- Details
- Category: กองทัพเรือ
- Published: Friday, 22 May 2015 18:38
- Hits: 11092
'มะกัน'ก็ยื่นมือช่วย ทหารโต้ ใช้ปืนไล่โรฮิงยา
รมต.สหรัฐชื่นชม 2 ปท. ชวา-มาเลย์ยุติผลักดัน นายกฯนาจิบสั่งเรือรบ รับ7พันคนกลางทะเล ทีมโกโต้งมอบตัวอีก 10
ทร.โต้วุ่น-ปัดใช้ปืนขู่ไล่เรือโรฮิงยา ให้พ้นน่านน้ำไทยยันไม่ใช้ความรุนแรง แถมยังให้อาหาร-น้ำดื่ม แล้วช่วยซ่อมเรือให้ด้วย ด้านผบ.ทร.ก็ยันไม่จริง ชี้อาจเป็นเรื่องเข้าใจผิด โดยเรือโรฮิงยาแค่ผ่านมาไทย ต้องการไปอินโดฯ แต่ระหว่างทางอาจไปเจอทหารเพื่อนบ้านแล้วเข้าใจผิด ขณะที่ผู้ต้องหาค้าโรฮิงยามอบตัว-จับเพิ่มอีก 10 คน โดยมี 'โกเซี่ย' ญาติโกโต้ง กับส.จ. สตูลเข้าพบตร.ด้วย ส่วนกลุ่มนักวิชาการใต้ออกแถลงการณ์ 4 ข้อ จี้รบ.ตั้งศูนย์ช่วยเหลือชั่วคราว ส่วนสหรัฐก็พร้อมช่วยโรฮิงยาบางส่วน โดยรมว.ต่างประเทศมะกัน-อินโดฯ-มาเลย์เล็งถกกับพม่า พร้อมชื่นชม 2 ประเทศยื่นมือช่วย ขณะที่นาจิบ ราซัก สั่งกองทัพเรือออกค้นหา-ช่วยโรฮิงยาในทะเล
วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 8941 ข่าวสดรายวัน
รบ.ปัดทหารใช้ปืนขู่โรฮิงยา
เมื่อวันที่ 21 พ.ค. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีชาวโรฮิงยาที่เดินทางมากับกลุ่มผู้ลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย ซึ่งลอยลำเข้ามาในเขตน่านน้ำรอยต่อประเทศ ไทยมาเลเซีย เมื่อวันที่ 14 พ.ค. และปัจจุบันขึ้นฝั่งอยู่ที่จังหวัดอาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย ให้สัมภาษณ์ระบุทหารไทยใช้ปืนขู่จะยิงเรือชาวโรฮิงยาเพื่อให้เดินทางต่อไปว่า รัฐบาลไทยมีแนวปฏิบัติชัดเจน จะไม่ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบใด ยึดหลักการช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม รวมทั้งตรวจสอบกับทหารทุกนายที่ปฏิบัติการช่วยเหลือในคืนนั้น โดยยืนยันว่าไม่มีการใช้อาวุธปืนข่มขู่ตามคำกล่าวอ้าง ซึ่งข้อเท็จจริงคือ เมื่อตรวจสอบพบเรือของผู้ลักลอบ ได้สอบถามพูดคุย พบว่าทั้งหมดต้องการเดินทางต่อ ไม่ประสงค์จะขึ้นฝั่งไทย โดยร้องขออาหารและน้ำดื่ม
รองโฆษกรัฐบาลกล่าวอีกว่า รัฐบาลและกองทัพเรือขอปฏิเสธข่าวที่ไร้มูลความจริงนี้โดยสิ้นเชิง ข้อเท็จจริงคือนอกจากทหารเรือไทยจะให้อาหารและน้ำดื่มตามหลักมนุษย ธรรมแล้ว ยังช่วยซ่อมเครื่องยนต์เรือที่ชำรุดให้ตามที่ร้องขอ ซึ่งต้องดำเนินการถึงตีสามกว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจในวันดังกล่าว หากคิดจะใช้กำลังข่มขู่ขับไล่ก็ไม่มีความจำเป็นใดที่ต้องไปสอบถาม หรือให้การช่วยเหลือจนค่อนคืน และในวันนั้นก็มีสื่อมวลชนเป็นพยาน มาบันทึกภาพเหตุการณ์การช่วยเหลือด้วยความตั้งใจของทหารเรือไทย รัฐบาลไทยรู้สึกเจ็บปวดกับคำกล่าวอ้างที่เลื่อนลอยและทำให้ทหารเรือไทยซึ่งทุ่มเท ตั้งใจทำงานทั้งเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมมนุษย์ และปกป้องอธิปไตยทางทะเลของชาติรู้สึกเสียใจไม่น้อย
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า แม้จะได้รับการกล่าวร้ายที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อการที่นานาชาติจะเข้าใจประเทศไทยผิด แต่รัฐบาลไทยยังจะไม่เปลี่ยนแปลงแนวทางปฏิบัติต่อผู้เคลื่อนย้ายโดยไม่ปกติเหล่านี้ หากอยู่ในเขตนอกน่านน้ำไทยก็จะให้การช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม เช่น ให้อาหารน้ำดื่ม หากประสงค์จะเข้าเขตน่านน้ำไทยก็ต้องเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย ไทยในฐานะผู้ลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย
ผบ.ทร.ยันเอง-ไม่จริง
ด้านพล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผบ.ทร. กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า เรื่องแบบนี้ไม่มี ใครจะไปไล่ยิงเรือโรฮิงยา เรื่องที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากความเข้าใจผิดกันมากกว่า ซึ่งเรือชาว โรฮิงยาที่เข้ามาในประเทศเกิดจากแบตเตอรี่หมด และทัพเรือภาคที่ 3 เข้าให้ความช่วยเหลือจนเรือลำดังกล่าวเดินทางต่อไปได้ จากนั้นเรือลำดังกล่าวก็กลับเข้ามาใหม่ ตรวจสอบพบน้ำทะเลเข้าไปในระบบน้ำมัน ทำให้เครื่องยนต์เกิดปัญหาโดยทัพเรือภาคที่ 3 ซ่อมแซมจนเดินทางต่อไปได้
พล.ร.อ.ไกรสร กล่าวอีกว่า ครั้งแรกที่เรือโรฮิงยาเข้ามาในน่านน้ำไทย เรานำอาหารใส่เฮลิคอปเตอร์ เพื่อส่งให้ชาวโรฮิงยาที่อยู่ในเรือลำดังกล่าว กระทั่งในครั้งนี้ 3 นอกจากจะซ่อมแซมเครื่องยนต์ให้แล้ว ยังให้อาหารและยารักษาโรคไปด้วย และเราสอบถามกับชาวโรฮิงยาว่าจะเดินทางไปประเทศไหน ก็บอกว่าจะไปประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งข้อเท็จจริงเป็นแบบนี้แล้วเราจะไปซ้อมหรือไล่ยิงชาว โรฮิงยากลุ่มนี้ทำไม ทั้งนี้ไม่อยากให้ไปฟังเลย เพราะไม่มีน้ำหนัก พูดไปเรื่อย เราต้องเข้าใจและนึกภาพให้ออกว่าถ้าจะยิงชาวโรฮิงยาแล้ว ทำไมเราจะต้องช่วยเหลือทั้งซ่อมเรือ ให้อาหารและยา ซึ่งเราได้ช่วยทุกอย่าง
"กองทัพเรือไม่เคยผลักดันอะไรเลย หากพูดกันลักษณะนี้จะเกิดความเสียหายได้ ชาวโรฮิงยาเมื่ออยู่น่านน้ำจะไปไหนก็ไป หากเดือดร้อนอะไรเราก็ให้ความช่วยเหลือ แต่หากเข้ามาในไทยจะผิดกฎหมายเรื่องการหลบหนีเข้าเมือง ซึ่งชาวโรฮิงยาก็ไม่เข้ามา เพราะจุดหมายของเขาต้องการไปอินโดนีเซีย" พล.ร.อ.ไกรสรระบุ
แจงให้อาหาร-ซ่อมเรือ
ขณะที่พล.ร.ต.สมชาย ณ บางช้าง เสนา ธิการทัพเรือภาคที่ 3 กล่าวว่า ข่าวที่เกิดขึ้นไม่เป็นความจริงเลย ที่ผ่านมาทัพเรือภาคที่ 3 ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และปฏิบัติอย่างอย่างละมุนละม่อม ไม่ได้ทำร้ายหรือข่มขู่อย่างที่เป็นข่าว ทั้งนี้ ผู้บังคับบัญชาการได้รับทราบในการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตลอด และเชื่อว่าคงไม่ได้ติดใจ เนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เป็นความจริง
ด้านน.ต.วีระพงษ์ นาคประสิทธิ์ ผบ.หน่วยปฏิบัติการต่อสู้อากาศยาน และรักษาฝั่ง 491 ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริงตามที่มีการ นำเสนอ ซึ่งหน่วยของตนได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือชาวโรฮิงยากลุ่มนี้อย่างเต็มที่ และการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ก็ทำแบบจริงใจ และมีน้ำจิตน้ำใจด้านมนุษยธรรม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการกล่าวหาของชาวโรฮิงยา ทั้งที่เราให้ความช่วยเหลืออย่างดี ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการกล่าวหาที่สวนทางกับการทำงานของทหารในพื้นที่
"ยืนยันเลยว่าทหารเรือทุกหน่วยและทุกลำที่ออกปฏิบัติภารกิจดังกล่าว ไม่ได้ละเมิดสิทธิของชาวโรฮิงยาเลย และไม่ได้แสดงกิริยา ในการปฏิบัติ เราทำด้วยสุภาพ ทั้งการซ่อมเครื่อง มอบอาหาร และยารักษาโรค ทั้งนี้ชาวโรฮิงยาเมื่อเดินทางไปถึงประเทศที่ 3 แล้ว อาจจะจำผิด เพราะระหว่างทางอาจไปเจอทหารจากประเทศเพื่อนบ้านหรือกองกำลังประเทศอื่น ก่อนคิดว่าเป็นทหารไทย หรือพูดลอยๆ กล่าวหา ทั้งที่ทหารเรือเราช่วยเหลือในทุกรูปแบบ ที่สำคัญชาวโรฮิงยากลุ่มนี้ไม่ต้องการมาไทย ไทยเป็นเพียงทางผ่านเท่านั้น เราไม่จำเป็นต้องใช้กำลัง ไม่ต้องไล่ ชาวโรฮิงยาก็ไปแล้ว" น.ต.วีระพงษ์กล่าว
ตร.รับควบคุมไว้ 318 คน
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวถึงการแก้ปัญหาชาวโรฮิงยาว่า ถือเป็นเรื่องดีที่จะมีการประชุมหารือแนวทางแก้ไขปัญหาชาวโรฮิงยาร่วมกัน 15 ประเทศ ซึ่งประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในวันที่ 29 พ.ค. โดยเชื่อว่าจะสามารถหาทางออกในเรื่องนี้ได้ สำหรับแนวทางแก้ปัญหานั้น ต้องแยกชาวโรฮิงยาออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่ยังไม่ได้เข้ามาในประเทศไทย ซึ่งกลุ่มนี้ถือว่ามีสิทธิ์ลอยลำอยู่ในน่านน้ำสากล เพื่อรอความช่วยเหลือ ซึ่งขณะนี้มีประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซียอาสาจะรับชาวโรฮิงยาขึ้นฝั่งแล้ว จึงถือเป็นเรื่องที่ดี และอีกกลุ่มคือกลุ่มที่เข้ามาในเขตแดนและอยู่ในการควบคุมของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง โดยจะดำเนินคดีตามกฎหมายการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นไปตามหลักสากล
"ตอนนี้มีชาวโรฮิงยาที่อยู่ในการควบคุมของสตม. ประมาณ 318 คน ซึ่งเราจะปฏิบัติตามหลักมนุษยชนสากล เพื่อรอดำเนินการตามขั้นตอน โดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่งคง ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหานี้ โดยระหว่างนี้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิสูจน์สัญชาติชาวโรฮิงยาที่อยู่ในการควบ คุมทั้งหมดด้วย" พล.ต.อ.สมยศกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าสำหรับตำรวจที่เรียกให้มาช่วยราชการที่ศปก.ตร. ผบ.ตร. กล่าวว่า ขณะนี้ฝ่ายจเรตำรวจอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงว่านายตำรวจกลุ่มดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันกับขบวนการค้ามนุษย์หรือไม่ หากมีหลักฐานชัดเจนว่ามีส่วนรู้เห็นในการกระทำความผิดก็จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดไม่มีละเว้น
มอบตัว-จับเพิ่มอีก 10
ที่จ.สงขลา พล.ต.ต.พุทธิชาต เอกฉันท์ รองผบช.ภ.9 ในฐานะโฆษกศูนย์ปฏิบัติการ บช.ภ. 9 ส่วนหน้า พ.ต.อ.โชติ ชัยชมพู ผกก.สส.ภ.9 ร่วมแถลงควบคุมตัวผู้ต้องหา 9 คน แยกเป็นเข้ามอบตัว 4 คน คือ นายโปเซี๊ย อังโชติพันธุ์ หรือโกเซี่ย เครือญาตินายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือโกโต้ง นายสมพล อาดำ สจ. สตูล เขตอ.เมือง นายสมบูรณ์ สันโด และนายสมเกียรติ แก้วประดับ นอกจากนี้ยังจับกุมได้อีก 5 คน ประกอบด้วย นายอับดุลลาซีด มันตะสุม นายหมัดยุโส๊ป บิลเหล็ม นายเจ๊ะเต๊ะ ยะฝาด นายหมิด หมอชื่น และนาย อูเซ็น ชาวบังคลาเทศ ทั้งหมดเป็นเครือข่าย ค้ามนุษย์ใน จ.สงขลา จ.สตูล และจ.ระนอง ในภาพรวมของคดีขณะนี้ออกหมายจับไปแล้ว 77 หมาย ควบคุมตัวได้แล้ว 44 ราย และยังหลบหนี 33 ราย
ผู้สื่อข่าวรายงานงานว่า ต่อมานายวุฒิ วุฒิประดิษฐ์ อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาเครือข่ายค้ามนุษย์ใน จ.สตูล กลุ่มเดียวกับโกโต้ง เข้ามอบตัวที่ศูนย์ปฏิบัติการบช.ภ.9 ส่วนหน้า เพิ่มอีก 1 คน
นักวิชาการใต้แถลงจี้ 4 ข้อ
ต่อมาเครือข่ายนักวิชาการเพื่อสังคมและองค์กรชุมชนภาคใต้ ออกแถลงการณ์เรียกร้อง 3 ข้อคือ 1.เรียกร้องให้รัฐบาลไทย "จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือชั่วคราว" เพื่อช่วยเหลือและเยียวยาเฉพาะหน้า รวมทั้งสนับสนุนปัจจัยการดำรงชีวิตพื้นฐานแก่ชาวโรฮิงยา 2.ขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยดำเนินการริเริ่มในการแก้ไขปัญหา ชาวโรฮิงยา โดยประสานความร่วมมือจากทุกประเทศในอาเซียน และยกระดับประเด็นโรฮิงยาเป็นวาระปัญหาและการแสวงหาทางออกร่วมกันบนพื้นฐานหลักการความเป็นมนุษย์ที่จะต้องรับการปกป้องและคุ้มครอง
3.จากข้อเท็จจริงและหลักฐานเชิงประจักษ์ที่พบว่ามีขบวนการค้ามนุษย์ที่เกิดจากสมคบคิดและร่วมมือของกลุ่มผลประโยชน์ในระดับต่างๆ อันนำสู่การกดขี่คุกคามชาวโรฮิงยาในหลากหลายรูปแบบ จึงขอให้รัฐบาลใช้โอกาสนี้ขจัดและกวาดล้างขบวนการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง และ4.ขอเรียกร้องให้คนในสังคมไทยปรับเปลี่ยนเจตคติต่อชาวโรฮิงยาในฐานะมนุษย์ที่มีความเท่าเทียม มีสิทธิ เสรีภาพ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เฉกเช่นบุคคลทุกคน
สหรัฐก็พร้อมช่วยโรฮิงยา
วันเดียวกัน เอเอฟพีรายงานความคืบหน้าการช่วยเหลือชาวโรฮิงยาและชาวบังกลาเทศ ซึ่งยังมีจำนวนมากลอยเรืออยู่กลางทะเลว่า นาจิบ ราซัก นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า สั่งการให้กองทัพเรือมาเลเซีย และหน่วยงานกองกำลังทางทะเลมาเลเซีย นำเรือออกปฏิบัติการค้นหาผู้ลี้ภัย เพื่อป้องกันการสูญเสียชีวิตที่อาจเพิ่มมากขึ้น ถือเป็นการแถลงที่ชัดเจนและเป็นครั้งแรกว่า ทางการมาเลเซียพร้อมให้ความช่วยเหลือ และแก้วิกฤตผู้ลี้ภัยอย่างจริงจัง หลังการประชุมร่วมระหว่างนายอานิฟาห์ อามาน รมว.ต่างประเทศมาเลเซีย นางเรตโน มาร์ซูดี รมว.ต่างประเทศอินโดนีเซีย และพล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รมว.ต่างประเทศไทย ที่กรุง ปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 20 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยมีข้อสรุปร่วมระหว่างมาเลเซียและอินโดนีเซียว่า จะให้ที่พักพิงชั่วคราวกับชาวโรฮิงยาและชาวบังกลาเทศ ซึ่งยังลอยเรืออยู่ในทะเลราว 7,000 คน ก่อนดำเนินการตามกระบวนการผลักดันกลับคืนสู่ประเทศบ้านเกิดภายในเวลา 1 ปี
ด้านนายแอนโทนี บลิงเคน รมว.ต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า จะเดินทางไปหารือกับทางการพม่า ที่กรุงเนปิดอร์ โดยมีนายอามานและนางมาร์ซูตีเข้าร่วมหารือถึงกระบวนการช่วยเหลือผู้ลี้ภัย ซึ่งรัฐบาลสหรัฐ พร้อมรับชาวโรฮิงยาบางส่วน หลังแสดงความชื่นชมมาเลเซียและอินโดนีเซียต่อการตัดสินใจให้ความช่วยเหลือชาวโรฮิงยาและบังกลาเทศ
นายบลิงเคนยังระบุอีกว่า จะนำประเด็นบทบาทของทางการพม่าที่กดดันให้ชาวโรฮิงยาในรัฐยะไข่ ทางภาคตะวันตก ต้องอพยพลี้ภันจนเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ ไปหารือกับทางการพม่าโดยตรง เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลพม่าแสดงความรับผิดชอบและแก้ไขสถานการณ์ความขัดแย้งในรัฐยะไข่