- Details
- Category: EEC เมกะโปรเจกต์
- Published: Wednesday, 06 June 2018 15:32
- Hits: 1533
นายกรัฐมนตรี และผู้บริหารอีอีซี ยกคณะโรดโชว์ยุโรป ดึงลงทุนอีอีซีเพิ่ม
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสากรรม เปิดเผยว่า ผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ จะร่วมเดินทางกับคณะของพล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไปเยือนยุโรปเป็นครั้งแรกในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ โดยจะถือโอกาสนี้เดินทางไปเยือน สหราชอาณาจักร (อังกฤษ) และฝรั่งเศส เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลโรดโชว์ กับนักลงทุน ถึงความคืบหน้าโครงการต่างๆในอีอีซี หลังจากที่พระราชบัญญัติ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.2561 ประกาศใช้แล้ว โดยต้องการให้มีการขอรับส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอต่อเนื่องในปีนี้อย่างต่ำ 300,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่ต้องการให้เป็นใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งขณะนี้ มีนักลงทุนต่างชาติหลายรายสนใจที่จะเข้าลงทุนในอุตสาหกรรมชีวภาพ อุตสาหกรรมยานยนต์ รถยนต์ไฟฟ้า ชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า อุตสาหกรรมผลิตยา ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน
“วัตถุประสงค์หลักของการโรดโชว์ครั้งนี้คือการสร้างความเข้าใจกับนักลงทุนต่างชาติว่าอีอีซีคืออะไร และถือเป็นการขยายความร่วมมือหลังจากที่บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) ได้ลงนามกับบริษัทแอร์บัส เมื่อธันวาคม 2560 ในโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา รวมทั้งเป็นการย้ำความมั่นใจให้กับนักลงทุน หลังจากที่รัฐบาลประกาศเชิญชวนการลงทุน และเตรียมประกาศทีโออาร์ ประมูลรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติ ว่ารัฐบาลลงทุนจริง และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่จะเป็นไปตามแผน”นายอุตตม กล่าว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ขณะนี้มีนักลงทุนต่างชาติ 9 ราย สนใจที่จะเข้าร่วมลงทุนโครงการเมืองอัจฉริยะ ซึ่งเป็นการสร้างเมืองใหม่ รองรับการลงทุนในอีอีซี โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการพัฒนาในหลายมิติ เพื่อให้เมืองอัจฉริยะก้าวสู่การเป็นอุตสาหกรรมและเมืองยุคใหม่ มีระบบคมนาคมที่สะดวกรวดเร็ว ไม่มีปัญหารถติด .
นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ กพอ.เร่งรัดการพัฒนาเมืองการบินภาคตะวันออก ทำแผนขยายเมืองรอบข้างให้เป็นระบบ
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กพอ. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้สั่งการให้เร่งรัดการพัฒนาเมืองการบินภาคตะวันออกที่สนามบินอู่ตะเภา เพื่อให้เชื่อมโยงกับรถไฟความเร็วสูงตรงเวลา และวางแผนการขยายตัวของเมืองรอบๆ ข้างให้เป็นระบบ โดยมีสาระสำคัญดังนี้
1.รับทราบแนวทางภาพรวมของการขยายตัวจากเมืองการบินภาคตะวันออก ไปสู่มหานครการบินภาคตะวันออกในระยะ 10 ปี เริ่มต้นจากพื้นที่เมืองการบินภาคตะวันออกบริเวณสนามบินอู่ตะเภา ขนาด 6,500 ไร่ ไปสู่เขตชั้นในของมหานครการบินภาคตะวันออกพื้นที่โดยรอบรัศมี 10 กม. ไปสู่เขตชั้นนอกรัศมี 30 กม.
2.มีงานและโครงการสำคัญที่ดำเนินการอยู่ โดยเฉพาะงานวางแผนทางวิ่งที่ 2 งานวางแผนแม่บทและการศึกษาความเหมาะสม เพื่อการร่วมทุนกับเอกชน
3.มอบหมายให้กองทัพเรือ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามลำดับความสำคัญของกิจการตามที่เสนอ ด้วยวิธีการบริหารโครงการแบบเร่งด่วน (Fast Track) และจัดทำแผนปฏิบัติการในรายละเอียดร่วมกันอย่างบูรณาการ รวมทั้งกำกับโครงการให้แล้วเสร็จตามเวลาที่กำหนด โดยเสนอคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กบอ.) พิจารณาก่อนเสนอมาอีกครั้งหนึ่ง
4.รับทราบความก้าวหน้าโครงการที่เกี่ยวกับการพัฒนาเมืองการบินภาคตะวันออกที่สำคัญ คือ โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา ซึ่งปัจจุบัน บมจ.การบินไทย (THAI) อยู่ระหว่างดำเนินการปรับแก้รายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภาให้เป็นไปตามประกาศ EEC Track โดยการปรับแก้ตามความเห็นเพิ่มเติมจากหน่วยงานภาครัฐและคณะกรรมการคัดเลือก เพื่อสรุปนำเสนอฝ่ายบริหารของ บมจ.การบินไทย และคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยคาดว่าจะสามารถได้ TOR ในเดือนก.ย.หรือต.ค.นี้ และคาดว่าได้จะเอกชนที่ชนะการประมูลในเดือนม.ค.62 โดยมีแผนก่อสร้างเสร็จในปี 66 ขณะที่ตัวเลขการลงทุนเบื้องต้นมีมูลค่า 2 แสนล้านบาท
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมฯ ยังรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนที่มี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน รวมทั้งรับทราบมาตรการส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน โดยเมืองใหม่อัจฉริยะน่าอยู่จะดำเนินการในพื้นที่ EEC ต้องมีองค์ประกอบ 6 ลักษณะ ได้แก่ 1.ชุมชนอัจฉริยะ (Smart Community) 2.สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart Environment) 3.การคมนาคมขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) 4.พลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) 5.เศรษฐกิจอัจฉริยะ (Smart Economy) 6.การบริหารจัดการอัจฉริยะ (Smart Governance)
ที่ประชุม กพอ.ยังรับทราบความก้าวหน้าโครงการพัฒนาเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (Digital Park Thailand : ECCd) และโครงการเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor of Innovation : EECi) โดยรับทราบความก้าวหน้า EECd ที่จะจัดตั้ง IoT Institute ในระยะแรก และรับทราบแนวทางให้มีการร่วมทุนกับเอกชนในการพัฒนา EECd รวมทั้งรับทราบความก้าวหน้า EECi และการสื่อสารประชาสัมพันธ์เพื่อเจรจาและชักชวนนักลงทุน
อย่างไรก็ดี การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งแรกภายใต้ พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.2561 ที่ได้ประกาศใช้เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2561 และมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญดังนี้
1.มีการเปลี่ยนชื่อจากคณะกรรมการนโยบายระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กนศ.) เป็นคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) 2.มีคณะกรรมการเพิ่มเป็น 28 คน (จากเดิม 18 คน ภายใต้ คำสั่งคสช. 2/2560) ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน, นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นรองประธาน รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง 14 ท่าน หัวหน้าหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง 3 ท่าน ประธานสถาบันเอกชนทั้ง 3 สถาบัน ผู้ทรงคุณวุฒิ 5 ท่าน และเลขาธิการคณะกรรมการ 3.มีการเปลี่ยนชื่อสำนักงานจาก สำนักงานคณะกรรมการนโยบายระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (สกรศ.) เป็นสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.)
นอกจากนี้ ที่ประชุม กพอ. ยังรับทราบการดำเนินงานของ สกพอ. ตามคำสั่ง คสช. 2/2560 และเห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กบอ.) และเห็นชอบในหลักการการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ และให้ กบอ.พิจารณาแล้วนำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายต่อไป
ด้านนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เตรียมโรดโชว์โครงการ EEC กับนักลงทุนที่ประเทศอังกฤษและฝรั่งเศสในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมิ.ย.นี้ พร้อมกับเตรียมโรดโชว์ที่ประเทศเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และจีน พร้อมโรดโชว์นักลงทุนไทย และเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชนด้วย
อินโฟเควสท์