- Details
- Category: กรมตำรวจ
- Published: Thursday, 14 May 2015 10:05
- Hits: 5891
สมยศ ถกผบ.มาเลย์ ลุยปราบ แก้ค้าโรฮิงยา-ยันมีข่าวดี โกหย่งมอบตัว-จับเพิ่ม3 เจออีก 7 ค่าย-ขุดพบ 3 ศพ
'สมยศ' ถกผบ.ตร.มาเลย์ ผนึกป้องกันค้าโรฮิงยา เผยที่ผ่านมาประสานข้อมูล-ร่วมปราบปรามกันตลอด ระบุ ผบ.ตร.มาเลย์รับปากสนับสนุน-ช่วยล่าตัวโกโต้ง แย้มมีข่าวดีในไม่ช้า รองผบ.ตร.แถลงจับอีก 4 ผู้ต้องหาค้าโรฮิงยา เป็น 2 ลูกน้องโกโต้ง "โกหย่ง' เครือข่ายในระนอง ส่วนอีกคนเป็น กลุ่มเดียวกับนายกเล็กปาดังฯ แต่ทั้งหมดยังปฏิเสธ ขณะที่นายกอบต.ปูยู ติดต่อมอบตัวอีกราย จนท.พบอีก 7 ค่ายนรก ขุดเจอเพิ่ม 3 ศพ ระนองลุยค้น 9 จุดทั่วเมือง-ยึดทรัพย์ 112 ล้าน ผวจ.สตูลตรวจเข้มท่าเรือที่เดินทางไปลังกาวี ด้านสหรัฐห่วงโรฮิงยา-จี้อาเซียนร่วมแก้ปัญหา จากกรณีพบค่ายกักกันชาวโรฮิงยาบนเทือกเขาแก้ว ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา และพบหลุมศพอีกจำนวนมาก จนนำมาสู่การออกหมายจับเครือข่ายค้ามนุษย์ ทั้งนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลปาดังเบซาร์และเจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงสั่งเด้งตำรวจในพื้นที่อีกหลายนาย ต่อมาตำรวจออกหมายจับนายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือโกโต้ง อดีตนายก อบจ.สตูล ผู้ต้องหาคนสำคัญของเครือข่ายนี้ พร้อมนำกำลังเจ้าหน้าที่จู่โจมค้น 15 จุด ใน จ.สตูล ก่อนอายัดบ้านและสัตว์เลี้ยง พร้อมอายัดทรัพย์สินกว่า 100 ล้านบาท และประสาน ตร.มาเลเซียให้ช่วยติดตามตัวโกโต้ง ที่คาดยังกบดานอยู่ที่เกาะลังกาวี ตามที่เคยเสนอข่าวไปนั้น
"สมยศ"ถกผบ.ตร.มาเลย์
สำหรับความคืบหน้า เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่โรงแรมเวสติน สิเหร่ เบย์ รีสอร์ทแอนด์สปา อ.เมืองภูเก็ต พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. พร้อมด้วยพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรสิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. และพล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา ผบก.ตท. เข้าร่วมการประชุมทวิภาคีระหว่างตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย ภายใต้การนำของตันซรี ดาโต๊ะ ซรี กาลิด บิน อาบู บาการ์ ผบ.ตร.มาเลเซีย เพื่อหารือและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างตำรวจสองประเทศ รวมถึงหาความร่วมมือเรื่องการแก้ปัญหาชาวโรฮิงยา
จากนั้นทั้งสองฝ่ายร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลง เพื่อแสดงถึงเจตจำนงในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมร่วมกัน ซึ่งข้อตกลงนี้นอกจากจะเป็นแนวทางความร่วมมือระหว่างตำรวจทั้งสองประเทศที่จะเกิดขึ้นในปีต่อไปแล้ว ยังเป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือที่แน่นแฟ้นและยาวนานระหว่างตำรวจทั้งสองประเทศด้วย
วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 8933 ข่าวสดรายวัน
ถกมาเลย์ - พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. นำคณะหารือกับ ผบ.ตร.มาเลเซีย โดยทั้ง 2 ฝ่ายตกลงร่วมมือกันแก้ปัญหาชาวโรฮิงยา ที่โรงแรมเวสติน สิเหร่ เบย์ รีสอร์ต จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 13 พ.ค. |
ต่อมาพล.ต.อ.สมยศ และตันซรี ดาโต๊ะ ซรี กาลิด บิน อาบู บาการ์ ร่วมแถลงถึงการทำงานร่วมกันเรื่องการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยพล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า กรณีตรวจค้นพบที่พักของแรงงานโรฮิงยาบนเทือกเขาแก้ว จ.สงขลา ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เป็น สิ่งที่เกิดจากการทำงานของตำรวจตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งมีการจับกุมแรงงานผิดกฎหมาย ผู้ที่เข้าไปมีส่วนรู้เห็น หรือสนับสนุนแรงงานที่ผิดกฎหมาย ทั้งที่เป็นประชาชนธรรมดา ตำรวจและเจ้าหน้าที่ของหน่วยอื่นๆ แต่ในบางกรณีเป็นเรื่องที่ไม่ได้รับความสนใจจากประชาชนหรือสื่อมวลชนเท่าที่ควร จึงไม่มีข่าวปรากฏ แต่การทำงานของเจ้าหน้าที่ก็ยังมีอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งมาพบแคมป์พักรอและหลุมศพแรงงานชาวโรฮิงยาจำนวนมาก จึงเป็นประเด็นสนใจ แต่ขอย้ำว่าเป็นการทำงานร่วมกันของตำรวจ ทหารและเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายของรัฐ
"รัฐบาลไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ได้ขอความร่วมมือในการทำงานและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับรัฐบาลมาเลเซีย โดยเฉพาะผมในฐานะผบ.ตร.ได้ประสานการทำงานแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารต่างๆ เกี่ยวกับขบวนการค้ามนุษย์กับอธิบดีตำรวจมาเลเซีย เป็นการแสดงให้เห็นว่าเราทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมาตลอด จนนำไปสู่การปฏิบัติงานที่สำเร็จอย่างจริงจังตามที่เป็นข่าว ในส่วนของทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครองได้แก้ปัญหาดำเนินคดีกับข้าราชการทุกหน่วยงานที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ช่วยเหลือสนับสนุนหรือมีผลประโยชน์กับขบวนการค้ามนุษย์ ทั้งดำเนินคดี การโยกย้ายไปช่วยราชการภายในหน่วย หรือนอกหน่วย หรือโยกย้ายออกนอกพื้นที่ เพื่อแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ปัญหาแรงงานผิดกฎหมาย ขณะที่รัฐบาลและตำรวจมาเลเซียก็ดำเนินการในเรื่องนี้มาตลอดเช่นกัน โดยได้จับกุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลายคดี" พล.ต.อ. สมยศกล่าว
ประสานล่าตัว"โกโต้ง"
พล.ต.อ.สมยศกล่าวถึงกรณีที่จะหารือและแก้ปัญหากับรัฐบาลเมียนมาว่า รัฐบาลไทยตระหนักดีว่าการแก้ปัญหาแรงงานผิดกฎหมายชาวโรฮิงยานั้น ประเทศไทยไม่สามารถแก้ไขเพียงประเทศเดียวได้ โดยต้องได้รับความร่วมมือจากประเทศต้นทางและปลายทาง ซึ่งประเทศไทยถือเป็นทางผ่าน แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นค่อนข้างสลับซับซ้อน เช่น ต้นทางปัญหาคือชาวโรฮิงยา ซึ่งเมียนมาไม่ยอมรับว่าเป็นคนของเขา กรณีประเทศปลายทางก็มีเป้าหมายหลายประเทศของชาว โรฮิงยา เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย เป็นต้น แต่รัฐบาลได้ดำเนินการแก้ปัญหาโดยส่งผู้ช่วยทูตตำรวจฯ ไปพูดคุยหรือเจรจาขอความร่วมมือจากเมียนมา ซึ่งจากการพูดกับอธิบดีตำรวจมาเลเซียก็บอกว่าจำเป็นที่ต้องช่วยกัน ซึ่งท่านรับปากและพร้อมให้การสนับสนุน เพื่อให้ปัญหาดังกล่าวหมดไป
จับโกหย่ง - พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร. รับตัวนายปิยวัฒน์ พงษ์ไทย หรือโกหย่ง เจ้าของแพปลา จ.ระนอง ผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮิงยา ก่อนคุมตัวจากสภ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ไปดำเนินคดีที่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 13 พ.ค. |
"สิ่งที่เราร้องขอกับมาเลเซียคือ การทำงานร่วมกันซึ่งไม่น่าเป็นห่วง เพราะดำเนินการอยู่แล้วและประสบความสำเร็จ สิ่งหนึ่งที่คุยกันคือ นับจากนี้ต่อไปจะทำงานใกล้ชิดกันมากขึ้น เพื่อให้ปัญหาดังกล่าวคลี่คลายและหมดไป ส่วนที่ร้องขอเป็นพิเศษคือ กรณีที่ผู้ต้องหาตามหมายจับของทางการไทยนั้น ซึ่งจากการสืบสวนพบมีบางรายหลบหนีเข้าไปในมาเลเซีย จึงขออนุญาตให้ประสานงาน เพื่อนำผู้ต้องหากลับมาดำเนินคดีในไทย และเรามีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกันอยู่แล้ว ส่วนกรณีที่มีข่าวนายหน้ารายใหญ่หนีไปกบดานอยู่ในมาเลเซีย ซึ่งได้รับรายงาน จากผู้รับผิดชอบว่าจะได้ข่าวดีในไม่ช้า แต่ยังไม่ยืนยันชัดเจนว่าหลบหนีไปที่ไหน" พล.ต.อ.สมยศกล่าว
ผนึกแก้ปัญหาชาวโรฮิงยา
ขณะที่ผบ.ตร.มาเลเซียกล่าวว่า ประเด็นการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ รัฐบาลมาเลเซียและตำรวจแห่งชาติมาเลเซียถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่ต้องดำเนินการแก้ไข ซึ่งคล้ายกับรัฐบาลไทย ในช่วงระยะที่ผ่านมารัฐบาลมาเลเซีย รัฐบาลไทยและตำรวจของทั้งสองประเทศร่วมมือกันทำงานอย่างใกล้ชิด โดยแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและข่าวกรองระหว่างกัน จนในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย.ปีนี้มาเลเซียได้จับกุมผู้เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ทั้งสิ้น 38 ราย ประกอบด้วย สัญชาติเนปาล 21 ราย สัญชาติมาเลเซีย 16 ราย และสัญชาติอินโดนีเซีย 1 ราย ในผู้ที่ถูกจับกุม 38 ราย ประกอบไปด้วยนายหน้าตัวการใหญ่หรือผู้นำทาง แม้กระทั่งตำรวจมาเลเซียก็ถูกจับกุม 2 นาย สามารถยึดเงินทั้งสิ้น 1,250,000 ริงกิต หรือประมาณ 4 ล้านไทย รวมถึงการยึดทรัพย์รวมทั้งสิ้น 30 ล้านบาท ทั้งหมดถูกควบคุมตัวภายใต้กฎหมายที่ชื่อว่าการค้ามนุษย์และการลักลอบเข้าเมือง
ผบ.ตร.มาเลเซียกล่าวอีกว่า ถือเป็นการปฏิบัติการร่วมกันในพื้นที่ภาคใต้ของไทยและทางเหนือของมาเลเซีย ซึ่งได้ข่าวกรองและข่าวสารระหว่างตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย เหยื่อส่วนใหญ่เป็นบังกลาเทศและเมียนมา ที่พบเหยื่อมีบัตรของยูเอ็นเอสซีอาร์ปลอม และในช่วงตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค.เป็นต้นมา ทางการมาเลเซียตรวจพบผู้หลบหนีเข้าเมืองทั้งสิ้น 1,018 คน ที่เกาะลังกาวี ประกอบไปด้วย บังกลาเทศ 555 คน และชาวเมียนมา 463 คน อีกทั้งยังสามารถยึดเรือโดยสารสำหรับชาวต่างชาติ 2 ลำ จากการข่าวน่าเชื่อว่าบุคคลที่ถูกจับกุมน่าจะหลบหนีมาจากชายแดนไทย หลังจากไทยกดดันอย่างหนัก และขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของตำรวจมาเลเซีย อย่างไรก็ตามทั้งสองฝ่ายตระหนักถึงการแก้ปัญหาดังกล่าวร่วมกัน เนื่องจากประเทศใดประเทศหนึ่งไม่สามารถแก้ปัญหาโดยลำพัง ซึ่งต้องทำงานร่วมกันถึงจะแก้ไขปัญหาได้
ระนองลุยค้น-ยึด 112 ล้าน
ที่ สภ.เมืองระนอง พล.ต.ต.สมชาย นิตยบวรกุล รองผบช.ภ.8 และนายไมตรี ไตรติลานันท์ รอง ผวจ.ระนอง ปล่อยแถวกำลังตำรวจและทหาร 150 นาย แบ่งเป็น 10 ชุดปฏิบัติการ เพื่อตรวจค้นบ้านพักและแหล่งหลบซ่อนตัวของบุคคลที่มีหมายจับและเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงยา
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เข้าตรจค้นบ้านเลขที่ 264 หมู่ 2 ต.บางนอน อ.เมืองระนอง ซึ่งเป็นของนายณัฐภัทร หรือโกมิก แสงทอง หนึ่งในหัวหน้าขบวนการค้าชาวโรฮิงยา จากการตรวจค้นพบบ้านถูกปิดสนิท และมีการขนย้ายทรัพย์สินภายในบ้านออกไปเมื่อวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา สำหรับนายณัฐภัทรพบเป็นเจ้าของสถานบันเทิงเซอร์เวย์ผับ แต่ได้ปิดกิจการไปเมื่อ 1 เดือนก่อน
ต่อมาพล.ต.ต.นรินทร์ บุษยวิทย์ ผบก.ภ. จว.ระนอง และนายไมตรี ร่วมแถลงอายัดทรัพย์สินของเครือข่ายค้าโรฮิงยารวม 9 รายที่ถูกออกหมายจับก่อนหน้านี้ ประกอบด้วย รถยนต์ 3 คัน ตู้เซฟที่ยังไม่ได้ตรวจสอบภายใน 1 ใบ ทองคำรูปพรรณจำนวนหนึ่ง และนาฬิกาเรือนทอง 1 เรือน โฉนดที่ดิน 2 แปลง มูลค่ากว่า 112 ล้านบาท นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังเร่งตรวจสอบขยายผล โดยคาดว่าน่าจะมีทรัพย์สินมากถึงพันล้านบาท
"โกหย่ง"โผล่มอบตัว
พล.ต.ต.นรินทร์กล่าวว่า จากการตรวจค้นบ้านพัก 9 หลัง และแหล่งหลบซ่อนตัวของบุคคลที่มีหมายจับในคดีค้าชาวโรฮิงยา 9 ราย ตามหมายจับของศาลจังหวัดนาทวีที่ออกเมื่อวันที่ 9 พ.ค.58 สามารถอายัดทรัพย์สินได้ถึง 112 ล้านบาท เบื้องต้นเครือข่ายใน จ.ระนอง เข้ามอบตัวแล้ว 1 ราย ประกอบด้วย นายสุวรรณ แสงทอง หรือโกหนุ่ย
ต่อมานายปิยวัฒน์ หรือโกหย่ง พงษ์ไทย อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 100/29 ม.5 ต.บางริ้น อ.เมืองระนอง ผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ ตามหมายจับที่ จ.190/58 ศาลจังหวัดนาทวี เดินทางเข้ามอบตัวกับพล.ต.ต.สมชาย นิตยบวรกุล และพล.ต.ต.นรินทร์ บุษยวิทย์ ที่ สภ.เมืองระนอง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เบื้องต้นนายปิยวัฒน์ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาว่าไม่ได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหาและไม่ได้เป็นผู้นำส่งชาวโรฮิงยาจาก จ.ระนอง ไป จ.สงขลา จากนั้นเจ้าหน้าที่คุมตัวนายปิยวัฒน์ขึ้นรถและเดินทางไปยัง จ.นครศรีธรรม ราช เพื่อเตรียมส่งตัวให้กับพล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.
อีก 3 ศพ - เจ้าหน้าที่ร่วมตรวจสอบ ภายในค่ายกักกันชาวโรฮิงยา ที่พบใหม่ 7 แห่งบนยอดเขาแก้ว ชายแดนไทย-มาเลเซีย ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ขุดพบศพเพิ่มอีก 3 ศพ มีทั้งอยู่ในสภาพเหลือแต่กระดูก และศพใหม่ที่ถูกฝังไม่นาน เมื่อวันที่ 13 พ.ค. |
รองผบ.ตร.ตรวจแพปลานครศรี
ที่บก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ เดินทางมาติดตามผลการปฏิบัติงานและมอบนโยบายป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยมีพล.ต.ต.เกียรติพงศ์ ขาวสำอางค์ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช พร้อมผกก. 23 อำเภอ เข้าร่วมประชุม โดยพล.ต.อ.เอก ชื่นชมการปฏิบัติงานของบช.ภ.8 ที่จับกุมขยายผลการลักลอบค้าแรงงานชาวโรฮิงยา นำไปสู่การดำเนินคดีกับกระบวนการค้ามนุษย์ที่เขาแก้ว ต.ปาดังเบซาร์ เป็นการป้องกันปราบปราม การค้ามนุษย์ให้เกิดผลเป็นที่ประจักษ์แก่ต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ที่กำลังจับตาดูประเทศไทยว่าบังคับใช้กฎหมายและช่วยเหลือเยียวยา อย่างจริงจังหรือไม่
จากนั้นพล.ต.อ.เอก เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์มาที่ อ.ขนอม พร้อมกำลัง เจ้าหน้าที่ตรวจเยี่ยมแพปลาโชควรพจน์ เพื่อสอบถามเจ้าของแพปลาและไต้ก๋งเรือเกี่ยวกับขั้นตอนการทำงาน รวมถึงจำนวนแรงงานที่ส่วนใหญ่เป็นชาวเมียนมา ซึ่งกำลังคัดเลือกปลาที่นำขึ้นมาจากเรือประมง โดยเป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามกฎหมาย
รับตัวโกหย่งไปเค้นสอบ
ถัดมาพล.ต.ต.เอก เดินทางมาที่ สภ.ขนอม เพื่อรับตัวนายปิยวัฒน์ พงษ์ไทย ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีค้ามนุษย์ที่ถูกควบคุมตัวจาก จ.ระนอง ก่อนนำขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปยัง ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา เพื่อสอบสวน
พล.ต.อ.เอกกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ลงพื้นที่แก้ปัญหาค้ามนุษย์อย่างจริงจัง จนออกหมายจับผู้ต้องหา 61 คน และจับกุมได้แล้วส่วนหนึ่ง บางส่วนก็เข้ามอบตัว บางส่วนยังอยู่ระหว่างหลบหนี สำหรับขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงยาใช้เส้นทางประเทศไทยเป็นทางผ่านก่อนขนย้ายไปในจังหวัดต่างๆ และสุดท้ายไปรวมอยู่ที่ จ.สตูล โดยทั้งหมดจะถูกนำไปรวมกันและกักตัวไว้บนเทือกเขาแก้ว ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา กับอ.ควนโดน จ.สตูล เพื่อรอเดินทางไปยังประเทศที่สาม
พล.ต.อ.เอกกล่าวอีกว่า ส่วนมาตรการคุ้มครองพยาน ตำรวจมีระเบียบปฏิบัติการคุ้มครองพยานในคดีนี้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่แล้ว คดีค้ามนุษย์ที่มีการจับกุมการลักลอบขนชาวโรฮิงยาที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ถือเป็นกุญแจสำคัญในการขยายผลดำเนินการเรื่องนี้ ส่วนข้าราชการที่มีส่วนพัวพันโดนย้ายไปแล้ว 65 ราย ขณะนี้ถือว่าเป็นการย้ายชั่วคราว แต่หากผลการสอบสวนพบมีความผิดจริงจะดำเนินการตามมาตรการทางปกครอง โดยย้ายอย่างถาวรและอาจจะถูกดำเนินคดีทางอาญาด้วย
จับ 2 ลูกน้องคนสนิทโกโต้ง
ที่จ.สตูล นายเดชรัฐ สิมศิริ ผวจ.สตูล ตรวจเยี่ยมท่าเรือตำมะลัง อ.เมืองสตูล ซึ่งเป็นท่าเรือที่เดินทางไปยังเกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย โดยกำชับเจ้าหน้าที่ตม. ทหารและเจ้าท่าให้ช่วยกันตรวจสอบการเข้าออกเส้นทางดังกล่าว
นายเดชรัฐกล่าวว่า กำชับเจ้าหน้าที่ให้ดูแลเรื่องนี้เป็นพิเศษ เนื่องจากชายแดน จ.สตูล ติดกับรัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นเส้นทางผ่านของชาวโรฮิงยา จึงกำชับให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษในเรื่องนี้ เพราะถือเป็นวาระแห่งชาติ ในส่วนของนักการเมืองท้องถิ่นที่มีส่วนพัวพัน เบื้องต้นทำหนังสือแจ้งไปแล้ว ขณะที่อบต.ที่เข้าไปเกี่ยวข้องก็ตั้งคณะกรรมการมาสอบสวนข้อเท็จจริงเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวลูกน้องคนใกล้ชิดกับนายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือโกโต้ง อดีตนายกอบจ.สตูล ได้อีก 2 คนใน จ.สตูล ก่อนส่งตัวไปสอบสวนที่ จ.สงขลา
แถลงรวบแก๊งโรฮิงยาอีก 4
ที่สภ.ปาดังเบซาร์ จ.สงขลา พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ แถลงจับกุมเครือข่ายค้าโรฮิงยา ทั้งในจ.สตูล จ.สงขลา และจ.ระนอง รวม 4 คน ประกอบด้วย นายปิยวัฒน์ พงษ์ไทย หรือโกหย่ง เครือข่ายใน จ.ระนอง กลุ่มเดียวกับนายสุวรรณ แสงทอง หรือโกหนุ่ย ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ นายสถิต แหมถิ่น อายุ 37 ปี อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25 หมู่ 1 ต.วังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล นายสมรรถชัย หรือแรมโบ้ ฮะหมัด อายุ 47 ปี เครือข่ายใน จ.สตูล กลุ่มของนายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือโกโต้ง ที่ยังหลบหนี และนายมูปะกาศ แขกพงษ์ อายุ 43 ปี เครือข่ายในต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา กลุ่มเดียวกับนายบรรจง ปองผล นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองปาดังเบซาร์ ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้
โดยทั้ง 4 คน ถูกแจ้งข้อหาสมคบและร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปกระทำการอันเป็นการค้ามนุษย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะแยกสอบสวนทั้ง 4 คนสอบสวน เพื่อเชื่อมโยงกับเครือข่ายค้ามนุษย์ ทั้งที่จับกุมได้แล้วและยังหลบหนี แต่เบื้องต้นยังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวไว้ที่ สภ.ปาดัง เบซาร์ ก่อนส่งไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนาทวี เพื่อรอส่งฟ้องศาลต่อไป
พล.ต.อ.เอกกล่าวว่า ล่าสุดนายมาเลย์ โต๊ะดิน นายกอบต.ปูยู จ.สตูล ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับได้ติดต่อขอมอบตัวกับผบ.ตร.แล้ว โดยคาดว่าจะสามารถนำตัวมาสอบสวนขยายผลได้เร็วๆ นี้
สำหรับผู้ต้องหาเครือข่ายค้ามนุษย์ทั้ง 3 จังหวัด เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวได้แล้วทั้งสิ้น 23 คน จากที่ออกหมายจับไปแล้ว 61 คน เหลืออีก 38 คนที่ยังคงหลบหนี โดยเฉพาะตัวการใหญ่คือนายปัจจุบัน หรือโกโต้ง ซึ่งมีรายงานว่าหลบหนีไปกบดานอยู่ที่เกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย
เจอ 7 ค่ายนรก-ขุดพบ 3 ศพ
ในส่วนของนายปิยวัฒน์ หรือโกหย่ง เป็น การขยายผลจากการสอบสวนกลุ่มชาวโรฮิงยา 91 คนในพื้นที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำขณะถูกนำมาส่งที่ อ.สะเดา เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา จากการสอบสวนขยายผลพบว่าถูกขนถ่ายมาด้วยเรือของโกหย่งกว่า 300 คนและระหว่างที่อยู่ในทะเลผู้หญิงชาวโรฮิงยาได้ถูกลูกเรือข่มขืนด้วย
สำหรับรายชื่อที่ถูกออกหมายจับเพิ่มเติมอีก 10 คน เมื่อวันที่ 12 พ.ค. ประกอบด้วย นายโปเซี่ย หรือโกเซี่ย อังโชติพันธุ์ เป็นลูกพี่ลูกน้องโกโต้ง นายมาเลย์ โต๊ะดิน นายกอบต.ปูยู อ.เมืองสตูล นายอนัส หะยีมะแซ นายชาคริต หลงสาม๊ะ นายหมาดสะอาด ใจดี นายสายสถิต แหมถิ่น นายสมพล อาดำ นายสมรรถชัย ฮะหมัด นายสมบูรณ์ สันโด และนายวุฒิ วุฒิประดิษฐ์
ต่อมาตำรวจและเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้าตรวจสอบค่ายกักกันโรฮิงยา บนเทือกเขาแก้ว อ.สะเดา ใกล้เขตชายแดนไทย-มาเลเซียประมาณ 300 เมตร โดยพบค่ายกักกัน 7 แห่งสิ่งปลูกสร้าง 111 หลัง และเจ้าหน้าที่กู้ภัยทำการขุดพิสูจน์หลุมต้องสงสัยในค่าย พบศพถูกฝัง 3 ศพ เป็นผู้หญิง 1 ศพผู้ชาย 2 ศพ โดยมีทั้งศพเก่าที่เหลือเพียงกระดูกและ ศพใหม่ที่ถูกฝังมาไม่นาน จึงเก็บรวบรวมหลักฐานและส่งไปตรวจพิสูจน์
ขณะที่นายธำรงค์ เจริญกุล ผวจ.สงขลา กล่าวว่า ได้รับการแจ้งเบาะแสจากประชาชนว่า ยังมีชาวโรฮิงยาที่ถูกนายหน้าพาหลบหนีการจับกุมประมาณ 100 คน หลบซ่อนอยู่ในป่าบนเทือกเขาแก้ว เขตรอยต่อ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา กับจ.สตูล จึงสั่งการให้กรรมการหมู่บ้าน อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประสานกับฝ่ายปกครอง ตำรวจและทหารเข้าพื้นที่แล้ว คาดจะนำตัวชาวโรฮิงยาออกจากป่าได้ในเร็วๆ นี้
สหรัฐห่วงโรฮิงยา-จี้อาเซียน
วันเดียวกัน เอเอฟพีรายงานว่า ทางการสหรัฐอเมริกาแสดงความกังวลต่อสวัสดิภาพของชาวโรฮิงยาที่ถูกทอดทิ้งจากขบวนการค้ามนุษย์ทั้งบนบกและในน่านน้ำ พร้อมเรียกร้องให้ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ร่วมมือกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยโฆษกหญิงจากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐระบุว่า ชาวโรฮิงยาถูกบีบบังคับให้ต้องอพยพ เนื่องจากความย่ำแย่ด้านสิทธิมนุษยชนและสภาพเศรษฐกิจที่แร้นแค้นในภูมิลำเนาของตัวเอง สืบเนื่องจากความหวาดกลัวทางชาติพันธุ์และความรุนแรงทางศาสนา
"ปัญหาที่เกิดขึ้นถือเป็นความท้าทายของประเทศในภูมิภาคนี้ซึ่งจะต้องช่วยกันแก้ไขร่วมกันกับการสนับสนุนจากนานาชาติ ตามกฎหมายและน่านน้ำสากล" โฆษกหญิงกล่าว
รายงานระบุว่า ทางการไทยได้เรียกขอเปิดประชุมด่วนในปลายเดือนพ.ค.นี้ เพื่อหารือเรื่องการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับประเทศที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายกังวลว่า ความช่วยเหลือที่จะตามมาอาจสายเกินไปสำหรับชาวโรฮิงยาหลายพันคนที่ถูกทอดทิ้งอยู่ในทะเล ขณะที่ประเทศมาเลเซียประกาศจุดยืนเช่นเดียวกับอินโดนีเซียว่าจะผลักดันเรืออพยพของชาวโรฮิงยาออกนอกน่านน้ำของตน และจะไม่ยินยอมให้ผู้อพยพเหล่านี้เดินทางเข้าสู่ภายในประเทศ ส่วนประเทศไทย ที่เป็นทางผ่าน ยังไม่มีการประกาศนโยบาย ที่ชัดเจนต่อปัญหาที่เกิดขึ้น
ตร.ไทย-มาเลย์แก้อาชญากรรม
วันที่ 13 พ.ค. ที่โรงแรมเวสติน สิเหร่ เบน์ รีสอร์ทแอนด์สปา อ.เมือง จ.ภูเก็ต พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. พร้อมพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรสิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และพล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา ผบก.ตท. ประชุมทวิภาคีระหว่างตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซียภายใต้การนำของตันซรี กาลิด บิน อาบู บาการ์ ผบ.ตร.มาเลเซีย เพื่อหารือและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างตำรวจสองประเทศ ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และอาชญากรรมที่กระทบ ต่อความมั่นคงของทั้งสองประเทศ
โดยทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันพิจารณาแนวทางการแก้ปัญหาอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบ ต่อความมั่นคงของทั้งสองประเทศ ใน 9 ด้าน ได้แก่ การก่อการร้าย การลักลอบค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ การลักลอบค้าอาวุธ อาชญากรรมที่กระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของพลเมืองสองประเทศที่อาศัย อยู่ตามแนวชายแดน การโจรกรรมยานพาหนะข้ามประเทศ อาชญากรรมทางเศรษฐกิจและคอมพิวเตอร์ และอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในน่านน้ำและโจรสลัด รวมไปถึงการพัฒนาบุคลากรร่วมกันของตำรวจทั้งสองประเทศ
ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้นทั้งสองฝ่ายร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลง เพื่อแสดงถึงเจตจำนงในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมร่วมกัน พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.สมยศยังได้เป็นประธานในพิธีส่งคืนยานพาหนะที่ถูกโจรกรรมมาจากประเทศมาเลเซีย 25 คัน กลับคืนสู่ประเทศมาเลเซีย โดยมี ผบ.ตร.มาเลเซียเป็นผู้รับแทนรับ และมีข้าราชการตำรวจของสองประเทศร่วมเป็นสักขีพยาน