Asia Plantation Capital ประกาศความร่วมมือเชิงพาณิชย์ในอินเดีย

สิงคโปร์ - - 22 ก.ค. - - พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

    บริษัท Asia Plantation Capital จากสิงคโปร์ ประกาศความร่วมมือเชิงพาณิชย์ระยะที่1 ในอินเดีย ร่วมกับบริษัทเอกชนผู้ทำไร่กฤษณารายใหญ่ที่สุดของอินเดีย ในโครงการระดับชุมชนซึ่งครอบคลุมทั่วพื้นที่อินเดียตอนใต้

     บริษัท Vanadurgi Agarwood India ก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ในรูปแบบธุรกิจเชิงสหกรณ์-ผู้ถือหุ้น โดยได้มอบเมล็ดพันธุ์ให้แก่บรรดาเกษตรกรและเจ้าของที่ดินในอินเดีย พร้อมให้การสนับสนุนในส่วนของการเพาะปลูกไม้กฤษณาและพืชเศรษฐกิจอื่นๆ บริษัทเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งและปัจจุบันมีพื้นที่เพาะปลูกกว่า 5,000แห่งในอินเดียตอนใต้ คิดเป็นสัดส่วนถึง 99% ของจำนวนต้นกฤษณาทั้งหมดที่มีอยู่ในอินเดียตอนใต้ในปัจจุบัน โดยในพื้นที่เพาะปลูกหลักที่เมือง Sringeri รัฐกรณาฏกะ ทางบริษัทได้สร้างระบบเพาะปลูกรูปแบบเก่า รวมถึงสถานีวิจัยทางการเกษตร แผนกปลูกเชื้อเทียม ฝ่ายคลังสินค้า ศูนย์บรรจุหีบห่อและจัดส่งสินค้า ทั้งยังมีแผนก่อตั้งโรงงานสกัดไม้เรซิ่นที่ได้มาตรฐานและมีแผนกแปรรูปพื้นฐานในปริมาณมาก นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนตั้งแผนกแปรรูปพื้นฐานครบวงจรที่เมือง Madikeri, Sakaleshpur, Shimoga, Sirsi, Puttur และ Kollur (ในรัฐกรณาฏกะ) รวมถึงศูนย์จัดเก็บผลผลิตในเมือง Coimbatore (รัฐทมิฬนาฑู) และเมือง Kalpetta (รัฐเกรละ)

     หลังจากที่นายธรรมเมนทรา กุมาร์ ผู้ก่อตั้ง Vanadurgi ได้มาเยือนประเทศไทยและประเทศอื่นๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อศึกษาและสานสัมพันธ์กับผู้ทำไร่กฤษณาเชิงพาณิชย์รายอื่นๆ Vanadurgi ก็ได้เลือก Asia Plantation Capital ให้เข้ามาร่วมงานพัฒนาการปลูกเชื้อและกระบวนการแปรรูปไม้กฤษณาสู่ผลิตภัณฑ์หลากประเภทเท่าที่สามารถทำได้

      เมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ทีมงานจากฝ่ายผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกเชื้อและการวิจัยของ Asia Plantation Capital ได้ดำเนินการทดลองภาคสนามในอินเดีย เพื่อประเมินระบบปลูกเชื้อที่ดีที่สุด โดยอิงจากประสบการณ์ในการปรับปรุงระบบจนมีความสมบูรณ์ในประเทศไทยและมาเลเซีย ซึ่งมีอัตราความสำเร็จ 100% ในการกระตุ้นการผลิตเรซิ่นในไม้กฤษณา และเป็นเกษตรอินทรีย์ 100% จนเทียบได้กับน้ำมันกฤษณาจากธรรมชาติ โดยคุณแจ็ค ศิริชัย หัวหน้าทีมงานจากสำนักงาน Asia Plantation Capitalประจำประเทศไทย ในกรุงเทพฯ กล่าวว่า "นับเป็นประสบการณ์อันน่าทึ่งที่ผมได้พบกับคุณธรรมเมนทราและคณะเกษตรกรกว่า 500 ราย ซึ่งใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมงเพื่อมาพบปะและพูดคุยกับเราในบรรยากาศการต้อนรับอย่างเป็นทางการและสมเกียรติ เรารู้สึกปลื้มใจที่ได้พบกับคนที่มีความตั้งใจเหมือนเราในการพัฒนาอุตสาหกรรมไม้กฤษณา โดยใช้วิธีการเพาะปลูกที่ดีที่สุดและบริหารจัดการด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมการเพาะปลูกขนาดใหญ่อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ การให้การสนับสนุนชุมชนถือเป็นนโยบายหลักของ Asia Plantation Capital และการได้แบ่งปันสิ่งนี้กับทุกๆท่านถือเป็นกุญแจสำคัญสู่การเติบโตและความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของเรา"

ทีมงานของ Asia Plantation Capital จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับ Vanadurgiเพื่อติดตามผลและประเมินกรรมวิธีปลูกเชื้อ เนื่องจากทุกประเทศ (และทุกภูมิภาค) มีลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และความหลากหลายทางชีวภาพแตกต่างกันไป ซึ่งล้วนมีผลอย่างมากต่อประสิทธิภาพของระบบ เราจึงจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนและทำการวิจัยกรรมวิธีต่างๆของเรา เพื่อให้ทุกภูมิภาคสามารถผลิตไม้กฤษณาได้มากที่สุดและมีคุณภาพสูงสุด

สำหรับความร่วมมือระยะที่ 2 นั้น Asia Plantation Capital และ Vanadurgi จะร่วมงานกันในส่วนของโซลูชั่นการแปรรูป การกลั่น และการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อผู้บริโภค ซึ่งเราสามารถทำตลาดร่วมกันได้ เพื่อรวมตัวกันเป็นผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายไม้กฤษณารายใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งมีศักยภาพในการนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพดีสม่ำเสมอสู่ตลาดโลกอย่างยั่งยืนในระยะยาว

Asia Plantation Capital คัดเลือกผู้ที่จะมาร่วมงานและมาแบ่งปันเทคโนโลยีกับเราอย่างระมัดระวัง โดยประโยชน์ที่ Vanadurgi จะได้รับจากการร่วมงานกับ Asia Plantation Capital คือ ศักยภาพในการสร้างเครือข่ายซัพพลายเออร์และเกษตรกรที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมกับการเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดของทั้งสองบริษัท ความร่วมมือครั้งนี้เปิดโอกาสให้ทั้งสองบริษัทได้รับประโยชน์จากการวิจัยและการพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกัน ช่วยให้ครองส่วนแบ่งตลาดได้มากขึ้นในอนาคต และสร้างความความยั่งยืนแก่ไม้กฤษณาสำหรับทั้งสองบริษัทและอุตสาหกรรมโดยรวม

เกี่ยวกับ Asia Plantation Capital

Asia Plantation Capital เป็นเจ้าของและผู้ดำเนินธุรกิจเพาะปลูกและฟาร์มเชิงพาณิชย์อันหลากหลายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและทั่วโลก ซึ่งอยู่ในเครือของ Asia Plantation Capital Group โดยจุดมุ่งหมายหลักของบริษัทคือ โครงการเพาะปลูกหลากประเภทในหลายวัฒนธรรม เพื่อรองรับความต้องการในประเทศและความต้องการเชิงพาณิชย์ของประเทศที่บริษัทดำเนินงานอยู่ หลักการดำเนินงานของบริษัทคือ การร่วมงานอย่างใกล้ชิดและให้การสนับสนุนอันดีแก่ชุมชนท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมคุณค่าทางสังคมและวัฒนธรรมรวมทั้งการลงทุน เพื่อดึงชุมชนเหล่านี้ให้ออกจากวงจรการตัดไม้ทำลายป่าและการตัดไม้อย่างผิดกฎหมาย ซึ่งก่อนหน้านี้ถือเป็นแหล่งรายได้หลักของบางพื้นที่ในเอเชีย ทั้งนี้ บริษัทจัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2551 แม้ว่าได้มีการดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2545 ปัจจุบันเครือบริษัทมีโครงการเพาะปลูกและการเกษตรใน 4 ทวีป ได้แก่ โครงการดำเนินงานในขั้นต่างๆในประเทศไทย มาเลเซีย จีน ลาว อินเดีย กัมพูชา ศรีลังกา โมซัมบิก แกมเบีย อเมริกาเหนือ และยุโรป

การส่งเสริมการใช้ไม้ที่ได้รับการรับรองนั้น เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการตัดไม้ทำลายป่า ทั้งยังช่วยรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงต่อสู้กับปัญหาความยากจนในภูมิภาคป่าฝนเมืองร้อน และสำหรับวงการเดินเรือยอชต์ที่แสวงหาความเป็นเลิศและมีส่วนร่วมในการปกป้องสิ่งแวดล้อมนั้น นี่เป็นอีกหนทางหนึ่งเพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะไม่มีการนำไม้ที่ผิดกฎหมายมาใช้กับเรือยอชต์

เกี่ยวกับ Vanadurgi Agarwood

Vanadurgi Agarwood India Limited เป็นบริษัทเอกชนที่ดำเนินการเพาะปลูก ผลิต และจัดจำหน่ายไม้กฤษณา บริษัทมีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และชื่อเสียงที่สั่งสมมาอย่างยาวนานในทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรมไม้กฤษณา บริษัทได้สร้างพื้นที่เพาะปลูกไม้กฤษณากว่า 5,000 แห่ง และกำลังก้าวขึ้นเป็นบริษัทผู้ทำไร่กฤษณารายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก บริษัทมีเป้าหมายเพื่อก้าวเป็นศูนย์กลางการจำหน่ายวัตถุดิบจากไม้กฤษณาแบบครบวงจรที่ไม่มีใครในโลกเทียบได้ โดยเราตั้งใจว่าจะบรรลุเป้าหมายผ่านการผสมผสานประสบการณ์และความร่วมมือกับบรรดาผู้เชี่ยวชาญชั้นนำจากทั่วโลก

บริษัทได้สร้างพื้นที่เพาะปลูกกว่า 5,000 แห่งทั่วอินเดียตอนใต้ คิดเป็นสัดส่วนถึง99% ของจำนวนต้นกฤษณาทั้งหมดที่มีอยู่ในอินเดียตอนใต้ในปัจจุบัน โดยในพื้นที่เพาะปลูกหลักที่เมือง Sringeri รัฐกรณาฏกะ ทางบริษัทได้สร้างระบบเพาะปลูกรูปแบบเก่า รวมถึงสถานีวิจัยทางการเกษตร แผนกปลูกเชื้อเทียม ฝ่ายคลังสินค้า ศูนย์บรรจุหีบห่อและจัดส่งสินค้า ทั้งยังมีแผนก่อตั้งโรงงานสกัดไม้เรซิ่นที่ได้มาตรฐานและมีแผนกแปรรูปพื้นฐานในปริมาณมาก นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนตั้งแผนกแปรรูปพื้นฐานครบวงจรที่เมือง Madikeri, Sakaleshpur, Shimoga, Sirsi, Puttur และ Kollurในรัฐกรณาฏกะ รวมถึงศูนย์จัดเก็บผลผลิตในเมือง Coimbatore ในรัฐทมิฬนาฑู และเมือง Kalpetta ในรัฐเกรละ