- Details
- Category: มหาดไทย
- Published: Friday, 29 April 2022 22:12
- Hits: 2389
มหาดไทยเปิดการอบรมพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ OTOP ผ้าไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ‘Coaching ผ้าขิดลายนารีรัตนราชกัญญา’ เน้นย้ำขับเคลื่อนสนองแนวพระดำริ ‘โครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก’ ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ให้เกิดความยั่งยืน
มหาดไทยเปิดการอบรมพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ OTOP ผ้าไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ‘Coaching ผ้าขิดลายนารีรัตนราชกัญญา’ เน้นย้ำขับเคลื่อนสนองแนวพระดำริ ‘โครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก’ ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ให้เกิดความยั่งยืน
วันายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาศักยภาพและเพิ่มช่องทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการ OTOP ผ้าไทย "Coaching ผ้าขิดลายนารีรัตนราชกัญญา" การอบรมเชิงปฏิบัติการที่จังหวัดอุบลราชธานี จุดที่ 1 โดยมี นายสมคิด จันทมฤก อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ผศ.ดร.ศศิธร จันทมฤก ประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชน นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นางศลิษา ภิรมย์รัตน์ ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดอุบลราชธานี นายสมเพชร สร้อยสะคู รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี
นายวิรุจ วิชัยบุญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี อาจารย์มีชัย แต้สุจริยา ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ทอผ้า) พ.ศ. 2564 ดร.ศรินดา จามรมาน กรรมการที่ปรึกษาโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก คุณธนันท์รัฐ ธนเสฏฐการย์ กรรมการที่ปรึกษาโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุกและผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไทย คุณศิริชัย ทหรานนท์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์เธียร์เตอร์ คุณวิชระวิชญ์ อัครสันติสุข กรรมการที่ปรึกษาโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุกและนักออกแบบแบรนด์ Wisharawish (Workshop) ผู้ผลิต และผู้ประกอบการ OTOP ผ้าไทยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร่วมในพิธี ณโรงแรมสุนีย์แกรนด์ อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี
ในโอกาสนี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวแสดงความยินดีกับอาจารย์มีชัย แต้สุจริยา ที่ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ทอผ้า) พ.ศ. 2564 ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของชาวจังหวัดอุบลราชธานี และพี่น้องผู้ประกอบการทอผ้าทุกคน ที่ได้ร่วมกันมุ่งมั่น ทุ่มเท สนองแนวพระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในการสืบสาน รักษา และต่อยอดแนวพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
ด้วยการสืบสานอนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน และใช้ภูมิปัญญาผ้าไทยเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งกว่าร้อยละ 80 คือพี่น้องเกษตรกร ให้ได้มีโอกาสที่ดีของชีวิต ใช้ความสามารถ ใช้ภูมิปัญญาเพื่อเพิ่มพูนรายได้ อันเป็นผลดีต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตและทำให้สังคมไทยของเราเป็นสังคมที่มีเอกลักษณ์ อัตลักษณ์ อันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่หลากหลายและทรงคุณค่า ไม่ให้สูญหายมลายไป
“เป็นโชคดีของพวกเราชาวไทย ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงทุ่มเท ชุบชีวิตผ้าไทย และงานหัตศิลป์ หัตถกรรมต่างๆ ที่เป็นของไทยเราให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง และได้รับการต่อยอดขยายผลโดยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่ทรงเปี่ยมไปด้วยความกตัญญูกตเวที และทรงแบ่งพระราชภาระของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน รักษา และต่อยอดภูมิปัญญาผ้าไทย ให้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมที่เต็มไปด้วยความดีงาม
ด้วยการทรงตั้งใจศึกษาเล่าเรียนในคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเสด็จไปทรงศึกษาต่อในเรื่องแฟชั่น เรื่องผ้า และทรงค้นคว้าความงดงามและเทคนิคในเรื่องผ้าไทย ที่บรรพบุรุษไทยเราสืบทอดมาให้อยู่ตลอดเวลา ประยุกต์กับแฟชั่นสมัยใหม่ ด้วยพระปรีชาเป็นอย่างมาก ก็เพราะทรงมุ่งมาดปรารถนาอยากเห็นพี่น้องคนไทยมีความสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีอาชีพ มีรายได้ เพื่อนำไปส่งลูกหลานเรียนหนังสือ สร้างบ้านเรือนให้แข็งแรง เก็บเงินทองไว้รักษาตัวยามเจ็บไข้ได้ป่วย
และที่สำคัญไม่เป็นหนี้เป็นสินใคร สามารถหาเลี้ยงตนเอง เพิ่มพูนรายได้ตนเองได้ ซึ่งในวันนี้ พวกเราทุกคนมีเสาหลัก คือ ทั้งสองพระองค์เป็นแรงบันดาลใจ และมีองค์ความรู้ มีบรมครู คณาจารย์ ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไทย มาช่วยถ่ายทอดส่งเสริมให้พี่น้องผู้ประกอบการผ้าไทยจังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดใกล้เคียงในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้มีโอกาสนำมาเป็นแบบอย่างในการเรียนรู้เพื่อพัฒนาคุณภาพของผ้าให้ดียิ่งขึ้น”นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงแรก
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชน ได้น้อมนำพระดำริและคำแนะนำที่ได้พระราชทานในการเสด็จทรงงานด้านผ้าไทยในโอกาสต่าง ๆ มาเป็นเสาหลักในการขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมพัฒนาผู้ประกอบการผ้าไทย ทั้งมิติต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเอาพระทัยใส่เรื่องความยั่งยืนทั้งต่อชีวิตของคนและสิ่งแวดล้อมในโลกใบนี้ของเรา โดยสิ่งที่จะทรงตรัสอยู่เสมอ คือ การใช้ผลิตภัณฑ์ในการผลิตผ้าที่เป็นการสร้างความมั่นคงอย่างยั่งยืนให้กับกลุ่ม ให้กับครอบครัว ด้วยการปลูกฝ้าย ปลูกหม่อน เลี้ยงไหม ผลิตวัตถุดิบในการทอผ้าด้วยตนเอง
อันสอดรับกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงอยากเห็นคนไทยได้ยึดถือน้อมนำเอาหลักคิดหลักปฏิบัติ เพื่อลดรายจ่ายและเป็นหลักประกันในเรื่องความมั่นคงด้านเครื่องนุ่งห่มของประเทศ ที่จะเป็นแนวคิดที่สำคัญต่อชีวิตความเป็นอยู่ถึงรุ่นเหลนของพวกเราทุกคน นอกจากนี้ สิ่งที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ได้พระราชทานเพื่อความยั่งยืนอีกประการหนึ่ง นั่นคือ ช่วยกันปลูกต้นไม้ใบหญ้าที่ให้สีธรรมชาติเอาไว้ใช้เพิ่มมากขึ้น
โดยพระราชทานพระดำริในการรวบรวมสูตรการผสมสีผ้า ซึ่งเป็นพระปรีชาในการส่งเสริมการลดโลกร้อนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตามแนวคิดนานาประเทศ ที่มีคำกล่าวว่า “No Plan B because Only One Planet : เรามีแผนเดียว คือ แผน A ไม่มีแผน 2 ด้วยการช่วยกันไม่ทำให้โลกของเราเจ็บป่วยจากการใช้ชีวิตและการทำมาหากินของพวกเรา’ ซึ่งถือว่าเป็นส่วน ‘ต้นน้ำ’ สำหรับในส่วนกลางน้ำได้พระราชทานแนวทางในการเลือกใช้วัตถุดิบ การดูแลเครื่องไม้เครื่องมือ กี่ทอผ้า ที่จะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ผ้าวิจิตรสวยงาม ทั้งทรงทุ่มเทในเรื่องการคาดการณ์แนวโน้มแฟชั่นโลก
ด้วยการรวบรวมเฉดสี จัดพิมพ์เป็นหนังสือ Textbook โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม อันเป็นประโยชน์ในการเผยแพร่ให้พี่น้องผู้ทอผ้าได้รู้จักการเลือกใช้สีลวดลาย ที่ประยุกต์ลวดลายเก่าที่ทรงคุณค่าของบรรพบุรุษ มาต่อยอดดัดแปลง เพิ่มเติม ปรับปรุง เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยพระมหากรุณาที่เห็นเป็นรูปธรรมจนเป็นที่นิยมชมชอบของคนไทยในปัจจุบัน นั่นคือ การพระราชทานแบบลายผ้า ‘ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ’ ที่ทำให้เกิดการสร้างรายได้มหาศาลให้กับผู้ประกอบการทอผ้าในทุกถิ่นที่ชนบทห่างไกล รวมถึง’ลายขิดนารีรัตนราชกัญญา' ที่เป็นการแสดงออกซึ่งความกตัญญูกตเวทีต่อสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง
และพระปณิธานอันแน่วแน่ว่าทรงมีพระหทัยที่ผูกพัน ทรงรักพสกนิกรชาวไทยของพระองค์ ด้วยการมุ่งมั่นสืบสาน รักษา และต่อยอดแนวพระราชปณิธานของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง และสนองแนวพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมุ่งมั่นในการสืบสาน รักษา และต่อยอด แนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ก่อเกิดเป็นแนวทางขับเคลื่อน ‘ปลายน้ำ’ ผ่านการพระราชทานโครงการ ‘ผ้าไทยใส่ให้สนุก’ ให้กับคนไทย
ซึ่งมีความสำคัญในการส่งเสริมให้คนทุกเพศ ทุกวัย สวมใส่ผ้าไทยในทุกโอกาส ทุกเทศกาล โดยทรงดึงนักออกแบบชื่อดังที่มีความสามารถด้านการออกแบบผ้าไทย มาร่วมสนองงานพระดำริ ด้วยการแนะนำเทรนสมัยใหม่ให้กับผู้ประกอบการผ้าได้พัฒนาฝีไม้ลายมือ ทักษะการออกแบบ ตัดเย็บให้มีความร่วมสมัย หลากหลาย ซึ่งถือเป็นส่วนที่สำคัญที่จะส่งผลต่อการผลิตที่สอดรับกับความต้องการ ซึ่งหากพวกเราออกแบบผ้าที่เป็นที่ต้องการของตลาดของคนสวมใส่ สิ่งที่นอกเหนือจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังทำให้เกิดความภาคภูมิใจของผู้ทอผ้า ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนมาจากพระดำริของพระองค์ที่ได้พระราชทานให้กับช่างทอผ้าอย่างครบวงจรด้วยการ “ทำโดยผู้รู้จริง ยึดเป็นอาชีพที่ประสบความสำเร็จจริง แล้วจะเกิดสิ่งที่ดีเกิดขึ้น”
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้พวกเราทุกคนตั้งใจรับสิ่งที่วิทยากรนำมามอบให้ ด้วยการตริตรอง ทบทวน และทำตาม ตั้งแต่ต้นน้ำ โดยเน้นเรื่องสีธรรมชาติ ไม่ใช้สีเคมี ทบทวนดูว่าลวดลาย แบบผ้าที่บรรพบุรุษปู่ย่าตายายตกทอดมาให้ สามารถสอดแทรก ปรับลวดลายให้ทันสมัย ดังที่พระองค์ท่านทรงทำให้ดูเป็นแบบอย่าง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีข้อห้าม ไม่มีผิดถูก มีแต่จะพัฒนาเพิ่มพูนผลิตภัณฑ์ที่ดีๆ ของเราเพิ่มมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ในแง่ของการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ทรงซ่อนไว้ในแบบลายผ้าพระราชทาน คือ ประวัติ เรื่องราว ที่มา (Story) อันเป็นตัวอย่างที่พวกเราได้รวบรวมรายละเอียดผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่เนื้อหาคุณค่าของวัตถุดิบ ช่างทอผ้า หมู่บ้าน ตำบล จังหวัด มาเป็นเรื่องราวของชิ้นงานเพื่อเสริมให้ผลิตภัณฑ์ผ้ามีคุณค่าและเป็นที่สนใจ เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น
“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพวกเรามีความสุขในการได้น้อมนำพระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และห้วงเวลาหลังจากนี้เป็นต้นไป เราจะมีความสุขเพิ่มมากขึ้นและเป็นความสุขที่เปี่ยมไปด้วยพลังที่เป็นความหวังว่าลูกหลานเราจะมีอนาคตที่ดี เพราะเราจะได้ช่วยกันในการประกอบสัมมาอาชีพและมีอาชีพเสริมยามว่าง ด้วยการทำตามที่พระองค์ท่านทรงแนะนำว่า ให้ใช้ชีวิตเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ทำร้าย ไม่ทำลายประเพณีวัฒนธรรม ไม่ทำลายแม่พระธรณีด้วยการเทสีเคมีลงไปในดิน ไม่ทำร้ายลูกหลานด้วยการทำให้ลูกหลานของเราขาดตัวอย่างที่ดีของการพึ่งพาตนเองตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
และใช้พลังในตัวเราสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ด้วยน้ำมือของตัวเราและถ่ายทอดไปสู่ลูกหลาน อันเป็นการสนองพระดำริในการขับเคลื่อน ‘โครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก’ และเจตนารมณ์ของทางราชการ อันประกอบด้วย กระทรวงมหาดไทย กรมการพัฒนาชุมชน จังหวัดต่างๆ และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่ตั้งใจในการที่จะปรับกระบวนการทำงาน เพื่อให้งานของราชการเกื้อกูลกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องช่างทอผ้า กลุ่มทอผ้า อย่างได้ผลดี และคำนึงถึงความยั่งยืนโดยแท้ตลอดไป”นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงท้าย
ด้าน นายสมคิด จันทมฤก อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า โครงการพัฒนาศักยภาพและการเพิ่มช่องทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการ OTOP ผ้าไทย (Coaching ผ้าขิดลายนารีรัตนราชกัญญา) จัดทำขึ้นเพื่อสนองแนวพระดำริ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในการสืบสานพระราชปณิธาน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง อนุรักษ์มรดกภูมิปัญญาการทอผ้า พร้อมทั้งเผยแพร่พระอัจฉริยภาพของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ด้านการออกแบบเครื่องแต่งกายและสิ่งทอ
ต่อยอดการพัฒนาลายผ้าพระราชทาน ‘ผ้าขิดลายนารีรัตนราชกัญญา’ ตามแนวพระดำริ ‘ผ้าไทยใส่ให้สนุก’ ตลอดจนเพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดและเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับลายผ้าพระราชทาน ‘ผ้าขิดลายนารีรัตนราชกัญญา’ แก่ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ผ้าไทย และเพื่อให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ผ้าไทย สามารถนำลายผ้าพระราชทาน ‘ผ้าขิดลายนารีรัตนราชกัญญา’ ไปเป็นต้นแบบและพัฒนาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ผ้าตามอัตลักษณ์พื้นถิ่น รวมทั้งสร้างรายได้เพิ่มให้กับชุมชน