กดไลน์-แชร์ให้เพื่อนๆด้วยครับ
แดเนียล แอล. ด็อกเทอรอฟฟ์ ลาออกจากตำแหน่งซีอีโอของบลู มเบิร์ก แอลพี มีผลสิ้นปี 2557
นิวยอร์ก--(บิสิเนส ไวร์)--4 ก.ย. 2557
- ไมเคิล อาร์. บลูมเบิร์ก จะกลับมารับบทบาทผู้นำบริษัทที่ เขาเป็นผู้ก่อตั้ง
- บลูมเบิร์กยกย่องความเป็นผู้ นำและความสำเร็จทางธุรกิจของด็ อกเทอรอฟฟ์
บลูมเบิร์ก แอลพี (Bloomberg LP) และไมเคิล อาร์. บลูมเบิร์ก (Michael R. Bloomberg) ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและผู้ถือหุ้ นรายใหญ่ ประกาศในวันนี้ว่า แดเนียล แอล. ด็อกเทอรอฟฟ์ (Daniel L. Doctoroff) จะก้าวลงจากตำแหน่ งประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริ หารของบริษัทโดยจะมีผลสิ้นปีนี้ บลูมเบิร์ก แอลพี จะไม่แต่งตั้งบุคคลเข้ามารั บตำแหน่งแทน แต่บริษัทจะอยู่ภายใต้การบริ หารงานโดยนายบลูมเบิร์กอีกครั้ งหนึ่ง ด้วยการสนับสนุนจากทีมผู้บริ หารชุดปัจจุบัน
นายด็อกเทอรอฟฟ์ ปัจจุบันอายุ 56 ปี เข้าร่วมงานกับบลูมเบิร์ กในตำแหน่งประธานในเดือนมกราคม 2551 และก้าวขึ้นเป็นซีอีโอในเดื อนกรกฎาคม 2554 ก่อนเข้าร่วมงานกับบลูมเบิร์ก แอลพี ด็อกเทอรอฟฟ์ดำรงตำแหน่ งรองนายกเทศมนตรีเมืองนิวยอร์ กเป็นเวลา 6 ปี โดยรับผิดชอบด้านการพั ฒนาเศรษฐกิจ การก่อสร้างและการบูรณปฏิสั งขรณ์ ภายใต้การบริหารของบลูมเบิร์ก
“นี่เป็นวันที่น่าเศร้าสำหรั บผมและบริษัท” นายบลูมเบิร์กกล่าว “ที่จริงผมต้องการให้แดนอยู่เป็ นผู้นำบริษัทต่อไป แต่ผมเข้าใจการตัดสินใจของเขา ผมไม่เคยมีความตั้งใจที่จะกลั บมาบริหารบลูมเบิร์ก แอลพี หลังจากไปทำหน้าที่นายกเทศมนตรี มานาน 12 ปี อย่างไรก็ดี ยิ่งผมใช้เวลาทำความคุ้นเคยใหม่ กับบริษัท ผมก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นและค้ นพบสิ่งที่น่าสนใจ ซึ่งส่วนใหญ่เป็ นผลงานจากความพยายามของแดน ผมได้เข้ามามีส่วนร่วมในบริษั ทอีกครั้ง และนั่นนำไปสู่การที่แดนได้ มาพบผมเมื่อเร็วๆนี้ เพื่อบอกว่าเขาคิดว่าจะเป็นเรื่ องดีกว่าหากเขาคืนตำแหน่งผู้ นำของบริษัทให้กับผม ซึ่งนั่นเป็นข้อเสนอที่แสดงถึ งความสุภาพและการไตร่ ตรองเอาใจใส่ และเป็นข้อเสนอที่ผมยอมรับในที่ สุดหลังจากที่ได้บอกปัดและคัดค้ าน”
“แดน ด็อกเทอรอฟฟ์ เป็นเพื่อนร่วมงานและเพื่อนสนิ ทที่สุดคนหนึ่งของผมตลอด 13 ปี” นายบลูมเบิร์กกล่าว “เมื่อครั้งร่วมงานกันที่ศาลาว่ าการนิวยอร์ก เขาเป็นสถาปนิกผู้พลิกฟื้ นเศรษฐกิจของเมืองนิวยอร์กให้ กลับมาโดดเด่นอีกครั้ง หลังเกิดเหตุการณ์ 11 กันยายน ซึ่งเป็นการเริ่มต้นช่วงเวลาแห่ งการพัฒนาและการขยายตัวด้ านการจ้างงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุ ดในประวัติศาสตร์ของนิวยอร์ก รวมทั้งยังนำมาซึ่งโครงการบุ กเบิกเพื่อความยั่งยืนของเมือง ถึงแม้ว่าความจริงแล้ว เขาแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับบลู มเบิร์ก แอลพี และรูปแบบการดำเนินธุรกิจของบริ ษัท แต่ผมก็ได้ขอให้เขามาบริหารบริ ษัทของผม ด้วยความเป็นผู้นำที่มีวินั ยและสร้างสรรค์แบบเดียวกับที่ เขาแสดงให้เห็นในการทำงานที่ ศาลาว่าการฯ เขาคร่ำเคร่งกับธุรกิจในทันที และใช้ความเชี่ยวชาญนำทางบลู มเบิร์ก แอลพี ผ่านช่วงวิกฤตการเงินที่เลวร้ ายที่สุดในยุคของเรามาได้”
“ภายใต้การนำของแดนนั้น เราอยู่ในตำแหน่งที่แข็งแกร่งที ่สุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่ อนในทุกตลาดที่เราแข่งขัน และเราสามารถทำสถิติใหม่ ทางการเงินได้ทุกปีในช่วงที่ เขาดำรงตำแหน่ง ทีมผู้บริหารของเราเป็นทีมที่มี ความสามารถมากที่สุดในประวัติ ศาสตร์ เราทำให้ทุกหน่วยงานในบริษัทมี ความเป็นมืออาชีพ เราพิจารณาที่จะสร้างความแตกต่ างและหลากหลายให้กับธุรกิจ โดยส่วนหนึ่งก็ด้วยการเปิดรั บโมเดลธุรกิจ เทคโนโลยี แนวความคิด และกระบวนการใหม่ๆ รวมทั้งผู้คนและการซื้อกิจการ และเรายังสามารถรักษาวัฒนธรรมที ่เป็นหัวใจของความสำเร็จของเรา ดังที่ผมได้กล่าวมาแล้วหลายครั้ ง ผลงานของแดนที่ศาลาว่าการและที่ บลูมเบิร์กแสดงให้เห็นว่าเขาเป็ นหนึ่งในผู้นำและผู้จัดการที่ดี ที่สุดเท่าที่ผมเคยรู้จัก”
นายด็อกเทอรอฟฟ์กล่าวว่า “ผมขอขอบคุณไมค์ บลูมเบิร์ก ที่ให้เกียรติผมได้เป็นผู้บริ หารบริษัทที่ยิ่งใหญ่ของเขา ผมมั่นใจว่า บริษัทที่ผมคืนให้กับเขานั้นมี การเตรียมพร้อมเป็นอย่างดีสำหรั บการเผชิญความท้าทายต่ างๆในอนาคต และสำหรับการคว้าโอกาสพิเศษๆที่ อยู่เบื้องหน้า นอกจากนี้ ผมขอขอบคุณเพื่อนร่วมงานและที มผู้บริหารอาวุโส โดยเฉพาะปีเตอร์ กราวเออร์, ทอม เซคันดา และแมทท์ วิงค์เลอร์ ซึ่งทุกคนอยู่ที่นี่มานานกว่าผม และเป็นผู้ขับเคลื่อนความสำเร็ จของบลูมเบิร์กตัวจริง”
นายด็อกเทอรอฟฟ์กล่าวต่อว่า “ผมรักบริษัท และมีความนับถือและชื่นชมในตั วไมค์ ดังนั้น การลาออกจึงไม่ใช่การตัดสินใจที ่ง่าย แต่เป็นสิ่งที่ถูกต้องสำหรับบริ ษัท สำหรับไมค์ และสำหรับผมในช่วงเวลานี้ของชี วิต บลูมเบิร์กเป็นบริษัทของไมค์อย่ างที่เคยเป็นมาเสมอ และช่วยปลุกความสนใจและทำให้ เขามีไฟอีกครั้ง จึงเป็นเรื่องเหมาะสมสำหรั บเขาที่จะกลับมารับตำแหน่งผู้ นำอีกครั้ง ผมภูมิใจในความสำเร็จของเราในช่ วง 7 ปีที่ผ่านมา และผมรู้ว่าบริษัทจะเติบโตแข็ งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก”
ในช่วงวาระการดำรงตำแหน่ งของนายด็อกเทอรอฟฟ์ที่บลูมเบิ ร์ก แอลพี:
- บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นจาก 5.4 พันล้านดอลลาร์ในปี 2550 เป็นกว่า 9 พันล้านดอลลาร์ในปี 2557 แม้ว่าจะได้รั บผลกระทบและผลพวงจากวิกฤตการเงิ น - ส่วนแบ่งตลาดของบลูมเบิร์ กในภาคอุตสาหกรรมบริการข้อมู ลการเงินปรับตัวขึ้นจาก 26% เป็น 32% - แม้จำนวนนักลงทุนและหลักทรัพย์ ทั่วโลกลดน้อยลง แต่สมาชิก Bloomberg Terminal กลับเพิ่มขึ้นจาก 273,000 ราย สู่ระดับ 321,000 ราย ด้วยกลยุทธ์การเจาะตลาดเดิมให้ กว้างขึ้น และการขยายเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ ซึ่งรวมถึงตลาดเกิดใหม่ และองค์กรต่างๆ - Bloomberg News ว่าจ้างบรรณาธิการข่าวและผู้สื่ อข่าวเพิ่มขึ้นกว่า 500 คน สวนทางกับองค์กรข่าวรายใหญ่อื่ นๆที่ประสบภาวะหดตัว ขณะเดียวกัน บริษัทได้สยายปีกทั่วโลกด้ วยการขยายบริการด้านดิจิตั ลและโทรทัศน์ ตลอดจนเข้าซื้อกิจการ Bloomberg Businessweek - บริษัทประสบความสำเร็ จในการขยายบริการให้นอกเหนื อไปจาก Terminal ซึ่งรองรับงานส่วนหน้า เช่น เทรดเดอร์ พนักงานขาย และผู้จัดการการลงทุน ไปสู่ผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นสำหรั บ “องค์กร” โดยรายได้จากธุรกิจเหล่านั้นพุ่ งขึ้นจาก 305 ดอลลาร์ แตะที่ 1.08 พันล้านดอลลาร์ - บริษัทได้ขยายบริการข้อมูลไปสู่ ตลาดต่างๆทั้งภาคกฎหมาย รัฐบาล และพลังงานทางเลือก โดยนำเสนอข้อมูลที่สำคัญสำหรั บสมาชิก Terminal และผู้ใช้งานใหม่
นายบลูมเบิร์กกล่าวเพิ่มเติมว่า “แดนจะเป็นส่วนหนึ่งของครอบครั วบลูมเบิร์กตลอดไป เขาจะยังคงเป็นเพื่อน ที่ปรึกษา และหุ้นส่วนของผมต่อไป ผมได้ขอให้เขาเข้าร่วมใน Board of Bloomberg Philanthropies และผมจะสนับสนุนโครงการริเริ่ มต่างๆที่เขาตัดสินใจจะดำเนิ นการในอนาคตอย่างแน่นอน”
ก่อนที่จะมาร่วมบริหารงานในบลู มเบิร์กนั้น นายด็อกเทอรอฟฟ์เป็นหุ้นส่วนผู้ จัดการของโอ๊กฮิลล์ แคปิตอล พาร์ทเนอร์ส (บริษัทไพรเวทอีควิตี้) และนักการลงทุนที่เลห์แมน บราเธอร์ส หลังจากนั้น เขาได้มีส่วนร่วมในการดำเนิ นงานด้านต่างๆเกี่ยวกับเมืองนิ วยอร์ก รวมถึงการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ หลังจากเป็นตัวตั้งตัวตี ในการผลักดันให้นิวยอร์กเป็นเจ้ าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิกในปี 2555 ซึ่งได้กลายเป็นพิมพ์เขียวของยุ ทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจนิ วยอร์กหลังจากวินาศกรรม 9/11
นายด็อกเทอรอฟฟ์เป็นผู้ก่อตั้ง Culture Shed ซึ่งเป็นสถาบันวัฒนธรรมแห่งใหม่ ที่ฮัดสัน ยาร์ดส์ ในเขตเวสต์ไซด์ของแมนฮัตตัน รวมไปถึงกลุ่มวิจัย Target ALS (ก่อตั้งร่วมกับ Bloomberg Philanthropies และเดวิด รูบินสไตน์) ซึ่งอุทิศตัวให้กับการพั ฒนาแนวทางการรักษาโรคกล้ามเนื้ ออ่อนแรง (ALS) ที่ได้คร่าชีวิตพ่อและลุงของเขา นอกจากนี้ นายด็อกเทอรอฟฟ์ยังดำรงตำแหน่ งในคณะกรรมการของสถาบัน World Resources Institute องค์กร Human Rights First และมหาวิทยาลัยชิคาโกอีกด้วย
นายด็อกเทอรอฟฟ์เน้นย้ำว่า ในระยะใกล้นี้ เขาต้องการทุ่มเทเวลามากขึ้นให้ กับงานที่ไม่แสวงผลกำไร พร้อมกล่าวว่า เขาไม่ได้จากบลูมเบิร์ก แอลพี เพื่อไปรับโอกาสอื่น “อาชีพของผมคือ การเป็นนักลงทุน เจ้าหน้าที่รัฐ ผู้บริหารบริษัท และผู้นำองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร” เขากล่าว “ผมสนุกกับทุกความท้าทายต่างๆที ่ผ่านเข้ามา เช่นเดียวกับครั้งนี้ ผมรู้สึกยินดีกับโอกาสที่จะได้ เริ่มต้นบทตอนใหม่ของชีวิต แล้วจึงค่อยตัดสินใจเรื่ องของอนาคตเมื่อถึงเวลา”
ติดต่อ: บลูมเบิร์ก แอลพี เจสัน เชคเตอร์ โทร. 212-617-7750 อีเมล: [email protected]
หมายเหตุ:
ไทย บิสิเนส นิวส์ คือผู้เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ ซึ่งส่งจากบริษัทและองค์ กรหลายพันแห่งทั่วโลกไปยัง สื่อมวลชน ตลาดการเงิน นักลงทุน เว็บไซต์สำหรับให้บริการข้อมูล ฐานข้อมูล ฯลฯ
ไทย บิสิเนส นิวส์ เป็นธุรกิจในเครือบริษัท สตูดิโอ มาเจนตา ลิมิเต็ด (Studio Magenta Limited) จัดตั้ง ขึ้นในปีพ.ศ. 2547 เพื่อแปลและเผยแพร่ข่าวประชาสั มพันธ์ โดยท่านสามารถนำข่าวประชาสัมพั นธ์ดังกล่าวไปเผยแพร่ต่อในบริ การและสื่อของท่านได้
หากท่านสนใจลงทะเบียนรับข่ าวของไทย บิสิเนส ไวร์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ หรือต้องการดูข่าวประชาสัมพันธ์ ล่าสุด กรุณาเยี่ยมชมที่เว็บไซต์ http://www.thaibusinessnews. com/