- Details
- Category: สภาอุตสาหกรรม
- Published: Tuesday, 03 October 2017 20:32
- Hits: 16986
กกร.เพิ่มเป้าจีดีพีปีนี้เป็นโต 3.7-4% จากเดิมโต 3.5-4% ส่วนส่งออกคาดโต 6.5-7.5% จาก 3.5-4.5%
กกร.เพิ่มเป้าจีดีพีปีนี้เป็นโต 3.7-4% จากเดิมโต 3.5-4% ส่วนส่งออกคาดโต 6.5-7.5% จาก 3.5-4.5% แต่หั่นเป้าเงินเฟ้อลงเป็น 0.5-1% จาก 0.5-1.5% มองปลายปีเงินบาทแตะ 34 บ./ดอลล์ ประเมินส่งออกโตต่อเนื่องตามศก.โลกฟื้น -ท่องเที่ยวยังโตตามนักท่องที่ยวจีน และการบริโภค-ลงทุนเอกชนฟื้น
นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) มีมติปรับเพิ่มประมาณการการส่งออกปีนี้โต 6.5-7.5% จากเดิมคาดไว้ที่ 3.5-4.5% ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจไทยปี 2560 น่าจะขยายตัว 3.7-4.0% จากเดิมคาดไว้ที่ 3.5-4.0%
ทั้งนี้ เนื่องจากกกร.มองว่าเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง จากแรงส่งการส่งออกที่เติบโตสูงกว่าคาด เห็นได้จากในช่วง 8 เดือนแรกของปี และยังมีแนวโน้มที่การส่งออกจะยังสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีจากอานิสงส์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าหลัก ประกอบกับการขยายตัวของการท่องเที่ยวซึ่งได้รับผลบวกจากการฟื้นตัวของตลาดนักท่องเที่ยวจีน ตลอดจนเริ่มมีสัญญาณบวกจากการทยอยฟื้นตัวของการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีประเด็นที่ต้องติดตามโดยเฉพาะสถานการณ์ในต่างประเทศ อาทิ การเมืองในสหรัฐฯ เยอรมนี ญี่ปุ่น รวมทั้งความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งอาจส่งผลให้ตลาดการเงินยังปรับตัวผันผวน โดยเฉพาะอัตราแลกเปลี่ยนและค่าเงินบาท โดยมองว่าปลายปีเงินบาทแตะ 34 บ./ดอลล์
ส่วนอัตราเงินเฟ้อนั้น แม้ว่าอัตราเงินเฟ้ออาจจะขยับขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี แต่เมื่อพิจารณาค่าเฉลี่ยตลอดทั้งปีแล้ว คาดว่าคงจะไม่เกิน 1.0% ที่ประชุม กกร. จึงปรับกรอบคาดการณ์เป็น 0.5-1.0% จากเดิม 0.5-1.5%
นายเจน กล่าวถึงกรณีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนสหรัฐตามคำเชิญของนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐว่า ภาพรวมการเดินทางเยือนสหรัฐครั้งนี้น่าจะเป็นผลดี ที่ไทยจะได้มีโอกาสชี้แจงสิ่งที่ได้ดำเนินการไปแล้วและสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น เรื่องไอยูยู ซึ่งเบื้องต้นทราบข่าวว่านายกรัฐมนตรี ยังเชิญบุตรสาวนายทรัมป์มาเยือนไทย เพราะให้ความสนใจในประเด็นเหล่านี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม คงต้องติดตามผลจากการลงนามความร่วมมือด้านต่างๆ ระหว่างรัฐบาลไทย-สหรัฐ และระหว่างภาคเอกชนด้วยกัน ว่าจะมีความก้าวหน้าอย่างไรหรือไม่ในระยะต่อไป โดยเฉพาะการลงทุนระหว่างภาคเอกชนไทยที่ร่วมเดินทางไปเจรจาทางธุรกิจด้วย
สำหรับ กรณีพระราชกำหนดการยกเว้นและสนับสนุนการปฏิบัติการเกี่ยวกับภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร พ.ศ. 2558 ได้ประกาศบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2559 โดยพระราชกำหนดดังกล่าว มีส่วนที่กำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต้องดำเนินการตาม โดยมีบางมาตราที่มีผลกระทบกับผู้ประกอบการที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล โดยเฉพาะในมาตรา 8 ในเรื่องของการให้สถาบันการเงินที่อยู่ในกำกับดูแล ใช้บัญชีและงบการเงินที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลแสดงต่อกรมสรรพากรในการยื่นรายการภาษีเงินได้เป็นหลักฐานในการทำธุรกรรมทางการเงินและการขออนุมัติสินเชื่อกับสถาบันการเงิน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562
ทั้งนี้ ทาง กกร. เห็นว่าการบังคับใช้พระราชกำหนดดังกล่าว ซึ่งต้องใช้บัญชีและงบการเงินเดียวกับที่ยื่นให้กรมสรรพากรในการพิจารณาสินเชื่อของธนาคารนั้น ต้องใช้บัญชีและงบการเงินซึ่งเป็นรอบบัญชีประจำปี 2560 ซึ่งจะเหลือเวลาในการจัดทำบัญชีและงบการเงินเพียง 3 เดือนจากนี้ ดังนั้น จึงขอให้ผู้ประกอบการได้ตระหนักและจัดทำบัญชีให้ถูกต้อง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการขอสินเชื่อกับธนาคาร
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย