WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1aaaR2หมื่นหลา

มท.1 รับมอบผ้าฝ้ายมัสลิน 2 หมื่นหลา จากภาคเอกชน เพื่อจัดทำหน้ากากอนามัยแบบผ้าแจกจ่ายพี่น้องประชาชน

      ที่ห้องรับรองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อาคารศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้การต้อนรับ นายรัชพันธุ์ อุ่นพิพัฒน์ ผู้บริหารบริษัท จันทร์เกษมอินเตอร์เนทชั่นแนล จำกัด ในโอกาสมอบผ้าฝ้ายมัสลิน จำนวน 20,040 หลา ให้กระทรวงมหาดไทย เพื่อใช้สำหรับจัดทำหน้ากากอนามัยแบบผ้าแจกจ่ายพี่น้องประชาชน โดยมี นายขจร ศรีชวโนทัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ร่วมรับมอบ

       พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทย ขอขอบคุณ บริษัท จันทร์เกษมอินเตอร์เนทชั่นแนล จำกัด ที่ได้มอบผ้าฝ้ายมัสลิน ซึ่งเป็นวัสดุที่ใช้สำหรับการจัดหน้ากากอนามัยชนิดผ้าเพื่อมอบให้กับพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ โดยกระทรวงมหาดไทยจะได้มอบให้กับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเพื่อมอบให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) นำไปจัดทำหน้ากากอนามัยมอบให้กับประชาชนต่อไป

       นายรัชพันธุ์ อุ่นพิพัฒน์ กล่าวว่า บริษัท จันทร์เกษมอินเตอร์เนทชั่นแนล จำกัด มีความประสงค์ในการร่วมสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์เพื่อใช้ทำหน้ากากอนามัยชนิดผ้าเพื่อป้องกันโรคโควิด 19 จึงมอบผ้าฝ่ายมัสลิน จำนวน 20,040 หลา มูลค่า 901,800 บาท โดยผ้าฝ้ายมัสลินเป็นวัสดุชั้นดีในการจัดทำหน้ากากอนามัยชนิดผ้าเพื่อป้องกันโรคดังกล่าว ซึ่งสามารถซักแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีกกว่า 100 ครั้ง.

 

กทม.พร้อมปล่อยงบ ‘กองทุนหลักประกันสุขภาพ’ ใช้ส่งเสริมสุขภาพประชาชน

      กทม.พร้อมอนุมัติ ‘กองทุนหลักประกันสุขภาพฯ’ หลังสรรหาอนุกรรมการครบ 50 เขต เปิดทางงบประมาณค้างท่อนาน 3 ปี รวม 1.7 พันล้านบาท ใช้ดำเนินกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพประชาชน ล่าสุดใช้เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จัดซื้อหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ แจกจ่ายให้ประชาชน

       นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าล่าสุด ของกองทุนหลักประกันสุขภาพกรุงเทพมหานคร ว่าปัจจุบันได้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ระดับเขต ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนภาคประชาชน ภาคเอกชน และภาคราชการ รวมทั้งสิ้น 50 เขตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะเดินหน้าในการใช้จ่ายเงินเพื่อพัฒนาสุขภาพของคน กทม.

       สำหรับ กองทุนฯ ดังกล่าว เป็นการจัดสรรงบประมาณจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) หัวละ 45 บาทต่อประชากร ร่วมกับเงินสมทบจากกรุงเทพมหานครไม่น้อยกว่า 60% เพื่อนำมาใช้จ่ายในการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคที่ดำเนินการในชุมชน รวมงบประมาณปีละ 590 ล้านบาท ซึ่งเริ่มต้นในปี 2561 จนถึงปัจจุบันปี 2563 มีเงินในกองทุนรวมแล้วทั้งสิ้นกว่า 1.7 พันล้านบาท

    นพ.พรเทพ ระบุว่า ความล่าช้าที่ทำให้เงินประสบภาวะค้างท่อที่ผ่านมา เป็นเพราะการใช้ระยะเวลาในการสรรหาคณะกรรมการฯ รวมถึงเรื่องของการออกกฎระเบียบต่าง ๆ เกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประมาณ โดยกำหนดว่าสามารถนำเงินไปใช้อย่างไรได้บ้าง ซึ่ง กทม. เป็นหน่วยราชการที่มีขนาดใหญ่ การวางระบบกติกาจึงต้องเป็นไปด้วยความละเอียดรอบคอบ ป้องกันเงินรั่วไหล และไม่ทำให้เจ้าหน้าที่เสี่ยงติดคุก

       ทั้งนี้ ผู้ที่มีคุณสมบัติในการเสนอโครงการเพื่อขอรับงบประมาณ จะต้องเป็นนิติบุคคล เช่น ชมรม มูลนิธิ สมาคม หรือกลุ่มบุคคลเกิน 5 คนที่กรุงเทพมหานครยอมรับ เช่น คณะกรรมการชุมชน เข้ามามีส่วนร่วมในการของบประมาณเพื่อดำเนินกิจกรรมด้านสุขภาพของประชาชน โดยต้องสามารถนำเงินไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่เป็นการใช้เพื่อซื้ออุปกรณ์หรือครุภัณฑ์

       "ตัวโครงการจะถูกประเมินคณะอนุกรรมการในแต่ละเขต เพื่อพิจารณาอนุมัติงบโครงการละไม่เกิน 5 หมื่นบาท สามารถนำไปทำกิจกรรม เช่น การดูแลผู้สูงอายุ ป้องกันอุบัติเหตุท้องถนน จ้างครูพี่เลี้ยงในศูนย์เด็กเล็ก หรือจัดหา care giver ดูแลผู้สูงอายุติดเตียงตามบ้าน เป็นต้น ส่วนถ้าเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ใช้งบประมาณสูง ก็จะถูกส่งมาพิจารณาในคณะกรรมการระดับ กทม. ซึ่งมีผู้ว่าฯ เป็นประธาน" นพ.พรเทพ อธิบาย

      นพ.พรเทพ กล่าวอีกว่า เงินกองทุนฯ ยังสามารถนำมาใช้ได้ 2 รูปแบบ คือ หยุดยั้งการระบาดของภัยที่เป็นภาวะคุกคามด้านสุขภาพ หรือใช้เพื่อให้การดำเนินงานด้านสุขภาพในชุมชนมีประสิทธิภาพดีขึ้น ซึ่งล่าสุดกองทุนฯ ได้ถูกเริ่มใช้ในช่วงของภาวะวิกฤติ การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยนำมาจัดซื้อหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ เพื่อแจกจ่ายให้แก่ประชาชน

      "ที่่ผ่านมางบประมาณของภาคราชการอาจใช้ไปตกหล่นบ้าง ไม่มีประสิทธิภาพบ้าง แต่หากนำมาส่งเสริมกิจกรรมที่ริเริ่มโดยชุมชน ทำให้ชาวบ้านมีความเข้มแข็ง เงินทองก็จะไม่รั่วไหลและเกิดความยั่งยืน ซึ่งคาดหวังว่ากองทุนนี้จะทำให้ชาวบ้านได้มีงบประมาณ ที่จะนำมาดูแลสุขภาพตนเองได้โดยที่ไม่ต้องควักจ่ายเอง และหากทำได้ดีก็จะช่วยให้สถานการณ์โรคไม่ติดต่อ อุบัติเหตุ ภาวะติดเตียง หรือปัญหาต่างๆ เบาลง" นพ.พรเทพ ระบุ

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 

 Click Donate Support Web

 

SAM720x100px bgGC 790x90

 

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!