![](http://www.cp-enews.com/ckeditor/uploads/images/%E0%B8%89%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%20%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%B2%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%8D.png)
สถาบัน The Royal Society of Public Health (RSPH) ได้เรียกร้องให้ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มติดฉลากเป็นรูปภาพเพื่อแสดงให้ผู้บริโภคทราบว่าปริมาณพลังงาน(แคลอรี่)ที่ได้รับจะต้องออกกำลังกาย (วิ่ง jogging,ขี่จักรยาน หรือว่ายน้ำ) เป็นเวลาเท่าใดจึงจะเผาผลาญพลังงานนั้นหมด เพื่อต่อต้านภาวะโรคอ้วน ตัวอย่างเช่น เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล 1 กระป๋อง (138 แคลอรี่) จะต้องวิ่ง 15 นาที หรือขี่จักรยาน 23 นาที หรือว่ายน้ำ 13 นาที ช็อตโกแลต 1 แท่ง (229 แคลอรี่) จะต้องวิ่ง 40 นาที หรือขี่จักรยาน 49 นาที หรือว่ายน้ำ 29 นาที
RSPH ยังอ้างถึงผลการสำรวจความคิดเห็นชาวอังกฤษราว 2,000 คน ซึ่งพบว่า 63% สนับสนุนการติดฉลากนี้ และ 53% เห็นว่าฉลากดังกล่าวจะช่วยเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคได้ รวมถึงยังพบว่าผู้ที่อ่านฉลากแบบนี้มีแนวโน้มที่จะออกกำลังกายมากกว่าการอ่านฉลากแสดงปริมาณเกลือ น้ำตาล และไขมันในอาหาร โดยใช้สีแดง สีเหลือง และสีเขียว (Traffic Light Label) ถึง 3 เท่า
ทั้งนี้ เด็กชาวอังกฤษ 1 ใน 3 มีภาวะโรคอ้วน และผู้ใหญ่ชาวอังกฤษ 2 ใน 3 มีภาวะโรคอ้วน