WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FITสพนธ มงคลสธดัชนี เชื่อมั่นอุตฯก.ค.หัวทิ่มอีก หลายปัจจัยลบรุมกระหน่ำ-ชง‘สมคิด’แก้ 3 โจทย์ใหญ่

   แนวหน้า : นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยว่า ส่วนผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมไทย เดือนก.ค.อยู่ที่ระดับ 83.0 ถือเป็นอัตราต่ำสุดรอบใน 6 ปี 2 เดือน เนื่องจากผู้ประกอบการกังวลปัญหาการชะลอตัวเศรษฐกิจ และการบริโภคภายในประเทศ รวมทั้งการหดตัวของภาคส่งออกช่วงที่ผ่านมาจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว รวมทั้งปัญหาเทียร์ 3 อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าประมงของไทยในระยะยาว อีกทั้งหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ต่างปรับลดเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการส่งออกในช่วงครึ่งหลังปี’58 โดยการสำรวจดังกล่าว ยังไม่รวมสถานการณ์ปัญหาระเบิดที่แยกราชประสงค์, การปรับทีมเศรษฐกิจใหม่ของรัฐบาล, ความตึงเครียดของกลุ่มประเทศเกาหลีเหลือ เกาหลีใต้ ซึ่งจะเห็นผลชัดเจนในการสำรวจเดือน ส.ค. ขณะที่ความเชื่อมั่นฯคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 101.2 เพิ่มขึ้นจากระดับ 99.0 ในเดือนมิ.ย. เพราะผู้ประกอบการมองว่า น่าจะดีขึ้น

      “คาดว่าในเดือนสิงหาคมแนวโน้มจะใกล้เคียงกับเดือนก.ค. เนื่องจากมีปัจจัยบวก คือ การปรับครม.โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจใหม่ แต่ขณะที่ยังมีปัจจัยลบมากระทบ จากเหตุการณ์ระเบิด และเหตุการณ์เกาหลีเหลือ เกาหลีใต้ ภาวะเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจจีนชะลอตัว” อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการเห็นว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจในขณะนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะใช้โอกาสปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ ตลอดจนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของตลาด เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน และรองรับกับภาวะเศรษฐกิจที่จะกลับมาขยายตัวในระยะต่อไป และผู้ประกอบการเสนอให้ภาครัฐเร่งรัดเบิกจ่ายงบลงทุน และเดินหน้าโครงการลงทุนภาครัฐ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงใช้มาตรการภาษีเพื่อจูงใจให้เกิดการบริโภคของภาคเอกชน รวมทั้งส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีพัฒนาผลิตภัณฑ์และปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน พร้อมทั้งเร่งเจรจาการค้ากับประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ เพื่อขยายตลาดและลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างกัน และจัดทำฐานข้อมูลการค้าการลงทุนของประเทศคู่ค้าใหม่ และประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย

    นอกจากนี้ สอท.เตรียมเสนอนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ แก้ปัญหาปรับราคาสินค้าเกษตรให้สูงขึ้น การแก้ปัญหาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างเจาะลึก และการแก้ปัญหาภาคส่งออก ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยจะมีการปาฐกถาพิเศษนโยบายเศรษฐกิจและทิศทางประเทศไทย ให้คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ประกอบด้วย สอท. หอการค้าไทย และสมาคมธนาคารไทย ในวันที่ 27 ส.ค.นี้

     สำหรับ ข้อเสนอการแก้ปัญหาการส่งออก ไทยควรเร่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาการส่งออก หรือทีมไทยแลนด์โดยเร็ว เนื่องจากปัญหาการส่งออกขณะนี้ไม่สามารถพึ่งกระทรวงพาณิชย์เพียงหน่วยงานเดียว รวมทั้งควรขยายการลงนามเอฟทีเอ กับประเทศอื่นๆ เช่น ปากีสถาน อินเดีย ตุรกี หลังจากไทยไม่สามารถลงนามเอฟทีเอ กับกลุ่มยุโรปได้ โดยเฉพาะประเทศตุรกี เพื่อเป็นประตูการค้า ส่งสินค้าไปยังกลุ่มยุโรป ระหว่างที่ยังไม่สามารถลงนามได้ และการแก้ปัญหาการค้าชายแดน กับกลุ่มประเทศเวียดนาม กัมพูชา เมียนมา ลาว (ซีแอลเอ็มวี) เนื่องจากขณะนี้สินค้ายังติดค้างด่านหลายวัน ทำให้เสียโอกาสในการส่งออก หากแก้ปัญหาดังกล่าวได้จะช่วยส่งออกสินค้าชายแดนได้มากขึ้น

    ส่วนการแก้ปัญหาสินค้าเกษตร ควรเข้าไปอุดหนุนสินค้าเกษตรที่สำคัญ โดยให้ทำเป็นมาตรการชั่วคราว เพื่อดันราคาสินค้าเกษตร เนื่องจากกลุ่มเกษตรกรเป็นผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ ที่มีการจับจ่ายอย่างรวดเร็ว หากเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น จะทำให้การบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้นรวดเร็ว ขณะที่ข้อเสนอการแก้ปัญหาเอสเอ็มอี เตรียมเสนอการปรับโครงสร้างภาษี ให้เป็นแบบครบวงจร เนื่องจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ยังเสียภาษีไม่ถูกต้องกว่า 80% ทำให้เกิดการเหลื่อมล้ำและดำเนินธุรกิจไม่แข็งแรง รวมทั้งจะหารือรัฐบาลส่งเสริมด้านการอบรม การทำบัญชี และเสนอขั้นบันไดการจัดเก็บภาษีเอสเอ็มอี เช่น ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่มีรายได้ไม่เกิน 50 ล้านต่อปี ให้จัดเก็บภาษีไม่เกิน 5%, รายได้ 100 ล้านบาทขึ้นไป จัดเก็บ 10% รายได้ 200 ล้านบาท จัดเก็บ 15%

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!