WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

sPEC26


บิ๊กป้อมเชียร์ ตร.เพิ่มโรงพัก เปิดใจสัมภาษณ์ สเป๊กผบ.ตร.ใหม่

       'บิ๊กป้อม'พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ คุยเปิดอกกับเครือข่าวสด-มติชน หลังครบรอบปีเหตุการณ์22 พ.ค. 2557 ย้ำ'บิ๊กตู่'ประยุทธ์ตัดสินใจคนเดียว เพราะวันนั้นสถานการณ์แตกแยกใช้อาวุธสงครามใกล้จะเป็นสงครามกลางเมือง เผยรัฐบาลกำลังเดินหน้าสร้างรากฐานเพื่ออนาคต ต้องทำให้สงบ เกิดความมั่นคง ชี้การปฏิรูปตำรวจเป็นคนละเรื่องกับการปรับโครงสร้าง ต้องปฏิรูปทำให้ตำรวจเข้มแข็ง รู้หน้าที่ สมัยก่อนนั่งดูหนังกลางแปลง พอเห็นตำรวจมาคนดูปรบมือดีใจ แต่สมัยนี้ทำไมโห่ไล่ เห็นด้วยกับการเพิ่มโรงพัก ซอยพื้นที่ให้แคบดูแลชาวบ้านได้ดีขึ้น ชี้สเป๊กผบ.ตร.คนต่อไป ต้องเข้าขากับรัฐบาล และคนสีกากียอมรับ


วันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 8945 ข่าวสดรายวัน

 


เปิดใจ - พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์พิเศษหนังสือพิมพ์ข่าวสด-มติชน-ประชาชาติธุรกิจ ถึงภาพรวมการทำงาน ของคสช.ครบ 1 ปี และแนวทางการปฏิรูป เมื่อวันที่ 25 พ.ค.
          เมื่อวันที่ 25 พ.ค. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์พิเศษหนังสือพิมพ์ข่าวสด-มติชน-ประชาชาติธุรกิจ ถึงผลการทำงานของ คสช.ใน 1 ปีที่ผ่านมาว่า คสช.ตั้งความหวังไว้สูง ดังนั้นจึงมองว่ายังไม่เข้าเป้าทั้งหมด เพราะอยากให้ทุกอย่างดีกว่านี้ แต่เรื่องการประเมินคิดว่าน่าจะให้ประชาชนประเมินดีกว่า แต่ถ้ามองย้อนกลับไปวันที่ 22 พ.ค.2557 วันนั้นเกิดความแตกแยก เรื่องความคิดต่างไม่เป็นไร แต่มีความรุนแรงถึงขั้นใช้อาวุธสงคราม มีการล้มตาย อย่างนี้ปล่อยไม่ได้จะลุกลามเป็นสงครามกลางเมือง อีกทั้งรัฐบาลขณะนั้นสั่งการอะไรไม่ได้ เกิดเป็นสุญญากาศ วันนั้นถ้าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ไม่ตัดสินใจ วันนี้ก็ไม่รู้ว่าจะได้มานั่งคุยกันอย่างนี้หรือไม่ ในวันนั้นพล.อ. ประยุทธ์ได้เชิญกลุ่มที่ขัดแย้งมาถามแล้วว่าจะเอาอย่างไร และบอกให้กลับไปคิด 1 วันว่าจะเอาอย่างไร พอกลับมาก็ไม่เอาอะไร พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้คิดว่าจะปิดประตูตีแมว แต่วินาทีนั้นปล่อยไปก็แก้ไขไม่ได้ จึงตัดสินใจ เรื่องนี้พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจคนเดียว ไม่มีใครรู้ ดังนั้นที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯพูดนั้น จึงไม่ใช่ แต่ตนไม่อยากจะไปทะเลาะอะไรกับใคร เสียเวลา
       พล.อ.ประวิตร กล่าวอีกว่า อยากให้ประชาชนเข้าใจกันก่อนว่า ขณะนี้เรากำลังสร้างรากฐานเพื่ออนาคต วันนี้ทุกอย่างต้องสงบ เพื่อให้เกิดความคิดที่จะทำให้ประเทศเกิดความมั่นคงด้านเศรษฐกิจ สังคม และทุกเรื่อง รวมทั้งความมั่นคงในสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย เมื่อประเทศสงบแล้ว ขั้นต่อไปคือสร้างกติการ่วมกัน คือ รัฐธรรมนูญ จะทำอย่างไรให้ทุกฝ่ายยอมรับในกติการ่วมกัน
       ผู้สื่อข่าวถามว่า จะทำอย่างไรในเมื่อ ร่างรัฐธรรมนูญมีเสียงวิจารณ์กันมาก พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตอนนี้จึงให้มีการทำประชามติ คือให้ประชาชนตัดสิน เมื่อถามว่าการทำประชามติจะกระทบต่อกรอบเวลาโรดแม็ปที่วางไว้ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า การมีกรอบเวลาเพื่อให้ทุกอย่างเดินไปข้างหน้า แต่ถ้าเวลาไม่พอ ต้องยืดเวลาออกก็ต้องคุยกันแล้วประกาศให้ประชาชนรับทราบ
        "นายกฯ อยากใช้เวลาสั้นที่สุด เพื่อให้เลือกตั้งเร็วที่สุด แต่เมื่อทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ก็กำหนดกรอบเวลาใหม่ ทำให้ดี ในอนาคตจะได้ไม่มีอะไรอีก อย่างบอกว่าอยากจะประชามติ ก็ให้ประชามติ เมื่อรัฐธรรมนูญชั่วคราวไม่เขียน ก็ไปแก้รัฐธรรมนูญให้ รัฐธรรมนูญถือเป็นกติกา ดังนั้นทุกคนต้องยอมรับ ไม่ใช่ทำไปสักพักแล้วมาทะเลาะกันอีก" พล.อ.ประวิตรกล่าว และว่า การแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ คสช.และรัฐบาลก็เปิดเวทีให้ มีศูนย์ดำรงธรรมพร้อมจะรับ รัฐบาลไม่ได้เป็นเผด็จการ เรามีความเป็นประชาธิปไตย แต่ตอนนี้ขอให้สงบ จะได้มีเวลาคิด เพื่อรู้ว่าข้างหน้าจะทำอะไรถึงจะวางรากฐานได้สมบูรณ์ แล้วจึงมาเลือกตั้ง
      ผู้สื่อข่าวถามถึงบทบาทของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ ในระยะนี้ พล.อ. ประวิตรกล่าวว่า ไม่คุยเรื่องพล.อ.ชวลิต ท่านอายุ 80 ปีแล้ว ตนก็อายุ 70 ปี ไม่ขอทะเลาะกับพล.อ.ชวลิต ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้บ้านเมืองต้องเดินไปข้างหน้า ทะเลาะกันไม่มีประโยชน์ เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวสปช.จะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ถ้าคว่ำ สปช.ก็อยู่ไม่ได้ เมื่อถามต่อว่าจะแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ทราบ 
       ส่วนปัญหาด้านเศรษฐกิจ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องยอมรับว่าตัวเลขในอาเซียนที่เอามาดูนั้นไม่ดีเลย สิงคโปร์ก็ไม่ดี มาเลเซียยิ่งหนัก รัฐบาลเข้าใจดีว่าเรื่องมั่นคงต้องมั่นคงประชาชนต้องเป็นศูนย์กลาง เรื่องปากท้องประชาชนเป็นเรื่องหลัก รัฐบาลอนุมัติงบฯไปไม่รู้เท่าไหร่ มีการเบิกจ่ายงบฯไปกว่า 90% เงินเหล่านี้ลงไปสู่รากหญ้าเพื่อให้มีเงินจับจ่ายใช้สอย ที่ผ่านมาทีมเศรษฐกิจทำให้จีดีพีโตได้ 3% ดีขึ้นและคิดว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ ค่าเงินบาท 30 กว่าบาทต่อดอลลาร์แล้ว ตั้งใจว่าปีนี้จะทำให้จีดีพีโต 3.7-4% อย่างไรก็ตามตนไม่ได้เป็นคนไปดำเนินการ แต่ดูแลคณะกรรมการขับเคลื่อน ก็ช่วยทุกอย่าง ทั้งเอสเอ็มอี เศรษฐกิจพิเศษ การลงทุนสร้างรถไฟฟ้า เราทำทุกเรื่อง ส่วนปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรฮิงยา ปัญหาประมง หรือการบิน เป็นปัญหาที่มีมาจากอดีตทั้งนั้น ในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมการแทบทุกคณะก็ดำเนินการแก้ไข ตัวแทนอียูที่มาดูการแก้ไขปัญหาประมงก็บอกว่าใช้ได้ แต่ให้ปรับปรุงกฎหมายให้ครอบคลุมกว่านี้ ส่วนเรื่องการบิน คาดว่าจะทำได้ทันเดือนมิ.ย.
      "แต่ก็มีปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ ต้องรู้ว่าประเทศมหาอำนาจเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญว่า ไม่ยอมรับประเทศที่รัฐบาลไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง อันนี้เรายอมรับ แต่ขอเวลา ผมไปต่างประเทศทุกประเทศก็ต้อนรับ ไม่มีไม่รับ เขาบอกให้ดำเนินไป ทำให้มั่นคง ทำให้ดี" พล.อ.ประวิตรกล่าว
       ผู้สื่อข่าวถามว่า มีเรื่องอะไรที่นายกฯหนักใจหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า หนักใจเรื่องไม่จริง เรื่องในโซเชี่ยลมีเดีย นายกฯไม่ต้องการให้มาเชียร์ แต่อย่าไปเขียนเรื่องไม่จริง รัฐบาลไม่ได้เลวร้าย แม้แต่ทีมเศรษฐกิจก็ทุ่มเททำงาน เมื่อถามว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลในกระทรวงการคลังหรือไม่ พล.อ. ประวิตรกล่าวว่า จะไปเปลี่ยนอะไร เขาทุ่มเท มีเจตนาดี แต่บางทีรมต.อาจจะพูดไปก่อน ยังไม่ได้ทำ ทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งนายกฯ ก็เรียกมาคุย ซึ่งก็โอเค
      ต่อข้อถามถึงการใช้คำสั่งหัวหน้าคสช.ตามมาตรา 44 พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า บุคคลที่โดนคำสั่งย้ายตามมาตรา 44 ล้วนมีเรื่องมีราวมาก่อนทั้งนั้น เรื่องนี้นายกฯ จำเป็นต้องเอาออกจากตำแหน่งไปก่อน หากการสอบสวนพบว่าไม่มีอะไรก็จะโยกย้ายกลับได้ แต่สำหรับการโยกย้ายปลัดกระทรวงที่ผ่านมา ไม่ได้ใช้มาตรา 44 ใช้มติครม.
     ผู้สื่อข่าวถามถึงการปฏิรูปตำรวจ พล.อ. ประวิตรกล่าวว่า การปฏิรูปตำรวจไม่ใช่การปรับโครงสร้าง เป็นคนละเรื่องกัน สำหรับการปฏิรูปตำรวจนั้น ต้องการให้ตำรวจทำงานเข้มแข็ง รู้หน้าที่ มีอำนาจสืบสวน ไม่ให้ไปวิ่งเต้น สมัยนี้ยืนยันได้ เรื่องโยกย้ายปล่อยตำรวจทำกันเอง ถ้าไม่ดีก็รับผิดชอบ 
     เมื่อถามถึงแผนเพิ่มโรงพักในพื้นที่ต่างๆ ให้มีมากขึ้นเพื่อดูแลประชาชนได้ดีขึ้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เพิ่มโรงพักก็ดี พื้นที่กว้างก็ซอยให้เล็กลง มีโรงพักระดับล่างมากขึ้นเพื่อให้ดูพื้นที่ได้ละเอียด แต่ไม่รู้ว่าตำรวจกำลังมีแผนขยายโรงพัก แต่ถ้าทำมาก็เห็นด้วย จะได้ดูแลเรื่องความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน มากขึ้น
      "สมัยเป็นเด็กดูหนัง พอตำรวจมาคนปรบมือ แต่เดี๋ยวนี้ตำรวจมาคนโห่ไล่ ผมบอกตำรวจว่า อดีตผมดูหนังกลางแปลง พอตำรวจมาคนปรบมือนะ ไม่ใช่ตอนนี้ พอมาทุกคนก็เก็บกระเป๋าสตางค์กันหมด" พล.อ.ประวิตรกล่าว
      รองนายกฯดูแลรับผิดชอบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ยังกล่าวถึงคุณสมบัติผบ.ตร.คนต่อไปหลังจากพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เกษียณอายุราชการปีนี้ว่า ต้องดูว่าบุคคลที่จะมาทำหน้าที่นั้น ต้องดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติต่อไปได้ ต้องเป็นคนที่มีความตั้งใจทำงาน ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติเข้าหลักเกณฑ์ ทำงานกับรัฐบาลได้ ที่สำคัญคือคนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องยอมรับ ต้องเชื่อมั่น
      ผู้สื่อข่าวถามถึงการร่วมแก้ปัญหาโรฮิงยาที่หลายประเทศจะประชุมร่วมวันที่ 29 พ.ค.นี้ที่ประเทศไทย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เรื่องนี้สหประชาชาติแสดงความห่วงใยว่าในพื้นที่ทะเลมีโรฮิงยาอยู่ประมาณ 2,000 คน ทางไทยจึงจะตั้งกองเรือไปดูแลน่านน้ำไทย ซึ่งได้ประสานงานกับผบ.ทร. และผบ.ทอ.แล้ว โดยจะมีกองเรือเล็กๆลอยอยู่ในทะเลได้หลายวัน คอยให้ความช่วยเหลือ หากพบเรือโรฮิงยา ที่ผ่านมาเราไม่เคยผลักดันขับไล่ แต่เมื่อพบว่าเรือเข้ามาในน่านน้ำไทย เราต้องแจ้งให้ทราบว่าไทยมีกฎหมาย การเข้าเมืองผิดกฎหมายต้องเข้าสู่กระบวนการคุมขัง แต่ถ้าไม่อยากเข้าไทย ถ้ามีคนเจ็บคนป่วยบนเรือ เราก็ส่งคนไปดูแล ถ้าอยากกลับบ้านก็ส่งกลับ เรื่องนี้จะหารือกันวันที่ 29 พ.ค. ซึ่งพม่าจะมาร่วมด้วย
      เมื่อถามว่า ไทยจะตั้งศูนย์รับหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไทยเป็นประเทศกลางทาง ไม่ตั้งศูนย์ เพียงแต่ถ้าคนไทยไม่ไปดึงเขาเข้ามาก็ไม่มีปัญหา ที่ผ่านมาตนทำหน้าที่ส่งลาว เวียดนาม กัมพูชา ม้ง กลับประเทศบ่อยแล้ว คนเหล่านี้ไม่ใช่ผู้อพยพ แต่เป็นผู้หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย
      ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยถึงการปฏิรูปโครงสร้างตำรวจว่า ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ทำงานอย่างหนักเพื่อสนับสนุนนโยบายจัดระเบียบสังคม การปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ การค้ายาเสพติด รวมทั้งขบวนการค้ามนุษย์ มีผลงานดีต่อเนื่อง และสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลชื่นชมตำรวจทุกคนที่มุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ 
       รองโฆษกรัฐบาลกล่าวด้วยว่า ส่วนการปฏิรูปโครงสร้าง อำนาจหน้าที่และการทำงาน ของตร.ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ทั้งระบบ ต้องใช้เวลาดำเนินการ อาจเกิดขึ้นหลังจากตั้งรัฐบาลใหม่ สิ่งสำคัญต้องมีฝ่ายตำรวจซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติและเข้าใจองค์กรมากที่สุด เป็นหลักสำคัญในการวางแนวทางปฏิรูป ควบคู่กับร่างแผนการปฏิรูปของคณะกรรมาธิการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม สปช. ที่จัดทำไว้แล้ว เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้ระหว่างที่การปฏิรูปทั้งระบบยังไม่เสร็จ ตร.จะเน้นเพิ่มประสิทธิภาพของงาน และการแก้ปัญหาในองค์กรที่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูปอย่างเร่งด่วนเพื่อให้การปฏิรูปราบรื่น

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!