- Details
- Category: สภาอุตสาหกรรม
- Published: Wednesday, 18 February 2015 22:19
- Hits: 3195
ส.อ.ท. คาด ส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ปี 58 โต 6-8% มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านดอลล์ แนะผู้ประกอบการตั้งฐานผลิตในประเทศเพื่อนบ้าน
นายถาวร ชลัษเฐียร ประธานกิตติมศักดิ์ กลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงแนวโน้มของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ ว่า ยอดส่งออกในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ในปีนี้ คาดว่าจะขยายตัวประมาณ 6-8% สูงกว่าปีที่ผ่านมาที่ขยายตัว 5-6% มียอดส่งออกประมาณ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นแต่ชะลอตัวลงจากปีที่ผ่านมาที่มีอัตราการขยายตัวได้มากกว่า 10% ตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ ประเทศอินโดนีเซีย ญี่ปุ่น สหรัฐฯ ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าตลาดอาเซียน มีสัดส่วนนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์จากไทยสูงมาก
"ค่ายรถหลายรายเข้าไปตั้งโรงงานประกอบในอาเซียน โดยเฉพาะอินโดนีเซีย ทำให้ต้องนำเข้าชิ้นส่วนจากไทยเข้าไปประกอบเพิ่มขึ้น ระยะยาวน่าเป็นห่วง เพราะจะเริ่มมีเอสเอ็มอีท้องถิ่นหันมาผลิตชิ้นส่วนป้อนให้กับโรงงานทดแทนการนำเข้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้อนาคตยอดส่งออกชิ้นส่วนอาจลดลงได้ ซึ่งเป็นแรงกดดันที่สำคัญที่ผลักดันให้ผู้ประกอบการหลายราย ออกไปตั้งฐานการผลิตในประเทศสมาชิกอาเซียน " นายถาวร กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดส่งออกมีแนวโน้มที่จะขยายตัวเพิ่ม แต่ก็ยังมีหลายปัจจัยที่น่าเป็นห่วง ได้แก่ เศรษฐกิจสหภาพยุโรปอาจจะไม่ดีขึ้น และมีแนวโน้มที่แย่ลง ค่าเงินยูโรตก ความไม่สงบในภูมิภาคตะวันออกกลาง ส่วนกระแสที่เอสเอ็มอีญี่ปุ่นจะย้ายฐานเข้ามาตั้งโรงงานในไทยนั้น ญี่ปุ่นที่เข้ามาส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ และเอสเอ็มอีญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเข้ามาร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการไทย เป็นผลบวกมากกว่าผลเสีย
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยควรจะใช้ประโยชน์จากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ย้ายสายการผลิตที่ใช้แรงงานสูง และไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีที่ซับซ้อนออกไปร่วมลงทุนให้ประเทศเพื่อนบ้านเป็นผู้ผลิต และส่งชิ้นส่วนที่ผลิตได้กลับมาประกอบขั้นสุดท้ายในไทย ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการผลิต และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้กับผู้ผลิตขอบไทย ใช้จุดแข็งของประเทศเพื่อนบ้านมาเกื้อหนุนให้ฐานการผลิตในไทยเข้มแข็ง
ทั้งนี้ ประเทศไทยยังคงความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนของภูมิภาคอาเซียนได้ในอีก 5 ปี ข้างหน้า แต่ถ้าหลังจากปีที่ 10 เป็นต้นไป ไทยไปไม่พัฒนากระบวนการผลิต ก็อาจจะพ่ายแพ้คู่แข่งได้ โดยเฉพาะประเทศอินโดนีเซียที่ได้ตั้งเป้าที่จะขึ้นมาแข่งขันในอุตสาหกรรมยานยนต์กับไทย ซึ่งล่าสุดก็ได้จับมือกับค่ายโปรตอนของมาเลเซียตั้งโรงงานผลิตในอินโดนีเซีย และคาดว่าอาจจะมีโครงการรถยนต์แห่งชาติเหมือนกับมาเลเซียได้
ไทยต้องเร่งพัฒนาเพื่อรักษาความเป็นผู้นำในอาเซียน โดยสิ่งที่ต้องเร่งปรับปรุง 3 เรื่องหลักๆ ได้แก่ 1. บุคลากร โดยการพัฒนาบุคลากรให้รองรับต่อเทคโนโลยีใหม่ๆ มีทักษะฝีมือในระดับสูง 2. เทคโนโลยี โดยการผลักดันให้เกิดสนามทดสอบยานยนต์ทั้งระบบ กระตุ้นให้เกิดเทคโนโลยีใหม่ได้อย่างรวดเร็ว และ 3. การบริหารจัดการ โดยการนำระบบเครื่องจักรอัตโนมัติ และหุ่นยนต์เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย