- Details
- Category: EURO
- Published: Thursday, 19 November 2015 19:37
- Hits: 12173
ยุโรปตึงเครียด ป่วนหมด สนามบอล-สนามบิน โดน'ไอเอส'ขู่บอมบ์ แอร์ฟรานซ์จอดด่วน ระดมค้นวัตถุระเบิด ฝรั่งเศสปะทะเดือด ดับ 2 จีฮัด-จับเป็น 7
ยุโรปป่วนหนัก ผวาบึ้ม เดนมาร์กสั่งอพยพนักท่องเที่ยวในสนามบิน หลังพบกระเป๋าต้องสงสัย แอร์ ฟรานซ์ 2 เที่ยวบินเจอขู่ ต้องลงจอดฉุกเฉินค้นระเบิด เยอรมันสั่งยกเลิกฟุตบอลกระชับมิตร ระหว่างอินทรีเหล็ก-กังหันสีส้ม ฝรั่งเศสปะทะเดือด 2 นักรบ จีฮัดดับ คุมตัว7ผู้ต้องสงสัยร่วมโจมตีเมื่อ 13 พ.ย. ฝรั่งเศส-รัสเซียส่งเครื่องบินรบถล่มฐานไอเอสต่อเนื่อง รมต.ยันไทยไม่มี'ไอเอส'
วันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9122 ข่าวสดรายวัน
พลัง - ชาวฝรั่งเศสและนักท่องเที่ยวรวมตัวเนืองแน่นจัตุรัสกาปิโตล เมืองตูลูส ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส เมื่อค่ำวันที่ 17 พ.ย. ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อไว้อาลัยเหยื่อสังหารหมู่ 129 ศพในกรุงปารีส
ฝรั่งเศสปะทะเดือดจีฮัด
เมื่อวันที่ 18 พ.ย. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานสถานการณ์หลังเหตุก่อการร้ายในกรุงปารีส 129 ศพ ว่า เจ้าหน้าที่ความมั่นคงฝรั่งเศสเดินหน้าล่าตัวผู้ก่อการร้ายที่พัวพันในเหตุการณ์ดังกล่าว โดยช่วงตี 4 ตามเวลาท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมด้วยทหาร หน่วยปฏิบัติการพิเศษ และหน่วยปราบปรามการก่อการร้าย นำกำลังบุกตรวจค้นอพาร์ตเมนต์ในเขตเทศบาลแซงต์-เดอนีส์ ชานเมืองตอนเหนือของกรุงปารีส และปะทะกับผู้ต้องสงสัยอย่างดุเดือด ชาวบ้านในบริเวณเผยว่าได้ยินเสียงปืนกระหน่ำยิงนานนับชั่วโมง และมีเสียง ระเบิดดังกึกก้องต่อเนื่องกว่า 7 ครั้ง ก่อนเหตุยุติลงนักรบจีฮัดเสียชีวิต 2 ราย รายหนึ่ง เป็นหญิงระเบิดพลีชีพตนเอง และอีกรายถูก เจ้าหน้าที่วิสามัญฯ
คุมตัว 7 ผู้ต้องสงสัย
ขณะเดียวกัน ตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ราว 7 คน และรอการยืนยันว่ามีนายอับเดลฮามิด อาบาอุด อายุ 27 ปี ชาวเบลเยียมเชื้อสายโมร็อกโก ที่เชื่อว่าเป็นผู้บงการและวาง แผนโศกนาฏกรรมก่อการร้ายที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสรวมอยู่ด้วยหรือไม่ ส่วนฝ่ายตำรวจบาดเจ็บ 4 นาย และสุนัขตำรวจ 1 ตัว ชื่อดีเซล ถูกยิงตาย
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางกระแสตื่นกลัวในสังคมยุโรป หลังตำรวจฝรั่งเศสแถลงว่า จากคลิปวิดีโอบันทึกการโจมตีเมื่อ 13 พ.ย. แสดงให้เห็นผู้ต้องสงสัยคนที่ 9 นั่งอยู่ในรถยนต์สีดำกับผู้ต้องสงสัยอีก 2 คน หนึ่งในนั้นคาดว่าเป็นนายบราฮิม อับเดสลาม อายุ 31 ปี คนร้ายชาวเบลเยียมจากเมืองโมเลนบีก ผู้ก่อเหตุระเบิดพลีชีพใกล้ร้านคาเฟ่บนถนนบูเลอวาร์ด วอลแตร์ และเป็นพี่ชายของนายซาลาห์ อับเดสลาม อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาที่หลบหนีออกจากฝรั่งเศส โดยผู้ต้องสงสัยคนที่ 9 ใช้อาวุธปืนยิงทะลุกระจกรถใส่เหยื่อใกล้บาร์แห่งหนึ่งในเขตกลางของปารีส ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่พบรถคันดังกล่าวจอดทิ้งไว้ข้างทางในเขตมองเทรย ชานกรุงปารีส และพบหลักฐานเป็นปืนอาก้า 47 อยู่ภายในรถ
ฝรั่งเศส-รัสเซียจับมือถล่มไอเอส
ขณะที่เครื่องบินรบของกองทัพอากาศฝรั่งเศสออกปฏิบัติการโจมตีทางอากาศฐานตั้งมั่นของกองกำลังรัฐอิสลาม หรือไอเอส ในเมืองอัร-ร็อกเกาะฮ์ ทางตอนเหนือของซีเรีย ต่อเนื่องเป็นวันที่สาม เช่นเดียวกับกองทัพรัสเซียซึ่งนำเครื่องบินรบ พร้อมด้วยการกระหน่ำยิงระเบิดพิสัยไกล และขีปนาวุธจากเรือรบ โจมตีแหล่งซ่องสุมกองกำลังไอเอสในพื้นที่อีกส่วนของเมืองอัร-ร็อกเกาะฮ์ หลังทางการรัสเซียยอมรับว่าพบหลักฐานระเบิดจากชิ้นส่วนเครื่องบินแอร์บัส เอ-321 เที่ยวบินที่ 9268 ของสายการบินโคกาลีมาเวียที่ประสบเหตุตกพร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 224 ราย ในคาบสมุทรไซนายของอียิปต์ เมื่อ 31 ต.ค. และทำให้เชื่อได้ว่าเป็นผลมาจากการก่อการร้าย แต่ไม่ได้ระบุว่ากลุ่มติดอาวุธใดอยู่เบื้องหลัง
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้กองกำลังไอเอสประกาศตัวว่าเป็นผู้ก่อเหตุยิงเที่ยวบิน 9268 เพื่อแก้แค้นจากกรณีกองทัพรัสเซียเปิดฉากโจมตีทางอากาศในเมืองอัร-ร็อกเกาะฮ์ โดยภารกิจโจมตีทางอากาศของฝรั่งเศสและรัสเซีย ในช่วง 72 ชั่วโมงที่ผ่านมา สังหารนักรบกองกำลังไอเอสได้อย่างน้อย 33 ราย
'ปูติน'นัดหารือ'โอบามา'
ด้านประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะร่วมกับฝรั่งเศส ในฐานะพันธมิตร เพื่อดำเนินภารกิจโจมตีกองกำลังไอเอส โดยนายปูตินมีกำหนดหารือถึงการรับมือกับการก่อการร้าย และกองกำลังไอเอส กับประธานาธิบดีบารัก โอบามา แห่งสหรัฐอเมริกา ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในวันที่ 24 พ.ย.นี้ ก่อนหารือร่วมกับนายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ซึ่งจะเดินทางไปกรุงมอสโกในวันที่ 26 พ.ย.
ขู่บึ้ม - เจ้าหน้าที่เร่งอพยพผู้คนออกจากอาคารผู้โดยสาร 3 สนามบินนานาชาติโคเปนเฮเกน-คาสท์รัพ ของเดนมาร์ก ภายหลังตรวจพบกระเป๋าต้องสงสัยวางทิ้งไว้ในตัวอาคาร ท่ามกลางความหวาดวิตกกลุ่มก่อการร้ายไปทั่วภูมิภาคยุโรป เมื่อวันที่ 18 พ.ย. |
ส่วนนายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า "การเปลี่ยน แปลงครั้งใหญ่" ในซีเรียกำลังจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ หลังจากอิหร่าน รัสเซีย และซาอุดีอาระเบีย บรรลุข้อตกลงเร่งกระบวนการเลือกตั้งในซีเรีย เพื่อยุติสงครามกลางเมืองซึ่งยืดเยื้อเข้าสู่ปีที่ 5 และเป็นชนวนสำคัญที่กระตุ้นให้กองกำลัง ไอเอสมีอิทธิพลในซีเรีย และลุกลามกลายเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของประชาคมโลก
แอร์ฟรานซ์ถูกขู่ 2 ลำ
วันเดียวกัน ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า เครื่องบิน 2 ลำของสายการบินแอร์ฟรานซ์ ได้แก่ เที่ยวบินที่ 55 จากสนามบินนานาชาติดัลเลส นอกกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ไปยังสนามบินปารีส-ชาร์ลส์ เดอ โกล ในกรุงปารีส และเที่ยวบินที่ 65 ซึ่งเดินทางจากสนามบินนานาชาติ ลอสแองจิส ไปยังกรุงปารีสเช่นกัน ต้องนำเครื่องลงจอดฉุกเฉินเมื่อค่ำวันที่ 17 พ.ย.ตามเวลาท้องถิ่น หลังได้รับข้อความข่มขู่ว่ามีการวางระเบิดบนเครื่อง
สายการบินแอร์ฟรานซ์ออกแถลงการณ์ว่า เนื่องด้วยมาตรการการป้องกัน และการดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัยที่จำเป็น สายการบินแอร์ฟรานซ์จึงพิจารณาให้นักบินของเที่ยวบิน 55 และ 65 ลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินนานาชาติแฮริแฟกซ์ สแตนฟิลด์ ของแคนาดา และสนามบินนานาชาติซอลต์เลกซิตี รัฐยูทาห์ สหรัฐ โดยเจ้าหน้าที่ภาคพื้นได้ตรวจสอบ ผู้โดยสาร ลูกเรือ รวมถึงเครื่องบิน สัมภาระที่บรรทุกบนเครื่องอย่างละเอียดแล้ว และไม่พบความผิดปกติ จึงอนุญาตให้ขึ้นบินได้
ด้านนายท็อดด์ พัลเมอร์ เจ้าหน้าที่สำนักงาน สอบสวนกลางสหรัฐ (เอฟบีไอ) ประจำเมืองซอลต์เลกซิตี ระบุว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งตรวจสอบหาต้นตอของข้อความข่มขู่
'เดนมาร์ก'ค้นสนามบิน
เอเอฟพี รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเดนมาร์ก เร่งอพยพประชาชน และนักท่องเที่ยว ออกจาก อาคารผู้โดยสารที่ 3 ของสนามบินนานาชาติโคเปนเฮเกน-คาสท์รัพ หลังพบกระเป๋าต้องสงสัยถูกวางทิ้งไว้ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นไม่นานภายหลังทางการเดนมาร์กประกาศยกระดับเฝ้าระวังภัยคุกคามจากกรณีโจมตีกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ขณะที่สถานีโทรทัศน์ซึ่งรายงานสดจากจุดเกิดเหตุ เผยแพร่ภาพ เจ้าหน้าที่ความมั่นคง รวมถึงหน่วยเชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดเดินทางมายังสนามบิน และโดยรอบยังมีรถดับเพลิง และรถตำรวจจำนวนมากจอดปิดกั้นการเข้าออก
เจ้าหน้าที่ตำรวจเดนมาร์กนำกำลังจับกุมชายผู้ต้องสงสัย 2 คน ที่สนามบินนานาชาติโคเปนเฮเกน-คาสท์รัพ หลังได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าได้ยินผู้ต้องสงสัยพูดคุยว่ามีระเบิด ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋า เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งอพยพประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมากออกจากอาคารผู้โดยสาร 3 เมื่อเวลาราว 12.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม โฆษกตำรวจระบุว่า จากการสอบสวนพบว่า ผู้ต้องสงสัยซึ่งเป็นเพื่อนกัน พูดคุยล้อเล่นเกี่ยวกับระเบิด เนื่องจากชายคนหนึ่ง จะเดินทางไปกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ส่วนอีกคนจะเดินทางไปนครแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี
งดแข่งบอลนัด'อินทรี-กังหัน'
ขณะที่การแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตร ระหว่าง "อินทรีเหล็ก"เยอรมนี แชมป์โลก 2014 พบกับ "กังหันสีส้ม"เนเธอร์แลนด์ ที่สนามเอชดีไอ อารีน่า ในเมืองฮันโนเวอร์ เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ต้องยกเลิกอย่างกะทันหัน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่าพบกระเป๋าต้องสงสัยในสนาม
รายงานข่าวระบุว่า มีการพบกระเป๋าเดินทางต้องสงสัยใบหนึ่งในสนามเอชดีไอ อารีน่า ซึ่งเป็นสังเวียนแข้งสำหรับนัดนี้ ก่อนเกมการแข่งขันจะเริ่มขึ้นราว 2 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตัดสินใจอพยพผู้คนออกจากสนามทั้งหมด เพื่อความปลอดภัยของแฟนบอลและนักเตะทั้งสองทีม
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้เครื่องขยายเสียงประกาศแจ้งให้แฟนบอลรีบกลับบ้านด่วน ส่วนแฟนบอลชาวดัตช์ก็ขอให้ไปยังสนามบินเพื่อกลับบ้าน แต่ไม่ต้องตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ครั้งนี้ โดยมีเจ้าหน้าที่พร้อมอาวุธประจำการอยู่บริเวณหน้าสนาม อย่างไรก็ตามไม่มีการจับกุมและไม่พบวัตถุระเบิด
ปะทะเดือด - จนท.ฝรั่งเศสจับกุมผู้ต้องสงสัยเป็นหัวโจกก่อเหตุเมื่อวันที่ 13 พ.ย. จำนวน 7 ราย และยิงปะทะดับอีก 2 ราย ระหว่างปฏิบัติการตรวจค้นย่านแซงต์-เดอนีส์ ทางตอนเหนือกรุงปารีส เมื่อวันที่ 18 พ.ย. |
ส่วนนักเตะทีมชาติเยอรมนีกำลังนั่งรถบัสเดินทางมายังสนาม โดยอยู่ห่างออกไปราว 5 ก.ม. เจ้าหน้าที่จึงแจ้งยกเลิกการแข่งขัน พร้อมให้เปลี่ยนเส้นทางไปอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคุ้มกันอย่างแน่นหนา เช่นเดียวกับนักเตะทีมชาติเนเธอร์แลนด์ก็มีการดูแลความปลอดภัยอย่างดี
เหตุตร.พบขู่บึ้มสนามแข่ง
สำหรับ เกมอุ่นเครื่องนัดนี้ นางแองเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีหญิงเยอรมนี มีกำหนด เดินทางมาเชียร์ทีมเยอรมนีในสนามด้วย
เยนส์ กริตต์เนอร์ โฆษกของทีมชาติเยอรมนี เปิดเผยผ่านทวิตเตอร์ว่า ทีมของเราต้องเปลี่ยนเส้นทางการเดินทางจากเดิม จะมุ่งสู่สนามเพื่อลงแข่งขัน ต้องไปยังสถานที่ ปลอดภัยแทน
ด้านโวลเกอร์ คลูเว หัวหน้าตำรวจเมืองฮันโนเวอร์เผยว่า เจ้าหน้าที่ได้รับรายงานว่า มีการวางแผนวางระเบิด และนั่นเป็นเหตุผลที่เราต้องใช้มาตรการดังกล่าว เราไม่รู้ว่าคนกลุ่มนี้วางแผนอื่นไว้ด้วยหรือเปล่า จึงต้องตรวจสอบกันอย่างละเอียดทั่วทั้งเมือง
นายโทมัส เดอ ไมซีเร่ รมว.มหาดไทยของเยอรมนี กล่าวระหว่างการแถลงข่าวว่า "เกมอุ่นเครื่องนี้ต้องยกเลิกตามคำแนะนำของผม นี่เป็นภัยคุกคามระดับสูงสุดสำหรับเยอรมนีและยุโรป ยอมรับว่าเป็นการตัดสินใจยากที่สุดที่จะยกเลิกเกมการแข่งขันครั้งนี้ ซึ่งมีข้อมูลมากมายที่บ่งบอกว่าพวกเรากำลังถูกคุกคามอย่างร้ายแรง"
ขณะที่นายสเตฟาน โชสต๊อก นายกเทศมนตรีเมืองฮันโนเวอร์ กล่าวว่า "ความปลอดภัย เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ความกลัวเป็นสิ่งที่ทุกคนมีอยู่แล้ว แต่ผมมั่นใจในตำรวจที่ตัดสินใจอย่างถูกต้อง หากเกิดสถานการณ์อันตรายพวกเขาจะสามารถรับมือได้"
ผู้นำเยอรมันชี้เพื่อความปลอดภัย
ด้านนางแมร์เคิล ผู้นำเยอรมนี ออกแถลง การณ์ชี้แจงการตัดสินใจยกเลิกเกมอุ่นเครื่องครั้งนี้ว่า เป็นเรื่องของความปลอดภัย เป็นการตัดสินเพื่อรับผิดชอบต่อชีวิตของนักเตะ และแฟนบอล หลังเกิดเหตุกลุ่มไอเอสลอบวางระเบิดที่กรุงปารีสเมื่อ 4 วันก่อนหน้านี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 129 ราย
"ฉันขอแสดงความเสียใจต่อแฟนบอลหลายล้านคน ที่การแข่งขันนัดนี้ต้องยกเลิก แต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความปลอดภัยต้องตัดสินใจบนพื้นฐานของความรับผิดชอบ เป็นการตัดสินใจที่ยากมาก บางทีอาจยากที่สุดบนพื้นฐานของเสรีภาพ และความปลอดภัย แต่เมื่อวานนี้ต้องถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหาก มองถึงเรื่องความปลอดภัย" ผู้นำเยอรมนีกล่าว
ขณะเดียวกัน มีการยกเลิกคู่ระหว่างเบลเยียม- สเปน ซึ่งเตะวันเดียวกันด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย
ก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์วินาศกรรมที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 13 พ.ย. ซึ่งขณะนั้น "อินทรีเหล็ก" กำลังเตะกระชับมิตรกับ "ตราไก่"ฝรั่งเศส โดยเหตุการณ์นี้คร่าชีวิตประชาชนไปมากมาย
ตรวจอพาร์ตเมนต์ในเบลเยียม
หนังสือพิมพ์เลอ ปวงต์ ของฝรั่งเศส ระบุการสอบสวนบ้านพักในเขตโบบิกนี ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงปารีส ซึ่งนายบราฮิม อับเดสลาม จองเข้าพักเป็นเวลานาน 1 สัปดาห์ ระหว่างวันที่ 10-17 พ.ย. ผ่านเว็บไซต์นำเที่ยว โดยเจ้าของบ้านพักให้สัมภาษณ์ว่า ได้พบกับชาย 3 คนที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทเอกชน ซึ่งจากการติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่สอบสวน พบว่ามีโทรศัพท์มือถือหลายเครื่องในกระเป๋าสัมภาระ แต่ไม่พบอาวุธ ส่วนห้องพัก 2 ห้องของโรงแรม ในเขตอัลฟอร์วิลล์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงปารีส ซึ่งนายซาลาห์ อับเดสลาม เป็นผู้จอง พบอาหาร ขนม กระบอกฉีดยา เข็มฉีดยา สายยางที่ใช้ทางการแพทย์ และไม่พบอาวุธเช่นกัน
'ทะไล ลามะ'ชี้พระเจ้าไม่ช่วย
ด้านเว็บไซต์เดลี่เมล์รายงานว่า องค์ทะไล ลามะ ผู้นำทางจิตวิญญาณของทิเบต และเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ประจำปี 2532 ทรงแสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์โจมตีกรุงปารีส ว่า พระเจ้าไม่อาจช่วยเหลือได้ เนื่องจากปัญหานี้เกิดขึ้นเพราะฝีมือของมนุษย์ การเพิ่มขึ้นของอาชญากรรมระเบิดพลีชีพ และการก่อการร้าย ไม่อาจลดลงได้ด้วยการสวดภาวนา พระองค์เป็นพุทธศาสนิกชน และทรงเชื่อในการสวดมนต์ แต่เพราะมนุษย์เป็นผู้ก่อปัญหานี้ขึ้นมาเอง
"ตอนนี้เราอ้อนวอนขอให้พระเจ้าทรงช่วยเหลือ มันไร้เหตุผลอย่างสิ้นเชิง พระเจ้าคงตรัสว่าแก้ปัญหาด้วยตัวเองแล้วกัน เราจำเป็นต้องใช้วิธีที่เป็นระบบในการส่งเสริมการสร้างคุณค่าของมนุษย์ เอกภาพ และความสามัคคี ถ้าเราเริ่มต้นทำตั้งแต่ตอนนี้อาจมีความหวังว่าศตวรรษนี้จะแตกต่าง ดังนั้น เราควรร่วมมือกันเพื่อความสงบสุขของครอบครัว และสังคม โดยไม่ต้องคาดหวังความช่วยเหลือจากพระเจ้า พระพุทธเจ้า หรือรัฐบาล" องค์ทะไล ลามะกล่าว
ขณะที่สภามุสลิมแห่งฝรั่งเศส (ซีเอฟซีเอ็ม) แถลงว่า จะเรียกร้องให้ชาวมุสลิม และมัสยิดทั้ง 2,500 แห่งทั่วประเทศ ร่วมทำพิธีละหมาดอย่างพร้อมเพรียงในวันที่ 20 พ.ย. และแสดงพลังต่อต้านความรุนแรงทุกรูปแบบ รวมถึงการก่อการร้าย และเหตุการณ์สังหารหมู่ในกรุงปารีส
สุวพันธุ์ยันไทยไม่มี'ไอเอส'
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะอดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ กล่าวถึงกระแสข่าวกลุ่มไอเอสประกาศตั้งสาขาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ว่า ที่ผ่านมาจะพบข่าวว่ามีคนของประเทศเพื่อนบ้านเราไปร่วมที่ซีเรีย แต่ในประเทศไทยจากการประสานกับหน่วยงานต่างๆ ยืนยันได้ว่ายังไม่พบ ส่วนเรื่องข่าวที่จะมีการเปิดสาขาของไอเอสในภูมิภาคนั้นก็มีความเป็นไปได้ เพราะเป็นยุทธศาสตร์ของเขาในการขยายและหาสมาชิกเพิ่ม ขณะที่ไทยเองมีหน้าที่ในการป้องกัน โดยมีมาตรการในการหาข่าวและประสานกับประชาคมอาเซียนและประชาคมโลก เนื่องจากถือเป็นภัยคุกคาม เกิดที่ไหนล้วนเป็นภัยคุกคามทั้งสิ้น และยังมั่นใจกับมาตรการที่เรามีอยู่ เพราะเจ้าหน้าที่ทำกันอย่างเต็มที่ ที่สำคัญเครือข่ายภาคประชาชนเองจะต้องช่วยกันดู เราต้องรักษาสังคมของเราในปัจจุบันที่ไม่ใช่สังคมสุดโต่งเอาไว้ให้ได้ ส่วนปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นคนละแบบกับที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ สำหรับความร่วมมือในการป้องกันของอาเซียนนั้นอยู่ที่ความสัมพันธ์และความร่วมมือกัน"
พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษกตร. กล่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ยืนยันว่าในเมืองไทยยังไม่มีกลุ่มไอเอส อย่างแน่นอน และจะไม่มีกลุ่มก่อความไม่สงบในประเทศไทยเข้าร่วม เนื่องจากแนวความคิดต่างกัน และด้านการข่าวยังไม่พบว่ากลุ่มไอเอส จะเข้ามาแฝงตัวตามกลุ่มก่อความไม่สงบต่างๆ ในประเทศไทย ขณะนี้สำนักงาน ตำรวจแห่งชาติก็ได้มีการตรวจสอบข้อมูลในเรื่องดังกล่าวอย่างทุกมิติ เพื่อสร้างความเข้มแข็งในอำนาจรัฐ
ผบ.ทบ.สั่ง'กอ.รมน.'เร่งหาข่าว
พล.ต.บรรพต พูลเพียร โฆษกกอ.รมน. กล่าวว่า เป็นความพยายามของสมาชิกกลุ่มหัวรุนแรงในภูมิภาค ซึ่งโอกาสความเป็นไปได้ยังไม่มีความชัดเจน โดยพล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. ในฐานะรอง ผอ.รมน. ได้รับทราบแล้ว และได้มอบให้ กอ.รมน. ในฐานะหน่วยงานด้านความมั่นคงหน่วยหนึ่งที่รับผิดชอบในการประสานงานด้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ ได้บูรณาการข้อมูลด้านการข่าวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยอาศัยความร่วมมือแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการข่าวระหว่างประเทศและระหว่างหน่วยงานต่างๆ ภายในประเทศ
"ซึ่งปัจจุบันยังไม่พบความเกี่ยวพันโดยตรง อันจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของไทย รวมถึงเหตุการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดน ภาคใต้ ทั้งนี้อาศัยปัจจัยหลักในการพิจารณาจากพื้นฐานความขัดแย้ง อุดมการณ์ ลัทธิ หรือความเชื่อ ที่ยังไม่ปรากฏมูลฐานความเชื่อมโยงภายในประเทศ" พล.ต.บรรพตกล่าว
สไนเปอร์สอยดับอีก1'รัสเซีย'ร่วมถล่มซีเรีย ขู่ระเบิด'แอร์ฟรานซ์''2ไฟลต์'จอดฉุกเฉิน
- มติชนออนไลน์ :
ฝรั่งเศส-รัสเซียรุมถล่มไอเอส 3 วันดับแล้วอย่างน้อย 33 ราย ลุยค้นอพาร์ตเมนต์ในปารีส ยิงปะทะคนร้ายดับ 1 อีกรายเป็นหญิงระเบิดพลีชีพ อัยการแถลงจับ 7 ผู้ต้องสงสัย
@ ฝรั่งเศสลุยล่าคนร้าย-จับตาย2
สำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักยังคงเฝ้าติดตามรายงานความคืบหน้าเหตุโจมตีกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ตำรวจฝรั่งเศสเดินหน้าบุกค้นอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในย่านแซงต์-เดอนีส์ ทางตอนเหนือของกรุงปารีส ในปฏิบัติการล่าตัวผู้ต้องสงสัยคนสำคัญก่อเหตุโจมตีครั้งร้ายแรงในกรุงปารีสจนทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 129 ราย และบาดเจ็บกว่า 350 รายเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เมื่อเวลาประมาณ 04.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นประเทศฝรั่งเศส (ตรงกับ 10.30 น.ในไทย) เจ้าหน้าที่ตำรวจฝรั่งเศสสนธิกำลังกับทหารบุกค้นอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในย่านแซงต์-เดอนีส์ ในความพยายามตามล่าตัวผู้ต้องสงสัยคนสำคัญที่วางแผนก่อเหตุโจมตีกรุงปารีส 6 จุด คือนายอับเดลฮามิด อบาอูด และนายซาเลาะห์ อับเดสลาม ซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มกองกำลังรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่ออกมาอ้างก่อนหน้านี้ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีดังกล่าว
รายงานระบุว่า เหตุการณ์ครั้งนี้มีผู้ต้องสงสัยเสียชีวิต 2 ราย หลังเจ้าหน้าที่ยิงปืนตอบโต้กับผู้ต้องสงสัยอย่างดุเดือด และเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นราว 7 ครั้ง ในช่วงเช้าตรู่วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ 5 นายได้รับบาดเจ็บในปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้าย ทั้งนี้ หนึ่งในผู้ต้องสงสัยที่เสียชีวิต 1 ราย เป็นผู้หญิงได้ระเบิดตัวเองด้วยเข็มขัดติดระเบิด ส่วนผู้ต้องสงสัยอีก 1 รายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงเสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่ได้ปิดถนนลา เรปูบลิก บริเวณอพาร์ตเมนต์เกิดเหตุในย่านแซงต์-เดอนีส์ รวมถึงร้านค้าและโรงเรียนบริเวณใกล้เคียงแล้ว ซึ่งเป็นพื้นที่เดียวกับที่ตั้งของสนามกีฬาสต๊าด เดอ ฟร้องซ์ ที่เกิดเหตุโจมตีก่อนหน้านี้
@ เปิดคลิปโชว์ผู้ก่อเหตุรายที่9
สถานีวิทยุอาร์ทีแอลของฝรั่งเศสรายงานว่า น่าจะมีคนอยู่บนอพาร์ตเมนต์ชั้น 3 อยู่ราว 5 คน ซึ่งเป็นชั้นต้องสงสัยที่ตำรวจฝรั่งเศสพยายามเดินหน้าบุกค้น และระบุว่า ผู้ต้องสงสัยบางคนยังคงหลบซ่อนตัวอยู่ในอพาร์ตเมนต์ดังกล่าว อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ทางการฝรั่งเศสยังไม่ยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิตรายที่ 3 หรือไม่ หลังสื่อบางสำนักรายงานว่าพบผู้เสียชีวิตอีกรายเป็นประชาชนที่สัญจรไปมาตามปกติในเหตุบุกค้นอพาร์ตเมนต์
ทั้งนี้ หลายฝ่ายเชื่อว่า นายอับเดลฮามิด อบาอูด วัย 27 ปี เป็นผู้ต้องสงสัยคนสำคัญในการก่อเหตุโจมตีกรุงปารีส โดยวางแผนจากประเทศซีเรีย แต่เชื่อว่าขณะนี้นายอบาอูดเป็นหนึ่งในผู้ต้องสัย 5 คนที่กำลังหลบซ่อนอยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่เจ้าหน้าที่กำลังบุกค้นในย่านแซงต์-เดอนีส์
แหล่งข่าวความมั่นคงฝรั่งเศสเปิดเผยภาพคลิปวิดีโอผู้ก่อเหตุโจมตีกรุงปารีสคนที่ 9 และเป็นผู้ร่วมก่อเหตุคนที่ 3 ที่อยู่ในรถที่กำลังนำกลุ่มมือปืนบุกโจมตีบาร์ และร้านอาหารหลายแห่งก่อนหน้านี้ แต่ยังไม่แน่ชัดว่าผู้ก่อเหตุคนที่ 9 เป็น 1 ใน 2 ผู้ต้องสงสัยที่ถูกคุมตัวอยู่ที่ประเทศเบลเยียม หรือเป็นอีกคนที่กำลังหลบหนีอยู่ในขณะนี้หรือไม่
@ อัยการแถลงจับ7ผู้ต้องสงสัย
สำนักงานอัยการฝรั่งเศสออกแถลงการณ์ถึงปฏิบัติการตามล่าผู้ก่อเหตุวางแผนโจมตีกรุงปารีสว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยที่หลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ย่านแซงต์-เดอนีส์ ได้ทั้งหมด 5 คน แบ่งเป็นจากอพาร์ตเมนต์ 3 คน และอีก 4 คนถูกจับในพื้นที่ใกล้กัน พร้อมยืนยันว่าผู้ต้องสงสัยหญิง 1 รายเสียชีวิตจากการระเบิดตัวเองด้วยระเบิดเข็มขัด โดยผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ระบุตัวตน แต่เชื่อว่ามีนายซาเลาะห์ อับเดสลาม ผู้ต้องหาคนสำคัญร่วมอยู่ด้วย นอกจากนี้ แถลงการณ์ยังระบุถึงความคืบหน้าการสอบสวนครอบครัวของนายอิสมาอิล โอมาร์ มอสเตฟาย และนายซามี อมีมูร์ มือระเบิดพลีชีพโรงละครบาตาคล็อง ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ปล่อยตัวครอบครัวของมือระเบิดทั้งสองแล้วโดยไม่ได้ตั้งข้อหา
@ พี่ชายวอนน้องให้เข้ามอบตัว
นายโมฮัมเหม็ด อับเดสลาม พี่ชายของนายซาเลาะห์ อับเดสลาม ผู้ต้องหาคนสำคัญที่ก่อเหตุขับรถผ่านพรมแดนเข้าไปยังประเทศเบลเยียมไม่กี่ชั่วโมงหลังเกิดเหตุโจมตีกรุงปารีส เรียกร้องให้น้องชายมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ "ผมบอกให้น้องชายยอมแพ้ และนั่นเป็นทางออกที่ดีที่สุด" นายโมฮัมเหม็ดกล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นของสหรัฐ และว่า "แน่นอน น้องชายมีบางอย่างที่ต้องทำ แต่ก็ต้องยอมรับกับสิ่งที่ทำลงไปด้วย"
นายโมฮัมเหม็ดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้เจอกับน้องชายเมื่อราวหนึ่งสัปดาห์ก่อน แต่ไม่ได้มีการกล่าวคำร่ำลากันแต่อย่างใด ก่อนเกิดเหตุ ตนเองรับรู้ว่าน้องชายมีความคิดหรือเปลี่ยนความคิดอย่างสุดโต่งขึ้น และสงสัยว่าอินเตอร์เน็ตจะมีส่วนสำคัญในการชักจูงน้องชาย โดยเหตุการณ์โจมตีกรุงปารีสครั้งนี้ครอบครัวของตนเองรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก และไม่มีความเห็นว่าน้องชายกำลังวางแผนทำอะไรกันแน่ "น้องชายซึ่งเข้าร่วมปฏิบัติการก่อการร้ายมีความพร้อมทางจิตใจในการกระทำเช่นนี้ ซึ่งไม่ใช่ลักษณะของคนปกติทั่วไป" นายโมฮัมเหม็ดกล่าว
@ ขยายเวลาสถานการณ์ฉุกเฉิน
วันเดียวกัน นายฟรองซัวส์ โอลลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส จัดประชุมพิเศษที่ทำเนียบประธานาธิบดี เพื่อหารือถึงข้อเสนอขยายเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินไปอีก 3 เดือน หลังเกิดเหตุโจมตีครั้งร้ายแรงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศส การประชุมครั้งนี้มีนายมานูเอล วาลส์ นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส นายแบร์นาร์ กาซเนิฟ รัฐมนตรีมหาดไทย นายโลรองต์ ฟาเบียส รัฐมนตรีต่างประเทศ และนางคริสติอาน โตบีรา รัฐมนตรียุติธรรม เข้าร่วม โดยผลการหารือครั้งนี้จะมีการโหวตรับรองโดยสมาชิกรัฐสภาอีกครั้งในวันที่ 19 และ 20 พฤศจิกายน
@ 2ประเทศสังหารไอเอส33ศพ
หน่วยสังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรียมีสำนักงานในกรุงลอนดอนของอังกฤษ เปิดเผยว่า การโจมตีทางอากาศของกองทัพฝรั่งเศสและรัสเซียในพื้นที่ทางภาคเหนือของซีเรียเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันได้สังหารนักรบญิฮาดของกลุ่มไอเอสแล้วอย่างน้อย 33 ราย ในระยะเวลา 72 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยนักรบไอเอสหลายสิบคนได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์กองทัพฝรั่งเศสโจมตีโกดังเก็บอาวุธ ค่ายฝึกตลอดจนจุดตรวจในเมืองรอกเกาะห์ เมืองหลวงของกลุ่มรัฐอิสลามอย่างหนักนับตั้งแต่เกิดเหตุโจมตีกรุงปารีส
ด้านกองทัพรัสเซียก็โจมตีเมืองรอกเกาะห์ด้วยการใช้ระเบิดระยะไกลและมิสไซล์ยิงจากทางทะเล หลังรัฐบาลรัสเซียยืนยันว่าเหตุโจมตีเครื่องบินโดยสารพาณิชย์ของรัสเซียในอียิปต์เป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้าย ทั้งนี้หน่วยสังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรียยังระบุต่อว่า ครอบครัวของนักรบไอเอสต่างชาติจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในเมืองรอกเกาะห์ได้เดินทางไปยังเมืองโมซูลของอิรัก ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มไอเอสอีกแห่งท่ามกลางความกลัวว่าอาจตกเป็นเป้าโจมตี
@ ขู่บึ้มแอร์ฟรานซ์มุ่งหน้าปารีส
สายการบินแอร์ฟรานซ์ของฝรั่งเศส 2 ลำ คือเที่ยวบิน 65 พร้อมผู้โดยสารบนเครื่อง 497 คน จากนครลอสแองเจลิส และเที่ยวบิน 55 พร้อมผู้โดยสารบนเครื่อง 262 คน จากกรุงวอชิงตันของสหรัฐอเมริกามุ่งหน้ากรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ตามเวลาท้องถิ่น ต้องเปลี่ยนเส้นทางการบิน และลงจอดฉุกเฉินหลังทางสายการบินได้รับโทรศัพท์ปริศนาขู่วางระเบิด โดยแอร์ฟรานซ์กล่าวในแถลงการณ์ว่า เครื่องบินสองลำลงจอดอย่างปลอดภัย และเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบระบบความปลอดภัยทั้งหมด "ทั้งนี้ เพื่อเป็นมาตรการเบื้องต้น และเพื่อตรวจสอบความปลอดภัย แอร์ฟรานซ์จึงตัดสินใจส่งคำร้องให้เครื่องบินสองลำลงแล่นจอดทันที" แอร์ฟรานซ์
ระบุในแถลงการณ์
ด้านเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นสหรัฐกำลังเดินหน้าตรวจสอบบริเวณเครื่องบิน รวมถึงผู้โดยสาร และกระเป๋าสัมภาระอย่างละเอียด ตลอดจนเฝ้าติดตามที่มาของสายโทรศัพท์ปริศนาที่ขู่วางระเบิดอย่างใกล้ชิด แต่ยังไม่แน่ชัดว่าคนโทรขู่วางระเบิดเครื่องบินสองลำเป็นคนเดียวกันหรือไม่
@ ฝรั่งเศสลั่นใช้พลังอำนาจคุ้มครอง
นายฟรองซัวส์ โอลลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส แถลงต่อสภานายกเทศมนตรีฝรั่งเศสในกรุงปารีสว่า ปฏิบัติการบุกค้นอพาร์ตเมนต์ในย่านแซงต์ เดอ-นีส์เป็นไปเพื่อจัดการกับกลุ่มก่อการร้ายที่เชื่อมโยงกับผู้ก่อเหตุโจมตีกรุงปารีสเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตำรวจต้องเผชิญกับเงื่อนไขที่สร้างความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ย้ำว่าฝรั่งเศสยังคงอยู่ในภาวะสงคราม กลุ่มไอเอสกำลังคุกคามโลก รัฐบาลจะต้องใช้พลังอำนาจในการคุ้มครองประชาชนชาวฝรั่งเศสจากกลุ่มก่อการร้าย
"เราต้องมีกรอบกฎหมายที่แข็งแกร่งในการเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้" นายโอลลองด์กล่าว และว่า "แนวคิดของก่อการร้ายคือจะทำให้ประเทศเราแตกแยก แต่สิ่งสำคัญฝรั่งเศสจะทำตอนนี้คือการถอนรากถอนโคนลัทธิสุดโต่ง แม้จะจำกัดเสรีภาพในช่วงเวลานี้ แต่สุดท้ายฝรั่งเศสจะยังคงเป็นประเทศที่มีเสรีภาพและวัฒนธรรม เราจะไม่ยอมแพ้ต่อความกลัว"
@ เผยอัตลักษณ์ผู้เสียชีวิตทั้งหมด
คณะรัฐมนตรีฝรั่งเศสออกแถลงการณ์ระบุว่าเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสได้ระบุอัตลักษณ์ของผู้เสียชีวิตทั้งหมด 129 รายแล้ว จากเหตุการณ์คนร้ายบุกโจมตีกรุงปารีส 6 จุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยญาติของผู้เสียชีวิตสามารถรับศพได้ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ในกรุงปารีส
นายแบร์นาร์ กาซเนิฟ รัฐมนตรีมหาดไทยฝรั่งเศส เดินทางลงพื้นที่ย่านแซงต์ เดอ-นีส์ และกล่าวชื่นชมเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการบุกค้นอพาร์ตเมนต์ในครั้งนี้อย่างกล้าหาญ แม้ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน รวมถึงขอขอบคุณประชาชนในย่านแซงต์ เดอ-นีส์ที่อยู่ในความสงบ อย่างไรก็ดี ทางการฝรั่งเศสยังไม่มีการยืนยันว่านายอับเดลฮามิด อบาอูด ผู้ต้องหาคนสำคัญในเหตุโจมตีกรุงปารีสอยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่บุกค้นนานเป็นเวลา 7 ชั่วโมงครั้งนี้หรือไม่ เจ้าหน้าที่กำลังอยู่ในขั้นตอนวิเคราะห์ข้อมูลหลังผู้ต้องสงสัยเสียชีวิต 2 ราย และถูกจับ 7 คน
สถานีวิทยุอาร์ทีแอลของฝรั่งเศสรายงานอ้างแหล่งข่าวตำรวจฝรั่งเศสว่า เครือข่ายกลุ่มก่อการร้ายที่เจ้าหน้าที่ตำรวจฝรั่งเศสบุกทลายที่ย่านแซงต์ เดอ-นีส์ครั้งนี้ เตรียมก่อเหตุโจมตีครั้งใหม่ คาดว่าจะมีแผนโจมตีใจกลางย่านธุรกิจในกรุงปารีสเร็วที่สุดวันที่ 19 พฤศจิกายน นอกจากนี้อาร์ทีแอลยังระบุอีกว่าผู้หญิงที่ก่อเหตุระเบิดพลีชีพระหว่างเจ้าหน้าที่บุกเข้าค้นอพาร์ตเมนต์ ได้ใช้โทรศัพท์ก่อนจะระเบิดตัวเอง เชื่อว่าน่าจะโทรศัพท์ไปหากลุ่มเครือข่ายให้รู้ว่าได้ถูกตำรวจบุกทลายแล้ว
@ ปิดอาคารสนามบินเดนมาร์ก
วันเดียวกัน โฆษกสนามบินนานาชาติกรุงโคเปนเฮเกนของประเทศเดนมาร์กเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สนามบินได้อพยพคนออกจากอาคารผู้โดยสารที่ 3 ของสนามบินทั้งหมดหลังพบกระเป๋าต้องสงสัย โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 90 นาทีในการย้ายคน รวมถึงได้สั่งปิดระบบขนส่งสาธารณะทั้งหมดที่จะมุ่งหน้าไปยังสนามบินแล้ว อย่างไรก็ดี สำนักงานตำรวจกรุงโคเปนเฮเกนยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นในเรื่องนี้ นับเป็นเหตุการณ์ตื่นตระหนกครั้งล่าสุดหลังเกิดเหตุโจมตีกรุงปารีสเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุโจมตีกรุงปารีสเมื่อสุปดาห์ที่ผ่านมา และมีคำขู่จากกลุ่มไอเอสว่าปารีสเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น และต่อมามีรายงานของหน่วยข่าวกรองหลายประเทศรวมทั้งสำนักงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) ของสหรัฐอเมริกาออกมาระบุว่า ไอเอสยังมีแผนโจมตีอีกหลายระลอกทำให้บรรยากาศโดยรวมในหลายประเทศที่ยุโรปตกอยู่สภาพตึงเครียดและหวาดผวา และทำให้ประชาชนไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ นับเป็นปรากฏการณ์ที่ส่งผลกระทบสูงที่สุดนับตั้งแต่กลุ่มไอเอสสถาปนารัฐอิสลามเมื่อปี 2557
@ "สุวพันธุ์"ยันไม่พบไอเอสในไทย
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวการตั้งสาขาของกลุ่มไอเอสในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่า ในส่วนของประเทศไทยยังไม่เห็นหรือพบว่าเข้าร่วมกับกลุ่มไอเอสในซีเรีย แต่ยอมรับว่าทุกประเทศมีความเสี่ยงทั้งสิ้นตามสภาพแวดล้อมของประเทศ และประเทศเพื่อนบ้านของไทยบางประเทศก็มีคนเข้าไปร่วมกับกลุ่มไอเอสที่ซีเรีย แต่การขยายสาขามีความเป็นไปได้ เพราะเป็นยุทธศาสตร์การขยายพื้นที่และการหาสมาชิกใหม่ แต่ของไทยยังไม่พบ พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ที่ปรึกษา (สบ 10) ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ยืนยันว่าในเมืองไทยยังไม่มีกลุ่มไอเอสอย่างแน่นอน และจะไม่มีกลุ่มก่อความไม่สงบในประเทศไทยเข้าร่วมกับกลุ่มไอเอส เนื่องจากแนวความคิดต่างกัน และด้านการข่าวยังไม่พบว่า กลุ่มไอเอสจะเข้ามาแฝงตัวตามกลุ่มก่อความไม่สงบต่างๆ ในประเทศไทย
@ กอ.รมน.ชี้หัวรุนแรงรวมตัวยาก
พล.ต.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวถึงกรณีสำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานข่าวสมาชิกกลุ่มหัวรุนแรงมีแผนรวมกลุ่มต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าด้วยกัน เพื่อขอเข้าร่วมกับกลุ่มรัฐอิสลามอย่างเป็นทางการ โดยหวังเงินทุนและแรงสนับสนุนทั้งจากในและนอกประเทศว่า โอกาสความเป็นไปได้ยังไม่มีความชัดเจน โดย พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. ในฐานะรอง ผอ.รมน. ได้รับทราบแล้ว พร้อมทั้งได้มอบให้ กอ.รมน. ในฐานะหน่วยงานด้านความมั่นคงหน่วยหนึ่งที่รับผิดชอบในการประสานงานด้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ ได้บูรณาการข้อมูลด้านการข่าวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยอาศัยความร่วมมือแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการข่าวระหว่างประเทศและระหว่างหน่วยงานต่างๆ ภายในประเทศ
"ปัจจุบันยังไม่พบความเกี่ยวพันโดยตรงอันจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของไทย รวมถึงเหตุการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้อาศัยปัจจัยหลักในการพิจารณาจากพื้นฐานความขัดแย้ง อุดมการณ์ ลัทธิ หรือความเชื่อ ที่ยังไม่ปรากฏมูลฐานความเชื่อมโยงภายในประเทศ" พล.ต.บรรพตกล่าว