เมื่อกลางเดือนธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา สหภาพยุโรป (EU) และสิงคโปร์ได้บรรลุความตกลงการค้าเสรี (FTA) ต่อกันแล้ว อันเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ 2020 ของ EU เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและลดการว่างงาน และคาดว่ารัฐสภาของทั้ง 2 ฝ่ายจะให้สัตยาบันได้ภายในปลายปี 2013 ซึ่งนับเป็น FTA แรกที่ EU ทำกับกลุ่มอาเซียน และเป็น Green FTA แรกของ EU ด้วย ซึ่งเป็นประเด็นที่น่าสนใจมาก ผมจึงขอสรุปและนำเสนอ ดังนี้
EU เป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญอันดับ 2 ของสิงคโปร์ (รองจากมาเลเซีย) ขณะที่สิงคโปร์เป็นประเทศคู่ค้าในอาเซียนที่สำคัญที่สุดของ EU โดยมีการค้ารวมที่ 46,000 ล้านยูโร/ปี และมีบริษัทของ EU ถึง 8,800 รายที่มาตั้งสำนักงานในสิงคโปร์
ภายใต้ความตกลงนี้ นอกจากจะมีการเปิดตลาดสินค้า (ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายมีอัตราภาษีนำเข้าสินค้าที่ต่ำอยู่แล้ว) โดย EU จะยกเลิกภาษีสินค้านำเข้าจากสิงคโปร์ภายใน 5 ปี ขณะที่สิงคโปร์จะยกเลิกภาษีสินค้านำเข้าจาก EU ทันที ยังมีเรื่องการบริการ การลงทุน การจัดซื้อภาครัฐ การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา และการพัฒนาที่ยั่งยืน (SD) ซึ่งเป็นประเด็นใหม่ของการทำ FTA ของ EU โดยถือหลักว่า'การค้าจะต้องปกป้องสิ่งแวดล้อมและพัฒนาชุมชนไปด้วยกัน'
โดย ธงชัย บุณยโชติมา
|