- Details
- Category: สภาหอการค้าไทย
- Published: Tuesday, 02 October 2018 18:28
- Hits: 7199
กกร.คาดเศรษฐกิจไทย H2/61 โตชะลอจาก H1/61 ตามท่องเที่ยว-ส่งออก จับตาข้อพิพาทการค้าส่อรุนแรง-ราคาน้ำมันสูงขึ้น
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย ในฐานะประธานที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกร.ได้ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี 61 โดยมองว่าเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังยังมีแนวโน้มขยายตัว แต่อาจไม่สูงเท่าช่วงครึ่งปีแรก จากผลของปัจจัยฐานเปรียบเทียบ ซึ่งคาดว่าจะทำให้การส่งออกและการท่องเที่ยว เติบโตในระดับที่ชะลอลง
อย่างไรก็ดี มองว่ายังมีปัจจัยจากการขยายตัวของการบริโภค การลงทุนภาคเอกชนที่ฟื้นตัว การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับเป้าการเบิกจ่าย รวมทั้งการขยายตัวของ GDP ในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งทำให้ กกร. มองว่า GDP ในปี 2561 จะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 4.4% ดังนั้น กกร. จึงปรับเพิ่มกรอบล่างของประมาณการอัตราการขยายตัวของ GDP ในปี 2561 เป็น 4.4-4.8% จากเดิม 4.3-4.8%
"กกร.ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังปี 2561 ยังมีแนวโน้มขยายตัว แต่ไม่สูงเท่าในช่วงครึ่งปีแรก จากผลของปัจจัยฐานเปรียบเทียบที่คาดว่าจะทำให้การส่งออกและการท่องเที่ยวเติบโตชะลอลง รวมทั้งมูลค่าสินค้านำเข้าที่เร่งตัวขึ้น ทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกสูงขึ้น ในขณะที่เงินบาทกลับมาแข็งค่าในเดือนกันยายน จากการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติในตลาดพันธบัตรไทย" นายกลินท์กล่าว
ด้านการส่งออกช่วง 8 เดือนแรกของปี 2561 การส่งออกขยายตัวได้สูง และคาดว่าการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีน่าจะได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อสินค้าจากคู่ค้าเพื่อรองรับเทศกาลปลายปี กกร. จึงปรับเพิ่มกรอบล่างของประมาณการอัตราการขยายตัวของการส่งออกในปี 2561 เป็น 8.0-10.0% (จากเดิม 7.0-10.0%)
ประมาณการปี 2561 ณ 3 ก.ค. 61 ณ 2 ต.ค. 61
GDP 4.3-4.8% 4.4-4.8%
ส่งออก 7.0-10.0% 8.0-10.0%
เงินเฟ้อ 0.9-1.5% 0.9-1.5%
ขณะที่ด้านการท่องเที่ยว พบว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2561 นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยมีจำนวน 25.89 ล้านคน เติบโต 9.9% โดยนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยเติบโต 16.5% หรือมีจำนวน 7.73 ล้านคน ทั้งนี้ สถานการณ์นักท่องเที่ยวจีนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา หดตัวลงทั้งการเดินทางมายังประเทศไทย ซึ่งน่าจะมาจากสาเหตุสภาพเศรษฐกิจในจีนที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว
"การที่กรมสรรพากรประกาศให้มี Down Town VAT Refund 3 แห่ง ซึ่งเป็นโครงการทดลองระยะ 6 เดือน (1 ตุลาคม 2561-31 มีนาคม 2562) ภาคเอกชนเห็นว่า จะเพิ่มความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ และส่งผลให้มีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอันเป็นผลดีต่อภาพรวมการท่องเที่ยว" นายกลินท์ กล่าว
ทั้งนี้ ที่ประชุม กกร.เห็นว่าปัจจัยที่ต้องติดตามในระยะถัดไปที่สำคัญ ได้แก่ ประเด็นข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ที่มีแนวโน้มจะยกระดับความรุนแรงขึ้นอีก หลังจากสหรัฐฯ เดินหน้าจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่ม 10% ครอบคลุมมูลค่าสินค้าเกือบ 2 แสนล้านดอลลาร์ฯ เมื่อวันที่ 24 ก.ย. ซึ่งท้ายที่สุดแล้วประเด็นนี้คงจะส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม ต่อการค้าการลงทุนและเศรษฐกิจไทยมากขึ้นในช่วงปี 2562 โดยประเมินในเบื้องต้นว่าอาจจะกระทบต่อการส่งออกประมาณ 0.6-0.8% ของGDP
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน แต่สำหรับประเทศไทยแล้ว การค้ากับทั้งสองประเทศ ยังคงเป็นไปในแนวทางที่ดี โดยเฉพาะกับสหรัฐนั้น ที่ผ่านมาได้มีการจัดการประชุม "The New Digital Economy: Creating
Thailand-U.S. Commercial Opportunities" เมื่อวันที่ 24 ก.ย. และได้มีการลงนาม MOU ระหว่างหอการค้าไทยและหอการค้าสหรัฐฯ จำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ 1. MOU เพื่อจัดตั้งคณะกรรมการส่งเสริมเศรษฐกิจและธุรกิจระหว่างไทย-สหรัฐฯ และ 2. MOU เพื่อส่งเสริมนโยบาย Digital Economy ของประเทศไทย และการส่งเสริมด้านการค้าและการลงทุนระหว่างไทย-สหรัฐฯ โดยได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการส่งเสริมเศรษฐกิจและธุรกิจระหว่างไทย–สหรัฐฯ เพื่อเป็นกรอบการทำงานระหว่างกันในอนาคต ซึ่งจะเป็นผลดีและเอื้อประโยชน์ต่อภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ Start up และ SME ซึ่งจะตอบสนองนโยบาย Thailand 4.0 ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมได้เร็วยิ่งขึ้น
นอกจากนั้น ควรจับตามองราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะสถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่าน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในประเทศต่อไป และหากภาครัฐต้องการตรึงราคาน้ำมันให้เหมาะสม ก็ควรพิจารณาการใช้เงินจากกองทุนน้ำมันอย่างรอบคอบด้วย เพราะขณะนี้มีอยู่จำนวนจำกัด
นายกลินท์ กล่าวว่า กกร.สนับสนุนสภาวิชาชีพบัญชีในการจัดทำ Application ในการจัดทำบัญชีชุดเดียวให้กับ SME ที่ มียอดขายไม่เกิน 30 ล้านบาท ให้นำไปใช้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ในต้นปีหน้า ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันของ SME ได้
พร้อมกันนี้ กกร.สนับสนุนโครงการข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) เพื่อเป็นมาตรการป้องกันการทุจริตในการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ เข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จสิ้นโครงการ อันจะเป็นประโยชน์ในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณและความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ และพัฒนากระบวนการป้องกันการทุจริตอย่างเป็นระบบ ขณะเดียวกัน ยังได้มีการสนับสนุนโครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (Construction Sector Transparency Initiative : CoST) เป็นมาตรการป้องกันการทุจริตในการก่อสร้างภาครัฐและรัฐวิสาหกิจโดยปัจจุบันมีหน่วยงานเข้าร่วม 147 โครงการและโครงการนำร่องอีก 5 โครงการ (25,822 ล้านบาท) ซึ่ง
ปัจจุบันทำให้งบประมาณประหยัดได้สูงถึง 6,185 ล้านบาท คิดเป็น 23.95%"กกร. เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยยังคงมีความแข็งแกร่ง ส่งผลให้ไทยจะยังคงไม่ได้รับผลกระทบจากต่างประเทศมากนักและคาดว่าจะสามารถรับมือผลกระทบจากความผันผวนทางเศรษฐกิจได้" นายกลินท์กล่าว
อินโฟเควสท์