- Details
- Category: หอการค้า
- Published: Tuesday, 13 May 2014 22:52
- Hits: 4561
หอการค้าไทยจี้รัฐ เอกชนติวเข้มแรงงานห่วงแพ้ต่างชาติในเออีซี
แนวหน้า : นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ และธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ภาครัฐและเอกชนควรร่วมมือกันฝึกทักษะให้แรงงานไทย ทั้งด้านฝีมือ ภาษาอังกฤษ เทคโนโลยีและความรู้ทั่วไป เพื่อยกระดับให้เป็นแรงงานฝีมือหลีกเลี่ยงการแข่งขันกับแรงงานต่างด้าว ก่อนที่จะมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี) ในปี 2558
“จากมุมมองของแรงงานด้วยกันตอนนี้แรงงานไทยมองว่าแรงงานต่างด้าวจากเพื่อนบ้าน ทั้งจากพม่า เวียดนาม กัมพูชา และ ลาว เริ่มมีประสิทธิภาพการทำงานดีกว่าแรงงานไทย ไม่เลือกงาน ทุ่มเทการทำงานมากกว่า และยังสู้งาน ไม่บ่นงานหนัก มีทักษะภาษาอังกฤษดี แต่แรงงานไทยเริ่มหางานที่สบายและไม่หนักทำ ซึ่งการจะแข่งขันกับแรงงานต่างด้าวได้ แรงงานไทยต้องพัฒนาฝีมือให้อยู่ในระบบที่สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและบริการ”
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การเปิดเออีซีนั้นเชื่อว่าแรงงานไทยคงได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน เห็นได้จากการสำรวจที่ผ่านมาแรงงานไทยจะได้รับผลกระทบมากถึง 22.3% ได้รับผลกระทบปานกลาง 74.1% และ กระทบน้อย 3.6% ดังนั้นแรงงานควรเร่งพัฒนาฝีมือ โดยการเข้าร่วมฝึกอบรมต่างโครงการต่างๆ เช่น เน้นฝึกทักษะฝีมือแรงงาน ทักษะด้านภาษา ทักษะด้านเทคโนโลยี และความรู้อื่นๆทั่วไป เพื่อรองรับเศรษฐกิจฟื้นและเออีซี โดยเฉพาะในส่วนของกลุ่มที่ยังไม่มีงานทำ เพราะในระยะหลังพบว่าแรงงานต่างด้าวมีประสิทธิภาพในการทำงานดีกว่าแรงงานไทย
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวและสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความไม่แน่นอนนั้น แรงงานจำเป็นต้องมีแนวทางในการปรับตัวโดยเฉพาะในกลุ่มที่มีหนี้สินมากๆ ต้องเร่งเจรจาผ่อนปรนกับเจ้าหนี้เพื่อให้สถาบันการเงินยืดระยะเวลาชำระหนี้หรือการผ่อนระยะยาวในอัตราที่ต่ำ ผู้ที่เป็นหนี้นอกระบบควรหาวิธีจ่ายหนี้ให้หมดเพราะดอกเบี้ยจะสูงขึ้นเรื่อยๆ อาจโดยการขายทรัพย์สินบางอย่างหรือกู้เงินในระบบมาโป๊ะหนี้นอกระบบ ในส่วนผู้ที่มีรายได้เดือนชนเดือน ก็ต้องมีความระมัดระวังค่าใช้จ่ายให้มากขึ้น โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น การปรับเพ็กเก็จโทรศัพท์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันเพื่อลดค่าใช้จ่าย เป็นต้น และสำหรับผู้ที่มีรายได้มั่นคงและมีเงินออมมากก็ไม่ควรตื่นตระหนกกับสถานการณ์ในปัจจุบันและต้องกล้าที่จะลงทุน เช่น การซื้อหุ้น ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน เพื่อเพิ่มมูลค่าทรัพย์สิน เนื่องจากตอนนี้สินเชื่อยังอยู่ในระดับต่ำเหมาะต่อการลงทุนซื้อสิ่งเหล่านี้ได้