- Details
- Category: EEC เมกะโปรเจกต์
- Published: Monday, 27 April 2020 17:24
- Hits: 3752
EEC ลงทุน 290,000 ล้านบาท ได้ภาษีอากรเพิ่มมากกว่า 60,000 ล้านบาท เป็น 'สนามบินกรุงเทพฯ แห่งที่ 3' เชื่อมสนามบินดอนเมือง และสุวรรณภูมิ ด้วยรถไฟความเร็วสูง
การประชุมคณะอนุกรรมการบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กบอ.) ครั้งที่ 2/2563 ณ ห้องประชุมวายุภักษ์ 4 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2563
การประชุมคณะอนุกรรมการบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กบอ.) ครั้งที่ 2/2563 วันจันทร์ที่ 27 เมษายน 2563 โดยมี นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ณ ห้องประชุมวายุภักษ์ 4 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง ที่ประชุมได้ พิจารณาโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก อย่างกว้างขวางและมีมติให้เร่งนำเสนอคณะกรรมการนโยบาย ฯ (กพอ.) โดยเร็วที่สุด
โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก มีรายละเอียด ที่สำคัญ ๆ ดังนี้
1.) สาระสำคัญของโครงการ มีวัตถุประสงค์ที่จะพัฒนา'เมืองการบินภาคตะวันออก'ในพื้นที่ 6,500 ไร่ บริเวณสนามบินอู่ตะเภา โดยมี 6 กิจกรรมสำคัญ
1) อาคารผู้โดยสารหลังที่ 3 (Passenger Terminal Building 3)
2) ศูนย์ธุรกิจการค้าและการขนส่งภาคพื้นดิน (Commercial Gateway and Ground Transportation Centre)
3) ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (Maintenance Repair and Overhaul)
4) เขตประกอบการค้าเสรี และเขตธุรกิจเกี่ยวเนื่อง (Cargo Village or Free Trade Zone)
5) ศูนย์ธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและโลจิสติกส์ (Cargo Complex)
6) ศูนย์ฝึกอบรมการบิน (Aviation Training Centre)
การลงทุนของโครงการรวมเป็นเงินลงทุนรวมประมาณ 290,000 ล้านบาท (จากการศึกษาความเหมาะสมโครงการฯ) รัฐได้ประโยชน์เพิ่มเติม คือ
- • ได้ภาษีอากรเพิ่มมากกว่า 60,000 ล้านบาท (ไม่นับรวมรายได้ภาษีทางอ้อมกับธุรกิจเชื่อมโยงนอกเมืองการบินภาคตะวันออก)
- • เกิดการจ้างงานเพิ่ม 15,640 ตำแหน่งต่อปี ในระยะ 5 ปีแรก
2.) ความสำคัญของเมืองการบินภาคตะวันออก อีอีซี วางยุทธศาสตร์ให้ เมืองการบินภาคตะวันออก ทำภารกิจสำคัญ 3 ประการคือ
1) เป็น 'สนามบินกรุงเทพฯ แห่งที่ 3' เชื่อมสนามบินดอนเมือง และสุวรรณภูมิ ด้วยรถไฟความเร็วสูง
2) เป็นศูนย์กลางการพัฒนาธุรกิจเป้าหมายโดยเฉพาะการเป็น 'ศูนย์กลางอุตสาหกรรม ท่องเที่ยว และ Logistics & Aviation’ ของ EEC
3) เป็นศูนย์กลางของ 'มหานครการบินภาคตะวันออก' ที่จะครอบคลุมการพัฒนาพื้นที่เมือง ประมาณ 30 ก.ม. โดยรอบสนามบิน (เมืองพัทยา ถึง ตัวเมืองระยอง) ซึ่งเป็นการสานต่อเจตนารมณ์ของการพัฒนา Eastern Seaboard ที่ต้องการให้เกิดเป็นเมืองท่าและเมืองธุรกิจสำคัญของประเทศไทย โดยเข้าเชื่อมโยงเป็นส่วนขยายของกรุงเทพฯ และปริมณฑลไปทางตะวันออก ที่สามารถเชื่อมโยงกันได้สะดวกทั้ง ทางน้ำ (เรือและท่าเรือ) ทางบก (ทางด่วน รถไฟ และ รถไฟความเร็วสูง) และทางอากาศ (สนามบิน)
3.) สรุปการดำเนินงานที่สำคัญ การทำงานคัดเลือกเอกชนร่วมทุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก ดำเนินการโดยคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน ซึ่งมี ผบ.ทร.เป็นประธาน และมีกรรมการจากกระทรวงกลาโหม กระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ สำนักบริหารหนี้สาธารณะ สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้ดำเนินการอย่างละเอียดรอบคอบและดำเนินการเจรจาสัญญาเสร็จสิ้น รวมเวลาทำงานประมาณ 1 ปี 6 เดือน โดยได้มีการประชุมคณะกรรมการคัดเลือกทั้งหมด 17 ครั้ง และการประชุมคณะทำงานเจรจาสัญญาทั้งหมด 19 ครั้ง โดยมีการดำเนินงานสำคัญดังนี้
30 ตุลาคม 2561 ครม. อนุมัติหลักการโครงการ
12 พฤศจิกายน 2561 ประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุน มีเอกชนมาซื้อเอกสาร 42 บริษัท
21 มีนาคม 2562 รับข้อเสนอ มีเอกชนยื่นข้อเสนอจำนวน 3 กลุ่ม (รวม 14 บริษัท) ได้แก่
1) กลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส (BBS Joint Venture) (กลุ่มบีบีเอส) ประกอบด้วย บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (Lead Firm) บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) โดยเสนอ Narita International Airport Corporation เป็นผู้รับจ้างในการบริหารสนามบิน
2) กลุ่ม Grand Consortium ประกอบด้วย บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) (Lead Firm) บริษัท คริสเตียนีและนีลเส็น (ไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด โดยเสนอ GMR Airport Limited (GAL) เป็นผู้รับจ้างในการบริหารสนามบิน
3) กลุ่มกิจการค้าร่วม บริษัท ธนโฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร (กลุ่มกิจการค้าร่วมธนโฮลดิ้งฯ) ประกอบด้วย บริษัท ธนโฮลดิ้ง จำกัด (Lead Firm) บริษัท Orient Success International Limited บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ช.การช่าง จํากัด (มหาชน) และบริษัท บี.กริม จอยน์ เว็นเจอร์ โฮลดิ้ง จำกัด โดยเสนอ Fraport AG เป็นผู้รับจ้างในการบริหารสนามบิน
2 กรกฎาคม 2562 - 13 เมษายน 2563
พิจารณาซองที่ 1: คุณสมบัติทั่วไป
ผลการพิจารณา: ผ่านการประเมินทั้ง 3 กลุ่ม
9 ตุลาคม 2562 – 14 มกราคม 2563
พิจารณาซองที่ 2: ด้านเทคนิค
ผลการพิจารณา: ผ่านการประเมินทั้ง 3 กลุ่ม (คะแนน ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80)
30 มกราคม 2563
พิจารณาซองที่ 3: ด้านผลตอบแทน
ผลการพิจารณา: กลุ่ม BBS เป็นผู้ชนะการคัดเลือกให้ร่วมทุนเพราะเสนอเงินประกันรายได้ขั้นต่ำตลอดสัญญาสูงสุด
13 เมษายน 2563
พิจารณาซองที่ 4: ข้อเสนออื่นๆ ไม่ผูกมัดในสัญญา
ผลการพิจารณา: รับทราบข้อเสนอของเอกชนและไม่นำมาเป็นส่วนหนึ่งของร่างสัญญา
27 เมษายน 2563
นำผลการพิจารณาเข้า ประชุมกรรมการบริหารฯ (กบอ.)
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web