- Details
- Category: EEC เมกะโปรเจกต์
- Published: Tuesday, 17 January 2023 13:22
- Hits: 1916
สธ. บูรณาการร่วม อีอีซี ยกระดับ รพ.ปลวกแดง 2 ต้นแบบ รพ. ร่วมลงทุน รัฐ-เอกชน (PPP) แห่งแรกของไทย ในพื้นที่อีอีซี
ก.สาธารณสุข บูรณาการร่วม อีอีซี ยกระดับโรงพยาบาลปลวกแดง 2 สู่โรงพยาบาลทั่วไปขนาด 200 เตียง รูปแบบการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) เป็นแห่งแรกของประเทศ มูลค่าลงทุน 2,647 ล้านบาท รองรับประชาชนและผู้ประกันตนกว่า 2 แสนคนในพื้นที่อีอีซี เข้าถึงบริการที่มีมาตรฐาน รวดเร็ว และปลอดภัย พร้อมเปิดให้เอกชนเสนอร่วมลงทุน ม.ค. - ก.พ.นี้ คาดจะได้ผู้ร่วมลงทุนประมาณกลางปีนี้
เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2566 ที่ห้องประชุมชัยนาทนเรนทร ตึกสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นางธัญรัตน์ อินทร รองเลขาธิการ รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรืออีอีซี นพ.พีรพล สุทธิวิเศษศักดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษด้านสาธารณสุข สกพอ. นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 4 นพ.สุริยะ คูหะรัตน์ สาธารณสุขนิเทศก์ เขตสุขภาพที่ 6 นพ.สุนทร เหรียญภูมิการกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยอง นพ.ภูษิต ทรัพย์สมพล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลระยอง และ นพ.ชินวัฒน์ ชัยนวล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลปลวกแดง ร่วมกันแถลงข่าว “โรงพยาบาลปลวกแดง 2 การร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public Private Partnership: PPP) แห่งแรกของประเทศไทย ในพื้นที่อีอีซี”
ดร.สาธิต กล่าวว่า เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือ อีอีซี ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุม 3 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง จะเป็นพื้นที่ที่มีการเติบโตของเมืองอย่างรวดเร็ว รวมถึงมีประชากร โดยเฉพาะแรงงานเข้ามาทำงานจำนวนมาก ในส่วนของจังหวัดระยองมีนิคมอุตสาหกรรม สวนอุตสาหกรรม เขตประกอบการอุตสาหกรรม รวม 7 แห่ง เฉพาะอำเภอปลวกแดง มีสถานประกอบการที่เป็นสมาชิกประกันสังคม 2,532 แห่ง ดูแลผู้ประกันตน 213,201 คน ประชากรตามทะเบียนราษฎร์ 78,531 คน และผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพ 48,182 คน ซึ่งต้องพัฒนาระบบสาธารณสุขอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ทันกับการเติบโตของเมือง ขณะที่โรงพยาบาลปลวกแดง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ EEC เป็นโรงพยาบาลชุมชนขนาด 60 เตียง รองรับประชากรได้เพียง 5 - 8 หมื่นคนเท่านั้น หากจะพัฒนายกระดับให้เป็นโรงพยาบาลทั่วไปขนาด 120 - 200 เตียง ตามปกติต้องใช้เวลานาน ซึ่งจะทำให้ประชาชนจำนวนมากขาดโอกาสในการเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่มีศักยภาพ จึงผลักดันให้ดำเนินการในรูปแบบ PPP ซึ่งถือเป็นโรงพยาบาลรัฐแห่งแรกที่มีการลงทุนในลักษณะนี้
โดยกระทรวงสาธารณสุข จะส่งมอบที่ดินพร้อมอาคารผ่าตัด-อุบัติเหตุ 5 ชั้น วงเงิน 232 ล้านบาท ให้ภาคเอกชนก่อสร้างอาคารบริการเพิ่มเติม พร้อมทั้งประสานหน่วยงานประกันสุขภาพให้รับเป็นโรงพยาบาลในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ส่วนภาคเอกชน จะตกแต่ง ก่อสร้างอาคารเพิ่มเติม สาธารณูปโภคต่างๆ ให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปี และโอนคืนให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมจัดหาครุภัณฑ์ บุคลากร เพื่อให้บริการทางการแพทย์ รวมถึงรับผิดชอบกรณีเกิดความเสียหายทางการแพทย์
“โครงการนี้ ถือเป็นต้นแบบการขยายโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขด้วยวิธี PPP มีมูลค่าการลงทุนรวม 2,647 ล้านบาท ทำให้ประชาชนมีสถานพยาบาลขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในการให้บริการในสาขาต่างๆ อยู่ในพื้นที่ สามารถเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีมาตรฐาน ได้ในราคาที่เหมาะสม สะดวก รวดเร็ว รวมถึงรองรับบริการกรณีมีภัยพิบัติ หรือโรคระบาดเกิดขึ้นในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังสร้างผลประโยชน์ทางการเงินแก่ภาครัฐ ตลอดระยะเวลาโครงการ 50 ปี จำนวน 3,684.51 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากค่าตอบแทนการใช้ประโยชน์ที่ดิน 1,033.68 ล้านบาท และส่วนแบ่งรายได้จากภาคเอกชน 2,650.83 ล้านบาท” ดร.สาธิตกล่าว
ด้านนางธัญรัตน์ อินทร รองเลขาธิการ รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) กล่าวว่า โครงการนี้จะเป็นการร่วมทุนประเภท Build-Transfer-Operate (BTO) คือ เอกชนเป็นผู้ออกแบบ ลงทุนก่อสร้างทรัพย์สินสำคัญ และโอนกรรมสิทธิ์ให้รัฐทันทีหลังก่อสร้างแล้วเสร็จ โดยได้รับการสนับสนุนด้วยการให้สิทธิประโยชน์ของเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเทียบเคียงกับสิทธิประโยชน์ของ BOI เช่น ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี ยกเว้นอากรนำเข้าเครื่องจักร เป็นต้น จะเปิดเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2566 จากนั้นเข้าสู่กระบวนการคัดเลือก เจรจาสัญญา อนุมัติผลคัดเลือก และลงนามสัญญาร่วมลงทุนได้ในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2566
“โครงการโรงพยาบาลปลวกแดง 2 ดังกล่าว ถือเป็นการนำร่องและเป็นต้นแบบของการขยายโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข ด้วยวิธี PPP ที่ทำให้ประชาชนในพื้นที่อีอีซี ได้รับบริการที่ดี มีมาตรฐาน สะดวก ปลอดภัย รวดเร็ว ลดการส่งต่อผู้ป่วยมายังส่วนกลาง อีกทั้งจะช่วยให้การจ้างงานบุคลากรด้านสาธารณสุขในพื้นที่อีอีซี อีกด้วย” นางธัญรัตน์ กล่าวเสริมท้าย
A1341