- Details
- Category: หอการค้า
- Published: Monday, 09 February 2015 22:01
- Hits: 3719
หอการค้าเผย'วาเลนไทน์ 58'ไม่คึกคัก เงินสะพัดต่ำสุดรอบ 9 ปื
แนวหน้า : นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจทัศนคติ พฤติกรรม และการใช้จ่าย ช่วงวันวาเลนไทน์ ปี 2558 ว่า แม้ว่าวันวาเลนไทน์ปีนี้ตรงกับวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่การใช้จ่ายในช่วงวันวาเลนไทน์จะไม่คึกคัก โดยคาดว่าจะมีเงินสะพัดเพียง 3,513.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.52% ถือว่าเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และยังเป็นอัตราที่เติบโตต่ำสุดในรอบ 9 ปี เนื่องจากประชาชนยังไม่มีความมั่นใจในการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ประกอบกับยังเห็นว่าสินค้ามีราคาแพงขึ้น
ทั้งนี้ ในการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับบรรยากาศในวันวาเลนไทน์ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ 61.7% มองว่ามีความคึกคักเท่าเดิมจากปีที่ผ่านมา ขณะที่กลุ่มตัวอย่าง 20.2% มองว่าจะคึกคักกว่าปีที่ผ่านมา โดยสาเหตุที่บรรยากาศในปีนี้ จะไม่คึกคัก เพราะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ราคาสินค้าแพงขึ้น มีความกังวลเรื่องความปลอดภัย และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ สำหรับกิจกรรมและการใช้จ่ายของที่ประชาชนจะทำมากที่สุด 30.8% ตอบว่าจะซื้อดอกไม้ให้คู่รัก รองลงมา 30% ออกไปทานข้าวนอกบ้าน และอีก 19.7% จะซื้อช๊อกโกแลตให้ ซึ่งการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนจะอยู่ที่ประมาณ 1,901.10 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ที่เฉลี่ยจะใช้จ่ายประมาณ 1,813.23 บาทต่อคน ส่วนปริมาณการซื้อสินค้าประชาชนส่วนใหญ่ 55.1% มองว่าจะยังซื้อสินค้าได้เท่าเดิม คน 20.7% มองว่าจะซื้อของได้น้อยลง และ 11.4% มองว่าจะซื้อของได้เพิ่มขึ้น รวมถึงมูลค่าการซื้อสินค้าเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากสินค้าแพงขึ้นและเป็นช่วงเทศกาล และที่มาของเงินที่ใช้ในช่วงวันวาเลนไทน์ คือ เงินเดือน 60.3% เงินออม 23.5% และโบนัส 5.6%
นายธนวรรธน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่น ถือว่าเป็นการสร้างสัมพันธ์ และสร้างความก้าวหน้าในการร่วมมือในการขยายการลงทุนภายใต้กรอบความร่วมมือ เจเทปา เนื่องจากญี่ปุ่นมีแนวโน้มที่จะกลับมาใช้ไทยเป็นฐานการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงความร่วมมือด้านการคมนาคมเชื่อมต่อกับประเทศในอาเซียน อย่างไรก็ตามถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและนักลงทุน ที่จะสนใจมาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น และจะเป็นแรงผลักดันให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ 4-5%
"ความร่วมมือกับญี่ปุ่นเอง ทางเอกชนก็มีความร่วมมือกัน คือ ระหว่างเจโทร กับ กกร. ของไทย ซึ่งมีการลงนามความร่วมมือขยายการค้าระหว่างกัน ทำให้ความเชื่อมั่นกลับมาได้โดยเร็ว" นายธนวรรธน์ กล่าวหอการค้าเผย'วาเลนไทน์58'ขยายตัวต่ำสุดรอบ9ปื ชี้ผู้บริโภคไม่เชื่อมั่นสินค้าแพงขึ้น
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจทัศนคติ พฤติกรรม และการใช้จ่าย ช่วงวันวาเลนไทน์ ปี 2558 ว่า แม้ว่าวันวาเลนไทน์ปีนี้ตรงกับวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่การใช้จ่ายในช่วงวันวาเลนไทน์จะไม่คึกคัก โดยคาดว่าจะมีเงินสะพัดเพียง 3,513.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.52% ถือว่าเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และยังเป็นอัตราที่เติบโตต่ำสุดในรอบ 9 ปี เนื่องจากประชาชนยังไม่มีความมั่นใจในการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ประกอบกับยังเห็นว่าสินค้ามีราคาแพงขึ้น
ทั้งนี้ ในการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับบรรยากาศในวันวาเลนไทน์ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ 61.7% มองว่ามีความคึกคักเท่าเดิมจากปีที่ผ่านมา ขณะที่กลุ่มตัวอย่าง 20.2% มองว่าจะคึกคักกว่าปีที่ผ่านมา โดยสาเหตุที่บรรยากาศในปีนี้ จะไม่คึกคัก เพราะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ราคาสินค้าแพงขึ้น มีความกังวลเรื่องความปลอดภัย และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ สำหรับกิจกรรมและการใช้จ่ายของที่ประชาชนจะทำมากที่สุด 30.8% ตอบว่าจะซื้อดอกไม้ให้คู่รัก รองลงมา 30% ออกไปทานข้าวนอกบ้าน และอีก 19.7% จะซื้อช๊อกโกแลตให้ ซึ่งการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนจะอยู่ที่ประมาณ 1,901.10 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ที่เฉลี่ยจะใช้จ่ายประมาณ 1,813.23 บาทต่อคน ส่วนปริมาณการซื้อสินค้าประชาชนส่วนใหญ่ 55.1% มองว่าจะยังซื้อสินค้าได้เท่าเดิม คน 20.7% มองว่าจะซื้อของได้น้อยลง และ 11.4% มองว่าจะซื้อของได้เพิ่มขึ้น รวมถึงมูลค่าการซื้อสินค้าเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากสินค้าแพงขึ้นและเป็นช่วงเทศกาล และที่มาของเงินที่ใช้ในช่วงวันวาเลนไทน์ คือ เงินเดือน 60.3% เงินออม 23.5% และโบนัส 5.6%
นายธนวรรธน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่น ถือว่าเป็นการสร้างสัมพันธ์ และสร้างความก้าวหน้าในการร่วมมือในการขยายการลงทุนภายใต้กรอบความร่วมมือ เจเทปา เนื่องจากญี่ปุ่นมีแนวโน้มที่จะกลับมาใช้ไทยเป็นฐานการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงความร่วมมือด้านการคมนาคมเชื่อมต่อกับประเทศในอาเซียน อย่างไรก็ตามถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและนักลงทุน ที่จะสนใจมาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น และจะเป็นแรงผลักดันให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ 4-5%
"ความร่วมมือกับญี่ปุ่นเอง ทางเอกชนก็มีความร่วมมือกัน คือ ระหว่างเจโทร กับ กกร. ของไทย ซึ่งมีการลงนามความร่วมมือขยายการค้าระหว่างกัน ทำให้ความเชื่อมั่นกลับมาได้โดยเร็ว"นายธนวรรธน์ กล่าว