- Details
- Category: หอการค้า
- Published: Thursday, 31 July 2014 14:22
- Hits: 4517
สมาคมศูนย์การค้าไทย (TSCA) ประกาศนโยบายผลักดันไทยให้เป็น Regional Shopping Hub ในฐานะ'แหล่งรวมสุดยอดประสบการณ์ ไลฟ์สไตล์ช้อปปิ้งที่ดีที่สุดของอาเซียน' รับ AEC
วันนี้สมาคมศูนย์การค้าไทย หรือ TSCA ประกาศนโยบาย ผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่ความเป็นหนึ่ง ชูวิสัยทัศน์ส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางทางด้านธุรกิจการค้า และการท่องเที่ยวที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียนและของโลกรับ AECในปี 2015 ในฐานะ Regional Shopping Hub 'แหล่งรวมสุดยอดประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ช้อปปิ้งที่ดีที่สุดของอาเซียน'เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางการมาเที่ยวของนักท่องเที่ยวทั่วโลก หรือ World Class Destination เป็น 'สวรรค์แห่งการช้อปปิ้ง'
นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ นายกสมาคมศูนย์การค้าไทย กล่าวว่า “สมาคมศูนย์การค้าไทยมีนโยบาย ในการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางทางด้านธุรกิจการค้า และการท่องเที่ยวที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียนและของโลก เพราะเรามองว่าการที่ประเทศไทยเข้าสู่ AEC จะเป็นก้าวสำคัญที่จะยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางของ AEC เชื่อมโยงประเทศต่างๆในภูมิภาค ด้วยความที่ประเทศไทยตั้งอยู่ใจกลางภูมิภาคอาเซียน เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญของอาเซียน และเป็นศูนย์กลางการช้อปปิ้งและท่องเที่ยวที่สำคัญ โดยสมาคมศูนย์การค้าไทย มีทั้งกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจศูนย์การค้าและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง จึงมารวมพลังกันโดยมีจุดหมายร่วมกันเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่ความเป็นหนึ่ง โดยเรามีวิสัยทัศน์ในการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางทางด้านธุรกิจการค้า และการท่องเที่ยวที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียนและของโลกเพราะสมาคมฯ เล็งเห็นว่า การท่องเที่ยวมีส่วนสำคัญต่อ GDP ของประเทศ และสมาคมฯ มองว่าธุรกิจศูนย์การค้าไทย เป็นกลไกสำคัญ ในการพัฒนาสร้างความเจริญให้กับประเทศและสังคมไทย การพัฒนาโครงการต่างๆ ของกลุ่มธุรกิจศูนย์การค้า มีส่วนช่วยสร้างการเติบโตให้ประเทศในหลายแง่มุม ทั้งในแง่การนำพาเศรษฐกิจ สร้างการเติบโตให้ GDP ของประเทศ สร้างความเจริญให้ชุมชน สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างมูลค่าเพิ่มในแง่การลงทุนต่อเนื่อง”
กลุ่มธุรกิจศูนย์การค้า ในสมาคมฯ มีนโยบายและกลยุทธ์ในการทุ่มเม็ดเงินลงทุนในช่วงปี 2014-2016 ในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ที่จะมาสร้างปรากฏการณ์ระดับโลก ในรูปแบบศูนย์การค้าแบบ Mega Project อย่างต่อเนื่อง ทั้ง ย่าน Shopping Street ใจกลางเมือง เพื่อเป็น Shopping Destination ในการรองรับนักท่องเที่ยว ตั้งแต่ แยกปทุมวัน ศูนย์การค้า MBK, Siam Discovery, Siam Center, Siam Paragon ราชประสงค์ CentralWorld, Platinum Fashion Mall ชิดลม Central Chidlom, Central Embassy ต่อเนื่องไปบนถนนสุขุมวิท ไปจนถึงย่านพร้อมพงศ์ ซึ่งเราต้องการที่จะพัฒนา และยกระดับย่าน Shopping Street นี้ให้เป็นจุดหมายปลายทางแห่งการ ช้อปปิ้งของภูมิภาคเอเชีย เทียบได้กับย่านถนนช้อปปิ้งระดับโลก อย่าง ฌอง เซลิเซ่ ของฝรั่งเศส, ฟิฟท์ อเวนิว ในมหานครนิวยอร์ก, ชินจูกุ ประเทศญี่ปุ่น หรือ ออร์ชาร์ด โรด ของสิงคโปร์
“นอกจากนี้ เรายังจะมีการพัฒนาย่าน Shopping Hub แห่งใหม่ของประเทศ ทั้ง โครงการ Mega Project แห่งใหม่ ที่มีขนาดใหญ่กว่า 500,000 ตร.ม. อย่าง ย่านบางใหญ่ CentralWestGate โครงการนี้จะเป็น Talk of the Town ของเอเชีย รับการเปิด AEC ในปี 2558 เพราะโครงการนี้จะเป็นต้นแบบ “ซูเปอร์รีจินัล มอลล์”ที่ดีที่สุดในเอเชีย และอีกแห่งคือ ย่านริมแม่น้ำเจ้าพระยา ICON SIAM รวมถึงโครงการ Lifestyle Mall แห่งใหม่ อย่าง CentralFestival East Ville, โครงการใหม่ของ CDC, Siam Future, EmQuartier โครงการ Expansion ที่จะมีการขยายโครงการ ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น และเพิ่มความเป็นไลฟ์สไตล์เข้าไปมากขึ้น อย่างโครงการของ SPELL ของ Future Park, SEACON Square, Fashion Island เพื่อให้เป็น Magnet และเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญ ในการยกระดับกรุงเทพมหานครและประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางเวทีการค้าระดับภูมิภาค ที่มีศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทย เพื่อเป็นการรองรับการขยายตัวทางด้านธุรกิจการค้า และการท่องเที่ยวภายหลังที่ประเทศไทย เข้าสู่ AEC”นางสาววัลยา กล่าวเสริม
สมาคมฯ มองว่าในแง่ของการบริการและสถานที่นั้น ศูนย์การค้าของประเทศไทยถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถแข่งขันได้ แต่หากเราสามารถสร้างศักยภาพในการแข่งขันด้านสินค้าแบรนด์แนมได้ด้วยจะยิ่งทำให้ตลาดของเราน่าสนใจยิ่งขึ้นสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะปัจจุบันเรามีกำแพงภาษีนำเข้าสูง ซึ่งหากภาครัฐสามารถพิจารณาลดภาษีนำเข้าได้ ไทยก็จะสามารถแข่งขันกับสิงค์โปร์ ฮ่องกง เพราะ Inter Tourist ต้องการแบรนด์ ดังนั้น หากศูนย์การค้า แหล่งช้อปปิ้งของเราสามารถแข่งขันด้านราคาของสินค้าแบรนด์เนมได้ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวสนใจที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น และทำให้คนไทยสามารถซื้อของได้ในประเทศ โดยไม่ต้องเดินทางไป ช้อปปิ้งนอกประเทศ
นอกจากนี้ สมาคมฯ ต้องการสนับสนุนให้มีการเพิ่มปริมาณ Tourist เพิ่มคุณภาพ โดยให้ประเทศไทยเป็น Shopping Destination ที่สมบูรณ์แบบ มุ่งรองรับลูกค้าเป้าหมายกลุ่ม New Asia Luxury ทั้งจากจีน อินโดนีเซีย เวียดนาม รวมไปถึง รัสเซีย ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีกำแพงภาษีสูง กลุ่มคนในประเทศเหล่านี้ติดอันดับประเทศที่มีการจับจ่ายสูงสุด เป็นกลุ่มที่มีอำนาจซื้อสูง ชอบช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมหากสามารถดึงคนกลุ่มนี้เข้ามาจับจ่ายในไทย จะกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้ทั้งในตลาดค้าปลีกและอุตสาหกรรมข้างเคียง นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทย ควรสร้าง 'ความร่วมมือ' ระหว่างกัน สร้างพันธมิตรทางการค้าเพื่อเสริมสร้างธุรกิจให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น หากผู้ประกอบการสามารถปรับตัวได้ ก็จะสามารถรับมือได้ และมีโอกาสในการเติบโตได้แบบก้าวกระโดด ซึ่งเมื่อเข้าสู่การเป็น AEC ขอให้รัฐบาล พิจารณาให้การสนับสนุน ธุรกิจในด้านต่างๆ และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการศูนย์การค้าขยายการลงทุนในต่างประเทศ เนื่องจากเมื่อผู้ประกอบการศูนย์การค้าขยายตัวออกไปกลุ่มผู้ผลิตระดับ SME จะตามออกไป เพราะ SME จะก้าวออกไปต่างประเทศด้วยตัวเองลำบาก ต้องอาศัยผู้ประกอบการรายใหญ่นำออกไป เมื่อรัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจนในการสนับสนุน ธุรกิจค้าปลีกไทยจะสามารถแข่งขันในการเปิดเสรีธุรกิจบริการได้อย่างแท้จริง ซึ่งสมาคมศูนย์การค้าจะทำหน้าที่เป็นตัวกลาง และกระบอกเสียงในเรื่องความต้องการของร้านค้า