เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา รัสเซียได้ประกาศห้ามนำเข้าอาหารหลายประเภท (เช่น ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์นม) จากประเทศกลุ่มตะวันตก ได้แก่ สหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย นอร์เวย์ และสหภาพยุโรป (EU) เป็นเวลา 1 ปีเพื่อตอบโต้มาตรการ sanction ทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศตะวันตกจากกรณีความขัดแย้งในประเทศยูเครน
ในส่วนของ EU มาตรการของรัสเซียจะส่งผลกระทบต่อการค้าสินค้าเกษตรและอาหารของ EU ราว 5,100 ล้านยูโร โดยส่วนใหญ่เป็นผลกระทบต่อเนื้อสัตว์ (เนื้อสุกรและเนื้อวัว) และผลิตภัณฑ์นม ส่วนผลิตภัณฑ์ประมงได้รับผลกระทบเล็กน้อย
การแก้ปัญหาของ EU
- จัดตั้งคณะทำงานเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์และประเมินผลกระทบ
- ติดตามราคาสินค้าเกษตรและอาหารทุกชนิดในทุกประเทศสมาชิกเป็นรายสัปดาห์
- จ่ายเงินแก่ผู้ปลูกผัก-ผลไม้รวม 125 ล้านยูโร เพื่อลด oversupply ของผัก-ผลไม้ ซึ่งเป็นสินค้าที่เน่าเสียง่าย
- จัดสรรเงินเพื่อหาตลาดใหม่ โดยจะเริ่มส่งเสริมสินค้าเกษตรและอาหารในประเทศที่ 3 ในปีหน้า
- ผู้ส่งออกสินค้าประมงที่ต้องการเก็บสินค้าในห้องเย็นเพื่อรักษาระดับราคาสินค้า จะได้รับเงินช่วยเหลือจากกองทุนประมง
- ช่วยผู้ผลิตเนย นมผง และชีส สำหรับค่าเก็บรักษาสินค้าในห้องเย็นของภาคเอกชนเป็นเวลา 3-7 เดือน
โดย นายธงชัย บุณยโชติมา
|