WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1aaaPrayut

นายกฯ ติดตามความก้าวหน้าเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เน้นให้เอกอัครราชทูตเร่งให้ข้อมูล ดึงดูดการลงทุน สร้างความเชื่อมั่น

     นายกฯ ติดตามความก้าวหน้าเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เน้นให้เอกอัครราชทูตเร่งให้ข้อมูล ดึงดูดการลงทุน สร้างความเชื่อมั่น

     พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 1/2563 โดยมีวาระสำคัญทั้งความก้าวหน้าโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา แผนการบริหารจัดการน้ำ และการส่งเสริมพลังงานสะอาดในพื้นที่อีอีซี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

     นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่าโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เป็นโครงการที่เน้นการลงทุน ขอให้ทุกคนช่วยการสร้างการรับรู้ ภาพหรือข้อมูลที่เผยแพร่ออกไปต้องสอดคล้องกับความก้าวหน้าโครงการ ซึ่งหลายโครงการก็ได้พัฒนาไปอย่างมาก ดังนั้น ข้าราชการในต่างประเทศของทุกหน่วยงานโดยเฉพาะเอกอัครราชทูต จะต้องประสานหารือกับภาคธุรกิจ เชิญชวนมาลงทุน ทำหน้าที่เหมือน Point of Sale เสนอข้อมูลรายละเอียดรวมทั้งให้มีช่องทางประสานโดยตรงกับสำนักงานอีอีซี ทุกคนต้องช่วยกันทำงานเป็น Team Thailand รวมทั้งให้รายงานความก้าวหน้าให้นายกรัฐมนตรีทราบอย่างต่อเนื่องด้วย

      ทั้งนี้ ในที่ประชุม ได้รายงานความคืบหน้าโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก โดยคณะกรรมการคัดเลือกฯ พิจารณาข้อเสนอซองที่ 3 (ด้านราคา) จากเอกชนที่ผ่านข้อเสนอซองที่ 2 (ด้านเทคนิค) และมีมติให้กลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส ที่เสนอเงินประกันรายได้เป็นผลตอบแทนให้ภาครัฐสูงที่สุด เป็นผู้ได้รับการคัดเลือก และเข้าสู่กระบวนการจะได้ข้อสรุปภายในมีนาคม 2563 เพื่อเสนอร่างสัญญาที่สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อให้ครม.พิจารณาต่อไป

     สำหรับ แผนบริหารจัดการน้ำใน อีอีซี มีแผนทั้งในระยะสั้นและแผนระยะยาว  โดยมาตรการเร่งด่วน คือการเพิ่มปริมาณน้ำในพื้นที่อีอีซี ทั้งจากโครงการสูบน้ำกลับคลองสะพาน มายังอ่างเก็บน้ำประแสร์ โครงการผันน้ำคลองหลวง มายังอ่างเก็บน้ำบางพระ และโครงการผันน้ำจากลุ่มน้ำวังโตนด จ.จันทบุรี มายังอ่างเก็บน้ำประแสร์  นอกจากนี้ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ร่วมกับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) จัดทำแผนลดใช้น้ำร้อยละ 10 ช่วงเดือนมกราคม – มิถุนายน 2563  และการเจรจาซื้อน้ำจากบ่อดินเอกชนเข้าระบบจังหวัดชลบุรีและฉะเชิงเทรา สำหรับแผน บริหารจัดการน้ำปี 2563 – 2580 เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำและการจัดการทรัพยากรน้ำรองรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (ปี 2563 – 2580 ) ประกอบด้วยแผนการพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุน (Supply Side Management) 38 โครงการ วงเงิน 50,691.10 ล้านบาท การบริหารจัดการด้านความต้องการใช้น้ำ (Demand Side Management) 12 โครงการ การผลิตน้ำจืดจากทะเล (Desalination) เตรียมพิจารณาการลงทุนในอนาคตกับภาคเอกชนด้วย

        ที่ประชุม ฯ ยังเห็นชอบหลักการโครงการจัดหาพลังงานสะอาด (พลังงานแสงอาทิตย์) ในพื้นที่ อีอีซีโดยจะบรรจุในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP) ให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) หารือกับกระทรวงพลังงานและคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ต่อไป

      ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกยังตั้งเป้าเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณบูรณาการของอีอีซีในช่วงมีนาคม-มิถุนายนให้ได้ 7,000 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 44  พร้อมผลักดันโครงการอบรมระยะสั้นจำนวนมากเพื่อพัฒนาทักษะแรงงานและผู้ประกอบการไทยในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ด้วย

 

บอร์ด EEC เสนอบรรจุในแผน PDP หนุนผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทน-ตั้งเป้าโซลาร์เฟสแรกไม่น้อยกว่า 500 MW

      บอร์ด EEC เสนอบรรจุในแผน PDP หนุนผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทน-ตั้งเป้าโซลาร์เฟสแรกไม่น้อยกว่า 500 MW

     นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ EEC เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบหลักการโครงการจัดหาพลังงานสะอาด (พลังงานแสงอาทิตย์) ที่มอบหมายให้ สกพอ.เสนอกระทรวงพลังงานนำเข้าบรรจุในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP) โดยให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) หารือกับกระทรวงพลังงาน และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กำหนดอัตราราคาไฟฟ้าที่เหมาะสม

     โดยให้มีการศึกษา พัฒนา ลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานหมุนเวียนรูปแบบอื่น ๆ และระบบกักเก็บพลังงานในพื้นที่อีอีซี เพื่อบรรลุเป้าหมายสัดส่วนเชื้อเพลิงฟอสซิลต่อพลังงานแสงอาทิตย์ในการผลิตไฟฟ้าเป็น 70:30 และกำหนดเป้าหมายในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ระยะแรกไม่น้อยกว่า 500 เมกะวัตต์ (MW) จำหน่ายในพื้นที่อีอีซี โดยผสมผสานร่วมกับการทำการเกษตรในพื้นที่ และให้องค์การบริหารจัดการก๊ชเรือนกระจก (อบก.) ออกแบบระบบ วางแผน สร้างกลไกคาร์บอนเครดิตสู่ระบบการซื้อขายสิทธิการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และระบบซื้อขายในตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจระหว่างผู้ประกอบการในพื้นที่อีอีซีให้เป็นโครงการตัวอย่าง

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!