเอานอกหน่วยมานั่งเพราะเป็นตำแหน่งที่มีผลประโยชน์เยอะจึงต้องถ่ายเลือด ก.ตร.ยังมีมติอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครอง ให้นับอายุราชการทวีคูณพล.ต.ท. ศรีวราห์ด้วย
วันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 8976 ข่าวสดรายวัน
ที่ห้อง ศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) โดยมี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. รองผบ.ตร. และจเรตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งนายนนทิกร กาญจนจิตรา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนร่วมประชุม ขาดเพียงพล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร. ที่ลาป่วย
โดยมีการพิจารณาวาระสำคัญการแต่งตั้งโยกย้ายนายพลตำรวจนอกวาระประจำปี และการพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองกรณีที่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. ร้องว่าก.ตร.ไม่ให้ความเป็นธรรมเรื่องการใช้สิทธินับอายุราชการแบบเพิ่มวันทวีคูณ ในการแต่งตั้งเลื่อนขึ้นเป็นผู้บัญชาการ ซึ่งศาลปกครองกลางให้ก.ตร. เพิกถอนมติและเยียวยาแก่ พล.ต.ท.ศรีวราห์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก.ตร.พิจารณาวาระแต่งตั้งโยกย้ายโดยใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง โดยเห็นชอบตามบัญชีที่ผบ.ตร.เสนอ จากนั้น พล.อ.ประวิตร และ พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ รอง ผบ.ตร. ออกจากห้องประชุม เนื่องจากติดภารกิจ มอบหมายให้พล.ต.อ.สมยศ เป็นประธานต่อ และพิจารณากรณีอุทธรณ์ คำสั่งศาลปกครองกลางกรณี พล.ต.ท. ศรีวราห์ โดยที่ประชุมใช้เวลาพิจารณาเรื่องนี้นาน 1 ชั่วโมง 30 นาที ก่อนตัดสินด้วยการโหวตลับ ให้ก.ตร.อุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ด้วยคะแนนเสียง 3 ต่อ 2 ขณะที่มี ก.ตร. 2 คน งดออกเสียง
พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า การแต่งตั้งเรียบ ร้อยดี มีการสับเปลี่ยนตำแหน่งเพียงเล็กน้อย เป็นการหมุนเวียนและเปลี่ยนตำแหน่งที่ว่าง โดยตนเห็นด้วยตามที่ผบ.ตร.เสนอ ทุกตำแหน่ง
เมื่อถามถึงกระแสข่าวการแต่งตั้ง พ.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบก.สปพ. รรท.ผบก.ประจำสำนักงานผบ.ตร. ทำหน้าที่ประสานงานรองนายกรัฐมนตรี ขึ้นเป็นผบก.นั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก.ตร.แต่งตั้งให้ พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นผบก.ประจำสำนักงานผบ.ตร. ซึ่งเป็นตำแหน่งที่รักษาการอยู่แล้ว เมื่อครบเกณฑ์ตามที่กำหนดก็ขึ้นมา ไม่ได้ไปตำแหน่งอื่น ให้ปฏิบัติหน้าที่ประสานงาน กับตนเช่นเดิม ส่วนการพิจารณาที่ศาลปกครอง กรณี พล.ต.ท.ศรีวราห์ เป็นเรื่อง ของทางตำรวจพิจารณา
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า การแต่งตั้งผ่านไปด้วยดี มีการพิจารณาโยกย้ายสับเปลี่ยน 33 ตำแหน่ง ก.ตร.เห็นชอบตามที่ตนเสนอไปทั้งหมด โดยพิจารณาอย่างรอบคอบ และทำตามระเบียบกฎเกณฑ์ครบถ้วนตามกฎหมาย ทั้งนี้กลุ่มที่มีอาวุโสร้อยละ 33 และก.ตร. มีมติให้ได้รับการเยียวยาก็พิจารณาแต่งตั้งทุกราย โดยตำแหน่งสำคัญ อาทิ ผบก.ป.ก็แต่งตั้งให้ผู้ที่รักษาราชการแทนอยู่เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ส่วนผบก.รน. ก็แต่งตั้งรองผบก.จากนอกหน่วย มาดำรงตำแหน่ง ซึ่งตำแหน่งนี้มีการสอบถามถึงเหตุผล วิพากษ์วิจารณ์กัน ขอชี้แจงว่าบก.รน. ถูกมองเป็นแหล่งผลประโยชน์ จึงต้องปรับเปลี่ยน ถ่ายเลือด ไม่ให้เกิดการลูบหน้าปะจมูก เข้าไปคุ้นเคยเกี่ยวข้องผลประโยชน์ ทั้งนี้ในตำแหน่ง ของ พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่เลื่อนขึ้นเป็น ผบก.ประจำสง.ผบ.ตร. ก็ไม่มีก.ตร.คนใดคัดค้าน
ผบ.ตร.กล่าวว่า นอกจากนี้มีการโยกย้าย พล.ต.ต.สุนทร เฉลิมเกียรติ ผบก.ภ.จว.สตูล ที่สั่งมาช่วยราชการก่อนหน้านี้ จากกรณีโรฮิงยา ก็โยกย้ายออกนอกหน่วยไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม และแต่งตั้งผู้ที่ทำงานอยู่ในพื้นที่มาดำรงตำแหน่งแทน ขณะเดียวกันก็มีการโยกย้าย พล.ต.ต.ชัชชรินทร์ สว่างวงศ์ ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี ช่วยราชการศปก.ตร. ไปยังบช.ภ.6 ส่วนพล.ต.ต.พจน์ บุญมาภาคย์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม ที่เคยสั่งให้มาช่วยราชการที่ศปก.ตร.ก่อนหน้านี้ไม่ได้พิจารณาโยกย้ายในครั้งนี้ โดยหลังจากให้มาช่วยราชการก็ได้ให้กลับไปปฏิบัติหน้าที่ตามเดิมแล้ว
ผบ.ตร.กล่าวถึงกรณีศาลปกครองมีคำสั่งให้เพิกถอน มติก.ตร.กรณีไม่ให้สิทธิทวีคูณแก่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ ว่า ก.ตร.ลงมติลับ เสียงข้างมากเห็นควรให้มีการอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดต่อไป โดยในการพิจารณาวาระนี้ พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ พล.ต.อ.วุฒิ และ นายนนทิกร ไม่ได้เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องอุทธรณ์ อย่างไรก็ตามหากผู้ใดเสียสิทธิและได้รับ ผลกระทบก็มีสิทธิดำเนินการตามกฎหมายได้
ทั้งนี้ บัญชีรายชื่อที่ผ่านการพิจารณาของ ก.ตร. มี 33 ตำแหน่ง เป็น ระดับรองผบช. 8 ตำแหน่ง ประกอบด้วย พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รอง ผบช.ภ.6 นรต.รุ่น 34 เพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.เป็นรองผบช.ก.เช่นเดียวกับ พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ รองผบช.สยศ.นรต.รุ่น 36 เพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. เป็นหนึ่งชุดสืบสวนคดีสำคัญ ตร.โยกมาเป็น รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.จักรกฤษศณ์ สิงห์ศิลารักษ์ รอง จเรตำรวจ (สบ 7) เป็นรองผบช.ศ.
พล.ต.ต.ชลิต ถิ่นธานี ผบก.ประจำ.ภ.8 เป็นรอง จตร.(สบ7) พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ ฉันทวรลักษณ์ ผบก.ประจำบช.ก. เป็นรองผบช.สยศ. พล.ต.ต.จำรูญ คธาสิทธิ์ ผบก.อก.บช.ศชต. เป็น รอง ผบช.ศชต. พล.ต.ต.สุวรรณ เอกโพธิ์ ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ นรต.รุ่น 33 เป็น รองผบช.ภ.3 พล.ต.ต.กฤษณะ ศิริปิยะวัฒน์ ผบก.ภ.จว.พิจิตร นรต.รุ่น 36 เป็นรองผบช.ภ.6
ระดับผู้บังคับการ (ผบก.) พล.ต.ต.สุนทร เฉลิมเกียรติ ผบก.ภ.จว.สตูล ช่วยราชการ ศปก.ตร.จากกรณีเหตุค้ามนุษย์ชาวโรฮิงยา นรต.40 เป็น ผบก.สนับสนุนทางเทคโนโลยี สทส. พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง ผบก.น.4 นรต.รุ่น 36 เพื่อนสนิท พล.ต.อ.จักรทิพย์ เป็น ผบก.บก.ปอศ. พล.ต.ต.ชาติชาย เอี่ยมแสง ผบก.ตม.4 น้องเขยพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี อดีตผบ.ตร. โยกมาเป็นผบก. ประจำบช.ก. พล.ต.ต.ปฏิพัทธ์ สุบรรณ ณ อยุธยา ผบก.สท. เป็นผบก.ตม.4 พล.ต.ต.ชาติชาย แตงเอี่ยม ผบก.อก.สทส. เป็นผบก. จ.บุรีรัมย์
พล.ต.ต.ดำรงค์ เพ็ชรพงศ์ ผบก.ประจำบช.ภ. 6 นรต.รุ่น 37 เป็นผบก.ภ.จว.พิจิตร พล.ต.ต.ชัชชรินทร์ สว่างวงศ์ ผบก.ภ. จ.สุพรรณบุรี ช่วยราชการศปก.ตร. จากกรณีนำตำรวจคารวะนักการเมืองคนดังในพื้นที่ โยกมาเป็นผบก.ประจำภ.6 พล.ต.ต.ธงชัย วงศ์ศรีวัฒนกุล ผบก.บก.ปอศ. นรต.รุ่น 31 เพื่อนร่วมรุ่น ผบ.ตร.ไปเป็นผบก.ประจำภ.8 พล.ต.ต.ชัยณรงค์ เจริญชัยเนาว์ ผบก.อก.บช.ก.เป็นผบก.ประจำ.ภ.9 พล.ต.ต.อภิชัย ธิอามาต์ ผบก.ทท. เป็นผบก.อก.สทส. พล.ต.ต.เสถียร คูวิบูลย์ศิลป์ ผบก.กองวินัย เป็น ผบก.อก.สพฐ.ตร.สลับกับ พล.ต.ต. ธนายุตม์ วุฒิจรัสธํารงค์ ผบก.อก.สพฐ.ตร. เป็นผบก.วน. พล.ต.ต.ชัชวาลย์ วชิรปราณีกุล ผบก.น.9 นรต.รุ่น 32 โยกเป็นผบก.สท. และให้พล.ต.ต.ชัยทัต บุญขำ ผบก.ป. เป็นนายตำรวจราชสำนักประจำ (สบ6) ส่วนปฏิบัติการนรป.
ส่วนระดับ รองผบก. ขึ้นผบก. ประกอบด้วย พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบก.สปพ. รรท.ผบก.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร. เป็นผบก.ประจำสง.ผบ.ตร.ด้วยสิทธินับอายุราชการแบบทวีคูณ พ.ต.อ.ธัมมศักดิ์ วาสะศิริ ผบก.ประจำบช.ภ.9 เป็นผบก.ภ.จว.สตูล พ.ต.อ.กฤตธาพล ยี่สาคร รองผบก.น.5 เป็นผบก.รน. พ.ต.อ.ทรงพล วัฒนชัย รองผบก.น.1 นรต.รุ่น 33 อดีตรองโฆษกศอฉ. เป็นผบก.น.9 พ.ต.อ.นันทชาติ ศุภมงคล รองผบก.สส.บช.ภ.1 นรต.รุ่น 36 เป็น ผบก.น.4 พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รองผบก.น.1 นรต.รุ่น 32 เป็นผบก.อก.บช.ก. พ.ต.อ.สุรพล อรุณสิทธิ์ รองผบก.ทท.นรต.รุ่น 32 เป็นผบก.ทท. พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รองผบก.ป. รรท.ผบก.ป.นรต.รุ่น 41 เป็น ผบก.ป. พ.ต.อ.มงคล วรุณโณ รองผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา นรต.รุ่น 36 เป็นผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พ.ต.อ.กฤษณ์ จารุเสน รองผบก.อก.บช.ศ. เป็นผบก.อก.ศชต. และพ.ต.อ.โชคชัย เกษมไพบูลย์สุข นพ. (สบ5) เป็นนายแพทย์ (สบ6)
ทั้งนี้ มีรายงานว่า พล.ต.อ.สมยศ จะมีคำสั่งให้ผู้ได้รับการพิจารณาแต่งตั้ง ไปรักษาราชการแทนในตำแหน่งใหม่ในวันที่ 26 มิ.ย.นี้