WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ม.หอการค้าไทย ชี้ เสถียรภาพการเมืองฟื้น ดัน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคพ.ค.57 เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน อยู่ที่ 70.7 เตรียมปรับเพิ่มเป้าจีดีพี ปี57 คาดโตได้ 2-3 %

   ม.หอการค้าไทย ชี้ เสถียรภาพการเมืองฟื้น ดันดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค พ.ค.57 เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน อยู่ที่ 70.7 ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับ ศก.โดยรวม สูงสุดในรอบ 4 เดือน ดีเดย์ 19 มิ.ย. นี้ ปรับเพิ่มเป้าจีดีพี ปี57 เบื้องต้นคาดโต 2-3 % จากเดิมมองโตแค่ 2%  หอการค้าไทย เดินหน้า ดันแผนงานสร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้กับศก.และสังคมไทย

    ผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค. 2557 อยู่ที่ 70.7 ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน และเพิ่มขึ้นจากเดือนเม.ย. 2557 ซึ่งอยู่ที่ 67.8

   "ผู้บริโภคมีความมั่นใจสถานการณ์การเมืองไทยว่ามีเสถียรภาพมากขึ้น และคิดว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะฟื้นตัวขึ้นในอนาคต ประกอบกับการที่ชาวนาได้รับเงินจากโครงการจำนำข้าวส่งผลให้กำลังซื้อทั่วประเทศเพิ่มสูงขึ้น โดยจะส่งผลในเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของรายได้ผู้บริโภคในอนาคต" ผศ.ดร.ธนวรรธน์ กล่าว

   สำหรับ ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม เดือนพ.ค. 2557 อยู่ที่ 60.7 ซึ่งเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 14 เดือนและสูงสุดในรอบ 4 เดือน  และเพิ่มขึ้นจากเดือนเม.ย. 2557 อยู่ที่ 57.7 เนื่องจากผู้บริโภคเห็นว่าเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ในระดับที่ดี จำนวน 3.0% ปานกลาง 54.6% และแย่มากประมาณ 42.4% แม้ว่าความเชื่อมั่นที่ปรับตัวดีขึ้น แต่ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโดยรวมของไทยไม่สูงนัก เนื่องจากผู้บริโภคยังมีความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ยังฟื้นตัวไม่ชัดเจนมากนัก

    ผศ.ดร.เปิดเผยด้วยว่า ในวันที่ 19มิ.ย.นี้ ศูนพยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เตรียมปรับเพิ่มประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปีนี้ โดยเบื้องต้นคาดโต 2-3% จากเดิมอยู่ที่ 2% และคาดว่าในช่วงครึ่งหลังเศรษฐกิจไทย ทั้งไตรมาส 3 และไตรมาส 4 มีโอกาสที่จะโตได้ 4-5% ภายหลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ( คสช.) ได้มีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบประมาณ 1-2 แสนล้านบาท ได้แก่ เงินโครงการรับจำนำข้าวให้เกษตรกรชาวนาจำนวน 92,000 ล้านบาท และการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลบอลโลก

   "19 มิ.ย.นี้ เตรียมปรับประมาณการจีดีพีปีนี้ เบื้องต้นมองว่าจะขยายตัวได้ 2-3% โดยครึ่งหลังเศรษฐกิจจะกลับมาเป็นบวกได้ 4-5% คาดว่าจะอยู่ตามกรอบ 2% 2.5% และ 3% ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้สูง ส่วน 3-4% ยังมีทิศทางไม่ชัดเจน" ผศ.ดร.ธนวรรธน์ กล่าว

    ด้านนายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นของบริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น แสดงให้เห็นถึงโอกาสการฟื้นตัวของภาคธุรกิจ ทั้งนี้เนื่องจาก การบริโภคของประชาชนที่มีโอกาสปรับตัวดีขึ้น ย่อมที่จะส่งผลต่อภาคธุรกิจให้มีการลงทุน อีกทั้งภายหลังจากที่มี คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทางภาคธุรกิจเห็นแนวทางการบริหารจัดการที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น ดังนั้น จึงคาดว่าการลงทุนของภาคเอกชนจะเพิ่มขึ้น ซึ่งหากมีการลงทุนเกิดขึ้น ย่อมที่จะส่งผลให้ประชาชนหางานทาได้ง่าย และบัณฑิตที่จบใหม่มีโอกาสในการหางานทาได้มากขึ้น เช่นกัน

    ในช่วงของการประชุมหอการค้าจังหวัดในทุกภูมิภาคที่ผ่านมาระหว่างวันที่ 24-25 พฤษภาคม 2557 ได้มีการประเมินความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นในด้านของการบริโภค การลงทุน รวมทั้ง ภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และธุรกิจ SMEs ถึงแนวโน้มในอนาคตเมื่อเทียบกับปัจจุบัน พบว่า ในทุกภูมิภาค เห็นพ้องกันว่าบ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย จึงทาให้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้สถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจ โดยภาพรวมจะดีขึ้น และโอกาสทางธุรกิจจะมีมากขึ้น ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าทั้งภาคเอกชนและภาคประชาชน ต่างมองทิศทางในอนาคตที่สดใสขึ้นหลังจากสถานการณ์ทางการเมืองคลีคลายลง

    นอกจากนี้ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มีโอกาสพบปะพูดคุยกับหอการค้าต่างประเทศเพื่อทาความเข้าใจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และคู่ค้าในประเทศต่างๆ โดยในวันที่ 10 มิถุนายน ได้กาหนดจัดงาน“Get Together with International Friends 2014” โดยจะเชิญคณะฑูตานุทูต กงสุลต่างๆ และหอการค้าต่างประเทศในประเทศไทย เข้าร่วมงาน และจะใช้โอกาสนี้ เป็นเวทีพูดคุย ทาความเข้าใจ และสร้างความเชื่อมั่นเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจของประเทศไทย

     นายอิสระ กล่าวว่า หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้มีการเตรียมแผนงานเพื่อสร้าง ความมั่นคงและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจและสังคมไทย โดยจะเน้นการปฏิรูปการเกษตร ซึ่งเชื่อมโยงสู่อุตสาหกรรมอาหารและพลังงานทดแทน การลดความเหลื่อมล้า และการพัฒนาการค้าชายแดน

    การปฏิรูปการเกษตร ซึ่งเชื่อมโยงสู่อุตสาหกรรมอาหารและพลังงาน จะครอบคลุมถึงเรื่องอาหาร พลังงานทดแทน และการลดความเหลื่อมล้า โดยเน้นสินค้าทางเกษตรหลัก 5 ชนิด ได้แก่ ข้าว มันสาปะหลัง ยางพารา อ้อย และข้าวโพด ทั้งนี้ เพื่อยกระดับความเข้มแข็งให้กับเกษตรกร โดยการพัฒนาประสิทธิภาพของห่วงโซ่คุณค่า (Creating Effective Value Chain)

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

ม.หอการค้า เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค พ.ค.ที่ 70.7 ดีขึ้นรอบ 14 เดือน

  ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคพ.ค.57 อยู่ 70.7 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ 60.0 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสการหางานทำ อยู่ที่ 64.2 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 87.1

   "ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นในรอบ 14 เดือน หลังจากมั่นใจว่าการเมืองมีเสถียรภาพและคาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีขึ้นในระยะอันใกล้" นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดี ม.หอการค้าไทย กล่าว

   สำหรับปัจจัยบวก ประกอบด้วย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศส่งผลให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นทั้งเศรษฐกิจและการเมือง, คสช.อนุมัติจ่ายเงินโครงการจำนำข้าว, ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับตัวลงค่าเงินบาทอ่อนค่าเล็กน้อย

   ส่วนปัจจัยลบ ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ลดคาดการณ์ GDP ปี 57 เหลือ 1.5-2.5% จากเดิมที่คาด 3-4%, การส่งออกในเดือนเม.ย.ลดลง 0.9%, ราคาพืชผลทางการเกษตรยังอยู่ในระดับต่ำ, ผู้บริโภคยังกังวลค่าครองชีพและราคาสินค้า และความกังวลเกี่ยวความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก

    นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่เริ่มจะมีความมั่นใจในสถานการณ์ทางการเมืองไทยว่ามีเสถียรภาพมากขึ้น และเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้เศรษฐกิจไทยมีโอกาสจะฟื้นตัวดีขึ้น ประกอบกับชาวนาที่จะได้รับเงินจากโครงการรับจำนำข้าวอันจะส่งผลให้กำลังซื้อในประเทศสูงขึ้น เป็นผลในเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของรายได้ผู้บริโภคในอนาคต

   ทั้งนี้ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ คาดว่าการบริโภคของประชาชนจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมิ.ย.เป็นต้นไป โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลฟุตบอลโลกที่จะเป็นตัวกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยที่สำคัญ รวมทั้งการที่ชาวนาจะได้รับเงินจากโครงการรับจำนำข้าวที่จะทำให้กำลังซื้อทั่วประเทศเพิ่มมากขึ้น

    “ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเริ่มปรับตัวในเชิงขาขึ้น โดยคนจะกลับมาเริ่มซื้อรถยนต์ ซื้อบ้าน ซึ่งช่วงไตรมาส 3 จะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่โดดเด่นขึ้น" นายธนวรรธน์ ระบุ

    พร้อมมองว่าการบริโภคจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ภายใต้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่น่าจะปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวได้ในระดับ 2-3% ขณะที่ช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ราว 4-5%

   อย่างไรก็ดี ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จะมีการแถลงปรับ GDP อย่างเป็นทางการอีกครั้งในวันที่ 19 มิ.ย.นี้

   ด้านนายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น แสดงให้เห็นถึงโอกาสการฟื้นตัวของภาคธุรกิจ เนื่องจากการบริโภคของประชาชนที่ปรับตัวดีขึ้นส่งผลต่อภาคธุรกิจให้มีการลงทุน อีกทั้งภายหลังจากที่มีคณะรักษาความสงบแหงชาติ(คสช.) เข้ามาบริหารประเทศ ทำให้ภาคธุรกิจเห็นแนวทางการบริหารจัดการที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น ดังนั้นจึงคาดว่าการลงทุนของภาคเอกชนจะเพิ่มขึ้น ซึ่งหากมีการลงทุนใหม่ๆ เกิดขึ้น ก็จะทำให้ประชาชนหางานทำได้ง่ายขึ้น และบัณฑิตจบใหม่มีโอกาสในการหางานทำได้มากขึ้นด้วย

   ทั้งนี้ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เตรียมจะจัดงาน  Get Together with International Friends 2014 โดยจะเชิญฑูตานุทูต กงสุลต่างๆ และหอการค้าต่างประเทศประจำประเทศไทยมาเข้าร่วมงาน ซึ่งทางหอการค้าไทยจะใช้โอกาสนี้เป็นเวทีพูดคุย ทำความเข้าใจ และสร้างความเชื่อมั่นเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจของประเทศไทยหลังจากที่มี คสช.เข้ามาบริหารประเทศในช่วงนี้

   “เรามองว่า เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังจะดีขึ้น และโอกาสทางธุรกิจก็มีมากขึ้น เราจะใช้เวทีในวันที่ 10 มิ.ยนี้พบปะกับทูต กงสุลต่างๆ ในไทย และหอการค้าต่างประเทศ เพื่อสื่อข้อความถึงสถานการณ์ของประเทศไทยในขณะนี้" นายอิสระ กล่าว

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!