- Details
- Category: บีโอไอ
- Published: Saturday, 25 July 2015 21:59
- Hits: 7587
ส่งออกทำเงิน 5.88 แสนล้านต่อปี บีโอไอโชว์ครึ่งปีแรกไฟเขียวลงทุน 4.12 แสนล้าน
แนวหน้า : บีโอไอเผยครึ่งแรกปี’58 ไฟเขียวส่งเสริมการลงทุนมูลค่ากว่า 4.12 แสนล้านบาท คาดส่งออกทำเงินเข้าประเทศปีละ 5.88 แสนล้านบาท จ้างงานคนไทยกว่า 1 แสนตำแหน่ง
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)เปิดเผยถึงภาวะการส่งเสริมการลงทุนในช่วง 6เดือนแรก ปี 2558 (มกราคม-มิถุนายน) ว่ามีกิจการที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนทั้งสิ้น 1,254 โครงการมีมูลค่าเงินลงทุนรวม 412,690 ล้านบาท จำนวน 523โครงการ หรือคิดเป็น 42% ของโครงการทั้งหมดที่เป็นกิจการผลิตเพื่อส่งออก คาดว่าจะก่อให้เกิดการสร้างรายได้เข้าประเทศถึงปีละ 588,805 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มการส่งของกลุ่มนี้ได้ภายใน 1-3 ปี โดยเฉพาะกลุ่มการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เกษตรกรรม และผลิตผลจากการเกษตร เคมีภัณฑ์ พลาสติก และกระดาษ เป็นต้น
นอกจากนี้ โครงการลงทุนดังกล่าวจะใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นมูลค่า 350,507 ล้านบาทต่อปี โดยโครงการในหมวดเกษตรกรรมและผลิตผลการเกษตรจะใช้วัตถุดิบในประเทศมากเป็นอันดับ 1 มูลค่า 140,743 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาคเกษตรของไทยโดยตรง และหากโครงการที่ได้รับอนุมัติเปิดดำเนินการจะเกิดการจ้างงานคนไทย 104,838 ตำแหน่งกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์จะจ้างงานเป็นอันดับ 1 ตามมาด้วย กลุ่มโลหะ เครื่องจักรยานยนต์และชิ้นส่วน กลุ่มเคมีภัณฑ์ พลาสติก และกระดาษ
ทั้งนี้ มีกิจการในกลุ่มวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ที่น่าสนใจ 66 โครงการ เงินลงทุน 20,322 ล้านบาท อาทิ กิจการผลิตเครื่องมือแพทย์ เช่น รากฟันเทียม สกรูยึดกระดูก อุปกรณ์เจาะกระดูก แผ่นโลหะดามกระดูก หลอดเก็บตัวอย่างเลือด น้ำยาล้างไต และลิ้นหัวใจเทียม กิจการที่ใช้เทคโนโลยีชีวภาพที่ทันสมัย เช่น การวิจัยพัฒนา Functional Enzymesและ Probiotics และการผลิตยีสต์สกัดและยีสต์โปรตีนกิจการบริการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ กิจการผลิตเครื่องจักร อุปกรณ์ และชิ้นส่วนที่มีการออกแบบทางวิศวกรรม กิจการวิจัยและพัฒนาด้านต่างๆ เช่น ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ
สำหรับ คำขอรับส่งเสริมการลงทุนในช่วง 6 เดือนมีจำนวน 408 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 71,140 ล้านบาทโดยเป็นกิจการเป้าหมายที่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล 65% หรือ 264 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 45,070 ล้านบาทกิจการกลุ่มพลังงานทดแทนและการประหยัดพลังงานได้รับความสนใจยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนมากที่สุดมีทั้งสิ้น 59 โครงการ เงินลงทุน 19,687 ล้านบาท เช่น กิจการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ กิจการผลิตเชื้อเพลิงจากชีวมวล กิจการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ รองมาเป็นกิจการในกลุ่มของการสร้างมูลค่าเพิ่มจากผลิตผลการเกษตร มีคำขอรับการส่งเสริม 25 โครงการ เงินลงทุน 8,190 ล้านบาท เช่น กิจการผลิตยางรถยนต์ กิจการผลิตผลิตภัณฑ์จากยางธรรมชาติ เช่น ถุงมือ ที่นอน เป็นต้น กิจการผลิตหรือถนอมอาหาร เครื่องดื่มเช่น น้ำผลไม้ อาหารแช่แข็ง เป็นต้น
กิจการส่งเสริมการท่องเที่ยวมีคำขอรับการส่งเสริม 4 โครงการ เงินลงทุน 5,884 ล้านบาท กิจการด้านส่งเสริมวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม มีคำขอรับการส่งเสริม 38 โครงการ เงินลงทุน 4,470 ล้านบาท กิจการด้านส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล มีคำขอรับการส่งเสริม 75 โครงการ เงินลงทุน 1,855 ล้านบาท
กิจการด้านการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ มีคำขอรับการส่งเสริม 25 โครงการ เงินลงทุน 2,693 ล้านบาทเช่น กิจการขนส่งทางเรือ กิจการด้านส่งเสริมสิ่งแวดล้อมมีคำขอรับการส่งเสริม 4 โครงการ เงินลงทุน 840 ล้านบาทเช่น กิจการผลิตพลาสติกรีไซเคิล กิจการผลิตเชื้อเพลิงจากขยะ กิจการส่งเสริมการเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ มีคำขอรับการส่งเสริม 30 โครงการ เงินลงทุน576 ล้านบาท และกิจการด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์มีคำขอรับการส่งเสริม 2 โครงการ เงินลงทุน 67 ล้านบาท
น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวกล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจในไทย 35 ราย ซึ่งเป็นคนต่างด้าวที่ยื่นขออนุญาตครั้งแรก 23 ราย การอนุญาตทำให้คนต่างด้าวต้องนำเงินเข้ามาลงทุนในการประกอบธุรกิจ 580 ล้านบาท และมีการจ้างงานคนไทย 385 คน
ธุรกิจที่ได้รับอนุญาตได้แก่ธุรกิจบริการให้แก่บริษัทในเครือในกลุ่มและผู้ประกอบการอุตสาหกรรมต่างๆ 20 ราย มีเงินลงทุน 509 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นบริการให้คำปรึกษาแนะนำและบริหารจัดการ และให้เช่าพื้นที่อาคาร เป็นต้น เป็นคนต่างด้าวจากประเทศสิงคโปร์ ญี่ปุ่น มาเลเซีย จีน เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ สเปนธุรกิจสำนักงานผู้แทน 9 ราย มีเงินลงทุน 40 ล้านบาทส่วนใหญ่เป็นการรายงานความเคลื่อนไหวทางธุรกิจเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจ การผลิต การตลาด การลงทุน ตลอดจนความต้องการใช้สินค้าและบริการต่างๆ ให้สำนักงานใหญ่ทราบ เป็นคนต่างด้าวจากประเทศสิงคโปร์ ญี่ปุ่น เยอรมนี ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย และเดนมาร์ก
ธุรกิจค้าส่ง 3 ราย มีเงินลงทุน 19 ล้านบาท เป็นคนต่างด้าวจากประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ และอินเดีย ธุรกิจค้าปลีก 1 ราย มีเงินลงทุน 6 ล้านบาท เป็นคนต่างด้าวจากประเทศสิงคโปร์และธุรกิจนายหน้าตัวแทน 1 ราย มีเงินลงทุน 3 ล้านบาท เป็นคนต่างด้าวจากประเทศสิงคโปร์ ธุรกิจที่เป็นคู่สัญญากับภาครัฐ/รัฐวิสาหกิจ 1 ราย เงินลงทุน 3 ล้านบาท เป็นคนต่างด้าวจากประเทศสาธารณรัฐเกาหลี
เฉพาะเดือนกรกฎาคม 2558 จำนวนธุรกิจที่ได้รับอนุญาตเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 3 ราย คิดเป็น9% เงินลงทุนลดลง 987 ล้านบาท คิดเป็นอัตรา 63% และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนปรากฏว่าจำนวนธุรกิจที่ได้รับอนุญาตลดลง 4 ราย คิดเป็นอัตรา 10% เงินลงทุนลดลง 5,096 ล้านบาท เนื่องจากในเดือนกรกฎาคม 2557 มีผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ซึ่งเป็นธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนสูงและปี 2558 (มกราคม-กรกฎาคม) คณะกรรมการอนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจในไทยแล้ว 242 รายมีเงินลงทุน 8,587 ล้านบาท และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวนธุรกิจที่ได้รับอนุญาตเพิ่มขึ้น 17 ราย คิดเป็นอัตรา 8% ขณะที่เงินลงทุนลดลง4,462 ล้านบาท คิดเป็นอัตรา 34%
ครึ่งปีอนุมัติบีโอไอ4แสนล้านสมหมายเร่งเติมงบลงทุนหวังกระตุ้นเศรษฐกิจโงหัว
ไทยโพสต์ : วิภาวดีรังสิต * บีโอไอเผยการส่งเสริมการลงทุนครึ่งแรกปี 2558 อนุมัติกว่า 412,690 ล้านบาท สร้างรายได้เข้าประเทศจากการส่งออกกว่า 588,805 ล้านบาทต่อปี "สมหมาย" เครื่องร้อนเตรียมดัน เม็ดเงินลงทุน 3 แสนล้านบาท หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เผย 6 เดือนได้อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจในประเทศไทยแล้วจำ นวน 242 ราย
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) แจ้งว่าใน 6 เดือน แรกของปี 2558 (ม.ค.-มิ.ย.) มีกิจการที่ได้รับส่งเสริมลงทุนจำนวน 1,245 โครงการ มูลค่า 412,690 ล้านบาท โดยมีจำนวน 523 โครงการ หรือคิดเป็น 42% ของโครงการทั้งหมดที่เป็นกิจการผลิตเพื่อส่งออก ซึ่งจะสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศถึงปีละ 588,805 ล้านบาท และคาดว่าในช่วง 1- 3 ปีนี้จะเริ่มเกิดการส่งของกลุ่มการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็ก ทรอนิกส์ เกษตรกรรม และผลิตผลจากการเกษตร เคมีภัณฑ์ พลาสติก และกระดาษ เป็นต้น
นอกจากนี้ โครงการลง ทุนที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมจำนวนดังกล่าวจะใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นมูลค่า 350,507 ล้านบาทต่อปี โดยโครงการในหมวดเกษตรกรรมและผลิตผลการเกษตรจะใช้วัตถุดิบในประเทศมากเป็นอัน ดับ 1 มูลค่า 140,743 ล้านบาท ต่อปี ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาคเกษตรของไทยโดยตรง สำหรับโครงการที่ยื่นคำขอรับส่งเสริมการลงทุนในช่วง 6 เดือน มีจำนวน 408 โครงการ มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 71,140 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากโครงการที่ได้รับอนุมัติจำ นวนดังกล่าวเปิดดำเนินการ จะ เกิดการจ้างงานคนไทยเป็นจำนวน 104,838 ตำแหน่ง
นายสมหมาย ภาษี รมว.การคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ กล่าวว่า สัปดาห์หน้าจะมีการประชุมคณะกรรมการเป็นครั้งแรก ขณะนี้อยู่ระหว่างให้ฝ่ายเลขาของคณะกรรมการชุดดังกล่าวเตรียมเอกสารการประชุม ซึ่งการทำงานของคณะกรรมการชุดนี้จะมีส่วนช่วยในการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศได้มาก โดยที่ผ่านมาการดำเนินมาตรการทางเศรษฐ กิจกระจัดกระจายไม่ชัดเจน แต่ตอนนี้ได้รวบรวมมาอยู่ที่เดียวกัน และจะดำเนินการให้เป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น โดยคณะกรรมการชุดนี้จะดูว่าที่ผ่านมามีมาตรการทางเศรษฐกิจอะไรบ้าง มีการดำเนินการไปแค่ไหน และจะต้องเพิ่มเติมในส่วนไหนบ้าง
สำหรับ การลงทุนจะเน้น เรื่องการเบิกจ่ายโครงการลงทุนในปีงบประมาณ 2559 และ 2560 ที่เป็นการใช้เงินจากงบประมาณ จากเงินกู้ เงินของรัฐ วิสาหกิจ และจากการร่วมลงทุนรัฐและเอกชน เป็นวงเงินลงทุนทั้งหมด 3 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมูลค่าโครงการลงทุนกว่า 2 ล้านล้านบาท ที่เป็นเงินลงทุนในระยะยาวประมาณ 10 ปี
นางสาวผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว กล่าวว่า ที่ประชุมของคณะกรรมการฯ เมื่อวันที่ 15 ก.ค.58 นี้ ได้อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจในประเทศ ไทยจำนวน 35 ราย ทำให้มีเม็ดเงินลงทุนในการประกอบธุรกิจจำนวน 580 ล้านบาท และมีการจ้างงานคนไทยจำนวน 385 คน
อย่างไรก็ตาม ในปี 2558 (ม.ค.-ก.ค.58) คณะกรรมการฯ ได้อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจในประเทศไทยแล้วจำนวน 242 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 8,587 ล้านบาท และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนปรากฏว่าจำนวนธุรกิจที่ได้รับอนุญาตเพิ่มขึ้น 17 ราย คิดเป็นอัตราร้อยละ 8 ในขณะที่เงินลงทุนลดลง 4,462 ล้านบาท คิดเป็นอัตราร้อยละ 34.