เมื่อปีที่แล้ว Pike Research ได้คาดการณ์ว่าตลาดเชื้อเพลิงชีวภาพ (biofuels) ของโลกจะมีมูลค่าเพิ่มจาก 82,700 ล้านดอลล่าร์ เป็น 185,300 ล้านดอลล่าร์ในปี 2021

      ขณะที่บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่อย่าง BP เพิ่งออกรายงาน Energy Outlook 2030กล่าวถึงกระแสของการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ แต่ก็เน้นย้ำว่าการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพจะต้องไม่มีผลต่อการผลิตอาหารและสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับที่ผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่งได้ระบุถึงทิศทางของเชื้อเพลิงชีวภาพในอนาคตไว้ว่ามีทั้งหมด 4 ยุค(Generation) ประกอบด้วย

       -ยุคที่ 1 เป็นการผลิตในยุคปัจจุบัน โดยการแปรจากพืชอาหาร (ข้าวโพด, มันสำปะหลัง, ถั่วเหลือง, อ้อย และปาล์มน้ำมัน) ซึ่งพบว่าส่งผลกระทบต่อราคาอาหารและสิ่งแวดล้อมมาก
-ยุคที่ 2 เป็นการแปรจากเซลลูโลส (cellulosic) เช่น หญ้า และเศษวัสดุการเกษตร เช่น ฟาง ซัง รวมถึงพืชอย่าง camelina ด้วย การผลิตในยุดนี้จึงไม่ได้เบียดบังการผลิตพืชอาหาร
-ยุคที่ 3 เป็นการแปรจากสาหร่าย ซึ่งมีข้อดีที่ไม่ต้องใช้ที่ดินการเกษตรมาเพาะปลูก และมีผลผลิตต่อพื้นที่สูงมาก นอกจากนี้ สาหร่ายบางชนิดยังเพาะเลี้ยงในน้ำเค็มได้ด้วย ทำให้ประหยัดน้ำจืดได้ไปในตัว-ยุคที่ 4 เป็นการแปรจากพืชที่ผ่านการตัดต่อพันธุกรรม (GM) ให้ดูด CO2 ได้มากเป็นพิเศษ ทำให้เชื้อเพลิงที่ได้เป็น carbon neutral fuels