WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1ปตนแคน

สั่งเรือรบถล่มเพิ่ม ปูตินแค้น ไอเอสบึ้มเครื่องบิน หลังผลสรุปยันใช่แน่!'ฝรั่งเศส'จับตาเข้มข้น หัวรุนแรงกว่าหมื่นคน ปูรุดสถานทูต-ไว้อาลัย

       'ปูติน'ก็กร้าวใส่ไอเอส หลังผลการสอบสวนเครื่องบินตกในอียิปต์ชี้ชัดเป็นฝีมือกลุ่มก่อการร้าย ลั่นสั่งโจมตีหนักหน่วงเข้มข้นเพื่อจัดการกับอาชญากรกลุ่มนี้ ขณะที่เครื่องบินรบฝรั่งเศสออกปฏิบัติการบอมบ์ฐานไอเอสในซีเรียอีก ทิ้งระเบิดถล่มอีก 16 ลูกเป้าหมายฐานที่มั่น พร้อมระดมกำลังเจ้าหน้าที่นับแสนนายกระจายกำลังทั่วประเทศ บุกตรวจค้น เป้าหมายกว่า 128 แห่ง จับกุมผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย หน่วยข่าวกรองเปิดแฟ้ม-จับตาบุคคลอีก 10,500 คนที่ มีแนวคิดสุดโต่ง 'ยิ่งลักษณ์' รุดสถานทูตฝรั่งเศสในกรุงเทพฯ ลงนามให้กำลังใจ-มอบดอกไม้อาลัยเหยื่อที่ถูกโจมตีเสียชีวิต

วันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9121 ข่าวสดรายวัน

เสียใจ - นายกิลส์ การาชง เอกอัครราชทูตฝรั่งเศส ประจำประเทศไทย รับมอบ ช่อดอกไม้จากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่เข้าแสดงความเสียใจกับการสูญเสียของฝรั่งเศสจากเหตุก่อการร้ายในกรุงปารีส ที่สถานทูตฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 17 พ.ย.

ฝรั่งเศสบอมบ์ไอเอสอีก 16 ลูก

      เมื่อวันที่ 17 พ.ย. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าหลังเหตุการณ์ก่อการร้ายกลางกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส คร่าชีวิตเหยื่อ 129 ราย และอีกกว่า 400 คนบาดเจ็บ เมื่อ 13 พ.ย. ว่ากองทัพฝรั่งเศสเดินหน้า ถล่มฐานกองกำลังรัฐอิสลาม หรือไอเอสในประเทศซีเรีย เน้นการโจมตีทางอากาศถล่มฐานตั้งมั่นของกองกำลังไอเอส ในเมืองอัร-ร็อกเกาะฮ์ ทางตอนเหนือของประเทศซีเรีย ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 ในสัปดาห์นี้ หลังประธานาธิบดีประกาศทำสงครามกับกลุ่มก่อการร้าย

     กระทรวงกลาโหมฝรั่งเศส แถลงว่า เมื่อเวลา 24.30 น. วันที่ 16 พ.ย. ตามเวลาท้องถิ่น เครื่องบินรบรุ่นดัซโซลต์ ราฟาล และเครื่องบินขับไล่รุ่นดัซโซลต์ มิราจ 2000 ของกองทัพฝรั่งเศส จำนวน 10 ลำ ซึ่งประจำการพร้อมรบในฐานะกองทัพนานาชาติร่วมปราบปรามกองกำลัง ไอเอส นำโดยสหรัฐ อเมริกา ออกปฏิบัติภารกิจทิ้งระเบิด 16 ลูก โจมตีแหล่งซ่องสุม และฐานปฏิบัติการของไอเอสในเมืองอัร-ร็อกเกาะฮ์ โจมตีเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงสร้างความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง ต่อเนื่องจากการถล่มศูนย์บัญชาการ ศูนย์จัดหานักรบ โกดังเก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ และค่ายฝึกกองกำลังก่อการร้ายของไอเอส

ระดมจนท. 1.15 แสนรปภ.ทั่วปท.

     ขณะเดียวกัน นายแบร์นารด์ กาเซเนิฟ รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศส กล่าวว่า ทางการส่งกองกำลังด้านความมั่นคง 115,000 นาย มีทั้งทหารและสารวัตรทหาร กระจายกำลังรักษาความปลอดภัยทั่วประเทศ ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกตรวจค้นกว่า 128 แห่งในหลายพื้นที่ เพื่อจับกุมผู้ต้องสงสัยที่เชื่อมโยงกับอาชญากรรมก่อการร้าย และคดีโจมตี นองเลือดกรุงปารีส หลังจากตำรวจราว 150 นาย นำกำลังบุกตรวจกว่า 160 ครั้งในหลายเมืองใหญ่ของฝรั่งเศส ทั้งเมืองลียงในจังหวัดโรน เมืองโบบิกนี จังหวัดแซน-แซ็งต์-เดอนีส์ เมืองตูลูซ แคว้นมีดี-ปีเรเน และเมืองเกรโนเบิลซึ่งติดเทือกเขาแอลป์ พร้อมจับผู้ต้องสงสัย 23 คน ควบคุมตัวในบ้านพักเพื่อรอการสอบสวนอีก 104 คน และยึดอาวุธของกลางได้มากกว่า 31 ชิ้น เป็นเครื่องปล่อยจรวด ปืนอาก้า ปืนพก เสื้อเกราะกันกระสุน และอุปกรณ์ต่อสู้ครบมือ

      นอกจากนี้ อัยการฝรั่งเศสยังเปิดเผยความคืบหน้าเพิ่มเติมจากการสอบสวน ว่าเจ้าหน้าที่ระบุอัตลักษณ์คนร้ายซึ่งเสียชีวิตในจุดเกิดเหตุได้แล้ว 5 ราย จากทั้งหมด 7 ราย ประกอบด้วย ผู้ก่อการร้ายที่โรงละครบาตากล็อง มี 3 ราย ได้แก่ นายโอมาร์ อิสมาอิล มอสเตไฟ อายุ 29 ปี ชาวฝรั่งเศสเชื้อสายแอลจีเรีย คนร้ายระเบิดพลีชีพ ระบุตัวได้จากนิ้วมือขาดวิ่นในที่เกิดเหตุ นายซามี อมีมัวร์ อายุ 28 ปี ชาวฝรั่งเศส ผู้ก่อเหตุระเบิดพลีชีพ ส่วนนายอาหมัด อัลมูฮัมหมัด อายุ 25 ปี ชาวซีเรียจากจังหวัดอิดลิบ เป็นการสันนิษฐานเบื้องต้นจากหลักฐานหนังสือเดินทางซึ่งพบในศพ แต่ต้องรอการพิสูจน์ยืนยันอย่างเป็นทางการ

พบคลิปวิดีโอขู่เจ้าของโรงละคร

      ต่อมาเป็นผู้ก่อการร้ายด้วยระเบิดพลีชีพใกล้ร้านคาเฟ่ บนถนนบูเลอวาร์ด วอลแตร์ คือ นายบราฮิม อับเดสลาม อายุ 31 ปี จากเมืองโมเลนบีก ประเทศเบลเยียม ซึ่งคาดว่ามีน้องชายร่วมก่อการด้วย คือ นายซาเลห์ อับเดสลาม อายุ 26 ปี ชาวเบลเยียม ผู้เช่ารถยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุ อยู่ระหว่างการหลบหนีพร้อมกับพวกอีก 2 คน ส่วนคนร้ายระเบิดพลีชีพ 3 รายที่ด้านนอกสนามกีฬาสต๊าด เดอ ฟรองซ์ ได้แก่ นายบิลัล ฮัดฟี อายุ 20 ปี ชาวเบลเยียมที่เคยเดินทางไปร่วมรบกับกองกำลังไอเอสในซีเรีย นายอับดุลักบัก บี. ชาวฝรั่งเศส ไม่ทราบอายุ และอีกรายพบหนังสือเดินทางสัญชาติซีเรีย แต่ยังไม่ระบุ อัตลักษณ์ นอกจากนี้ หน่วยข่าวกรองของฝรั่งเศสยังมีแฟ้มบุคคลอีก 10,500 คนที่มีลักษณะผันแนวทางและความคิดสุดโต่ง ซึ่งอยู่ในการจับตาของเจ้าหน้าที่

     ขณะเดียวกัน เดลี่เมล์รายงานว่า พบคลิปวิดีโอของกลุ่มมุสลิมสายสุดโต่งไม่ทราบฝ่าย เผยแพร่เมื่อปี 2551 หรือเมื่อ 7 ปีก่อน ปรากฏข้อความข่มขู่นายปาสกาล ลาลุกซ์ และ นายโจเอล ลาลุกซ์ ชาวยิว ซึ่งเป็นเจ้าของ โรงละครบาตากล็อง สถานที่ที่ผู้ก่อการร้ายยิงกราดสังหารเหยื่อ 89 ราย ขณะชมคอนเสิร์ตวงอีเกิลส์ ออฟ เดธ เมธัล วงร็อกจากสหรัฐ เป็นข้อความแสดงความไม่พอใจที่ใช้โรงละครดังกล่าวจัดงานประจำปีเรี่ยไรเงินสมทบทุนแก่กองทัพอิสราเอล เท่ากับเหยียดหยามชาวปาเลสไตน์ ชาวอาหรับ และชาวมุสลิม

จับมือสหรัฐ-รัสเซียตั้งกองกำลังร่วม

      ด้านประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ ผู้นำฝรั่งเศส แถลงต่อสมาชิกรัฐสภา ว่าประเทศฝรั่งเศสอยู่ในภาวะสงคราม พร้อมยื่นเรื่อง ขอแก้ไขกฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉินของรัฐธรรมนูญ ปีพ.ศ.2498 ว่าด้วยการมอบอำนาจให้รัฐบาลสามารถประกาศเคอร์ฟิว หรือห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานยามวิกาล ห้ามการชุมนุม มีอำนาจในการตรวจสอบ และตรวจค้นบ้านต้องสงสัยโดยไม่ต้องรอหมายค้น รวมถึงยื่นขอให้รัฐสภาพิจารณาขยายเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปอีก 3 เดือน เพื่อรับมือกับวิกฤตก่อการร้ายที่กำลังเผชิญหน้า

      "ความจำเป็นในการโค่นล้มกองกำลัง ไอเอสเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประชาคมโลก" นายออลลองด์กล่าวและว่าฝรั่งเศสจะเดินหน้าโจมตีกลุ่มก่อการร้ายในอีกหลายสัปดาห์ข้างหน้า อย่างไม่หยุดยั้ง และไม่มีการเจรจาขอสงบศึก โดยเรือรบชาร์ลส์เดอโกลของกองทัพเรือฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเรือรบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันตก อยู่ระหว่างเดินทางไปเสริมกองทัพอากาศในภารกิจปราบปรามกองกำลังไอเอส คาดว่าจะถึงจุดหมายในน่านน้ำใกล้ซีเรีย หรือเลบานอน ในอีก 2-3 วัน ขณะเดียวกันนายออลลองด์ประกาศจะเจรจากับประธานาธิบดีบารัก โอบามา ผู้นำสหรัฐ อเมริกา และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เพื่อหาทางจัดตั้งกองกำลังร่วมเป็นหนึ่งเดียวในการปราบปรามไอเอส

แคร์รีอัดผู้ก่อเหตุ-อสุรกายป่วยจิต

      นอกจากนี้ ผู้นำฝรั่งเศสยังสั่งเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ความมั่นคงราว 10,000 นายทั่วประเทศ ในจำนวนนี้ 4,000-5,000 นาย จะประจำการเฝ้าระวังโดยรอบกรุงปารีส เพิ่มขึ้นจาก 7,000 นายที่ประจำการหลังเกิดคดีบุกสังหารหมู่ 12 ศพที่กองบรรณาธิการนิตยสารชาร์ลี เอบโด ในกรุงปารีส เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา

     ขณะเดียวกัน นายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ซึ่งเดินทางเข้าหารือกับประธานาธิบดีฝรั่งเศสตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย. ให้คำมั่นสัญญาว่า สหรัฐจะอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่กับฝรั่งเศส ประเทศพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐ พร้อมกล่าวว่าผู้ก่อการร้ายที่โจมตีกรุงปารีสไม่ต่างอะไรจาก "อสุรกาย ที่ป่วยทางจิต"

     บาร์บารา อัชเชอร์ ผู้สื่อข่าวบีบีซีซึ่งติดตาม คณะเจ้าหน้าที่ของนายแคร์รี ระบุว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้น ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของสหรัฐ และฝรั่งเศส ยิ่งแนบแน่น โดยเฉพาะด้านความมั่นคง การทางทหาร และการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรอง ซึ่งช่วยในปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อต้านกองกำลังไอเอส

"พี่น้องชาวอเมริกันจะยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับคุณ เราเคยยืนหยัดผ่านประวัติ ศาสตร์มาแล้ว และคืนนี้ทุกคนล้วนเป็นชาวปารีส" นายแคร์รีกล่าว

เอเปกร่วมผนึกใจร่วมกับฝรั่งเศส

      ด้านกลุ่มผู้นำชาติสมาชิกความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอชีย-แปซิฟิก (เอเปก) 21 ประเทศ รวมถึงประธานาธิบดีบารัก โอบามา ผู้นำสหรัฐ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งจีน นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ผู้นำญี่ปุ่น และประธานาธิบดีปาร์ก กึนเฮ แห่งเกาหลีใต้ ซึ่งจะร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปกที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ระหว่างวันที่ 18-19 พ.ย.นี้ ระบุในร่างแถลงการณ์ร่วมว่า "เราขอยืนหยัดร่วมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับประชาชนชาวฝรั่งเศส และเหยื่อจากเหตุก่อการร้ายทั่วโลก การก่อการร้ายเป็นภัยคุกคามระบบเศรษฐกิจที่เสรี เปิดกว้าง และมั่นคง"

'ปูติน'ผนึกทัพเรือรัสเซีย-ฝรั่งเศส

     วันเดียวกันที่รัสเซีย ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน กล่าวภายหลังฟังผลการสรุปคดีเครื่องบินเมโทรเจ็ต แอร์บัส เอ321 ตกในคาบสมุทรไซนาย ประเทศอียิปต์ เมื่อวันที่ 31 ต.ค. ว่ามีสาเหตุมาการวางระเบิดทีเอ็นที 1 ก.ก. ประกอบด้วยวัสดุในต่างประเทศ ทำให้เครื่องระเบิดกลางอากาศ คร่าชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือรวม 224 ชีวิต ส่วนใหญ่เป็นชาวรัสเซีย ว่ารัสเซียจะตามล่าตัวก่อการร้ายนี้ไม่ว่าจะซ่อนอยู่ที่ใด และจะนำตัวมาลงโทษอย่างแน่นอน

     การสรุปคดีดังกล่าวตรงกับที่กองกำลัง ไอเอสประกาศตัวว่าเป็นผู้ระเบิดเครื่องบินลำดังกล่าวเอง ซึ่งเรื่องนี้ทำให้นายปูตินประกาศกร้าวว่า ภารกิจของกองทัพรัสเซียในซีเรียไม่เพียงจะดำเนินต่อไป แต่จะเข้มข้นขึ้นอีก เพื่อให้อาชญากรรู้ว่าจะหลีกเลี่ยงการลงโทษไม่ได้

'ปูติน'ส่งเรือรบ-ร่วมฝรั่งเสศ

    ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีปูติน มีคำสั่งให้เรือรบรัสเซียในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนประสานงานกับเรือรบของฝรั่งเศสในฐานะพันธมิตรในการสู้รบกับไอเอส

      วันเดียวกัน นักรบจีฮัดชาวฝรั่งเศส ชื่อนายฟาเบียง แคล็ง อายุ 35 ปี โพสต์คลิปเสียงบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ อ้างตัวว่าเป็นสมาชิกกองกำลังไอเอส และยืนยันว่าไอเอสเป็นผู้อยู่เบื้องหลังโศกนาฏกรรมในกรุงปารีส จากการสอบประวัติพบว่า นายแคล็งเคยอยู่เครือข่ายมุสลิมสายสุดโต่งในเมืองตูลูส ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส และมีความสนิทสนมกับ นายโมฮาเหม็ด เมราห์ คนร้ายก่อเหตุคลั่งยิงสังหาร 7 ศพ ในจำนวนนี้เป็นเด็กชาวยิว 3 ราย เมื่อปี 2555 โดยนายแคล็งเคยต้องโทษจำคุก 5 ปี จากคดีจัดหานักรบมุสลิม หัวรุนแรง ในปี 2552 และเดินทางไปร่วมกับกองกำลังไอเอสในซีเรียหลังพ้นโทษ

     ส่วนที่เยอรมนี โฆษกตำรวจเมืองอาเคิน ทางภาคตะวันตกของประเทศ ชายแดนติดต่อกับประเทศเบลเยียม และเนเธอร์แลนด์ แถลงยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยพิเศษจับกุม ผู้ต้องสงสัย 3 คน ที่อาจมีความเชื่อมโยงกับการโจมตีในกรุงปารีส

'ปู'แสดงความเสียใจทูตฝรั่งเศส

     เมื่อเวลา 12.50 น. วันเดียวกัน ที่สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย ถ.เจริญกรุง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าไปลงนามแสดงความเสียใจกับการสูญเสียของผู้บริสุทธิ์ หลังเกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เหตุเกิดเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 13 พ.ย. พร้อมทั้งนำช่อดอกไม้สีขาวมาส่งมอบให้นายกิลส์ การาชง เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย เพื่อแสดงความเสียใจกับการสูญเสียในครั้งนี้ ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสมีความซาบซึ้งในน้ำใจของอดีตนายกรัฐมนตรี ที่ร่วมส่งกำลังใจให้ฝรั่งเศสในห้วงเวลาอันยากลำบาก

     รายงานข่าวแจ้งว่า ในส่วนสมุดลงนาม ด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เขียนข้อความแสดงถึงความเสียใจโดยมีใจความว่า "I wish to send my condolences to the French people" Yingluck Shinawatra "ฉันขอแสดงความเสียใจต่อประชาชนชาวฝรั่งเศส" ลงนาม ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

    ส่วนบรรยากาศบริเวณด้านหน้าสถานที่ดังกล่าว มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจของสน.บางรัก ตำรวจสันติบาล ตำรวจกองปราบปราม สายตรวจปฏิบัติการพิเศษ และเจ้าหน้าที่เทศกิจ ร่วมกันวางกำลังบริเวณโดยรอบของสถานที่ดังกล่าว เพื่อเฝ้าระวังรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ช.ม.

บิ๊กตู่ส่งที่ปรึกษาไปลงนามแทน

     ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงการเดินทางไปประเทศฝรั่งเศสเพื่อเข้าร่วมประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 21 ในวันที่ 30 พ.ย.-11 ธ.ค. ที่กรุงปารีสว่า "ไม่อยากให้ไปหรืออย่างไร จะไปไหนก็ไปหมด ทำไมหรือ ฝรั่งเศสเขาเลื่อนประชุมหรือไม่ ถ้าไม่เลื่อนผมก็ไป ถ้าผู้นำประเทศอื่นไป ผมก็ไป การไปประชุมแสดงให้เห็นถึงความผูกพันกับเขา เราเชื่อมั่นเขา ให้กำลังใจเขา เหมือนเวลาที่เราเกิดเหตุการณ์แบบนั้นบ้าง เราก็ขอร้องให้คนมาประเทศไทย ก็เหมือนกันนั่นแหละ ทำไมไม่เอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง เขาอยากให้คนโน้นคนนี้ไป เขาก็ต้องดูแลเป็นพิเศษ ถ้ามันจะเกิดมันก็เกิด เกิดมาครั้งเดียวตายครั้งเดียว จะอะไรนักหนา ไม่ได้ห่วงสมบัติอะไรซักหน่อย"

     ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้มอบหมายให้นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ที่ปรึกษานายกฯ เดินทางไปสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย เพื่อมอบสารแสดงความเสียใจให้แก่เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย โดยเนื้อความในสาร นายกรัฐมนตรีแสดงความเสียใจอย่างยิ่ง ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในนามของรัฐบาลไทยและประชาชนชาวไทย ขอแสดงความเสียใจและเห็นใจอย่างสุดซึ้ง ทั้งต่อรัฐบาลฝรั่งเศสและต่อครอบครัวของผู้ที่ได้รับผลกระทบ และจะเป็นกำลังใจให้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก โดยประเทศไทยจะยืนเคียงข้างประชาคมโลกในการประนามอาชญา กรรมที่ชั่วร้ายและแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับรัฐบาลและประชาชนแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส

      โอกาสนี้ นายวีระศักดิ์ได้ลงนามไว้อาลัยกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่กรุงปารีส และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความสงบเรียบร้อยจะกลับมาสู่ปารีสในเวลาอันรวดเร็วนี้ ทั้งนี้ เอกอัคร ราชทูตฝรั่งเศส แสดงความขอบคุณและรู้สึกซาบซึ้งใจรัฐบาลไทยและประชาชนไทยที่ได้ให้กำลังใจ และส่งความห่วงใยให้แก่ชาวฝรั่งเศสต่อเหตุการณ์ดังกล่าว

'บิ๊กป้อม'ชี้อาเจะห์ไม่เกี่ยวไฟใต้

     พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุระเบิดที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ว่าหน่วยงานด้านการข่าวได้สรุปสถานการณ์ ดังกล่าวให้ครม.รับทราบแล้ว และตนสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งคสช. รวมถึงหน่วยงานความมั่นคงทั้งหมด ให้ดูแลความปลอดภัยประชาชนในช่วงเทศกาลลอยกระทง งานพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระสังฆราช ตลอดจนถึงช่วงปีใหม่ในทุกพื้นที่ ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ได้สั่งการ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ต้องฝากประชาชนทั้งในกทม.และต่างจังหวัดมีส่วนร่วมดูแล เห็นอะไรที่ผิดหูผิดตาและอาจไม่ปลอดภัยให้แจ้งเจ้าหน้าที่ รวมทั้งฝากสื่อมวลชนต้องช่วยกัน ฝากประเทศ ไว้กับทุกคน

    เมื่อถามกรณีที่มีกระแสข่าวกลุ่มอาเจะห์เตรียมประสานงานกับกลุ่มไอเอส เพื่อขยายเครือข่ายมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่าเป็นสิ่งที่เขาประกาศออกมา เราต้องป้องกันและเตรียมการทั้งหมด ซึ่งประชาชนต้องช่วยกันดูแลและเพิ่มความระมัดระวัง ซึ่งกลุ่มดังกล่าวยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ของไทย ส่วนการขยายเครือข่ายของเขาไปทางอินโดนีเซีย แต่ของเราก็ดูแลกันไป

บิ๊กตู่สั่งเข้มลอยกระทง-ปีใหม่

     พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลภายหลัง ประชุมครม. ถึงข้อสั่งการในที่ประชุมของพล.อ.ประยุทธ์กรณีเหตุระเบิดและกราดยิงที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสว่า จากเหตุที่เกิดขึ้นในกรุงปารีส เรามีมาตรการที่ประเทศไทยเรามี คือการดำเนินนโยบายด้านต่างประเทศ เน้นสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ลดความหวาด ระแวง การแบ่งปันผลประโยชน์ สิ่งใดที่เป็นมาตรการทางสากลที่เขาขอความร่วมมือจากประเทศต่างๆ ในการป้องกันการก่อเหตุร้าย เราก็ให้ความร่วมมือกับนานาประเทศเหมือนกับประเทศอื่นๆ โดยที่ประเทศไทยไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งโดยตรง ทั้งนี้ เมื่อเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ทุกประเทศจะยกระดับมาตรการในการรักษาความปลอดภัย ช่องทางการเข้าออกโดยเฉพาะบริเวณสนามบิน ซึ่งมาตรการการดำเนินการของเราถือเป็นมาตรฐานสากล ไม่ได้แตกต่างจากประเทศอื่น

     "นายกฯ เน้นย้ำว่า ทั้งเทศกาลลอยกระทง และกิจกรรมต่างๆ ช่วงส่งท้ายปี เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และภาครัฐ ดำเนินการกันอย่างเต็มที่อยู่แล้ว แต่ความสำเร็จของการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้าย ให้เกิดความสบายใจนั้น ทุกฝ่ายต้องร่วมมือ ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชน และประชาชน ช่วยกันเป็นหูเป็นตา สอดส่องดูแล ตรงไหนเห็นอะไรผิดสังเกตให้แจ้งเจ้าหน้าที่ ภาคเอกชนตามย่านธุรกิจต่างๆ มีมาตรการรักษาความปลอดภัยของ ตัวเอง เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่ปฏิบัติไม่ใช่ ยืนเฝ้าเฉยๆ ต้องระวัง สังเกตให้ดี" พล.ต. สรรเสริญกล่าว

เลขาฯสมช.เน้นด้านการข่าว

      ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสมช. แถลงว่า พล.อ.ประยุทธ์กำชับในที่ประชุมครม.ถึงความห่วงใยในการดูแลความสงบเรียบร้อยหลังเกิดเหตุรุนแรงขึ้นที่ฝรั่งเศส เพราะขณะนี้รัฐบาลเตรียมการดำเนินกิจกรรมสำคัญหลายอย่าง อาทิ วันพ่อแห่งชาติ ปั่นเพื่อพ่อ พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งพล.อ.ประวิตรสั่งการให้หน่วยงานด้านความมั่นคง โดยเฉพาะงานด้านการข่าว เตรียมตัวติดตามสถานการณ์ ซึ่งอาจจะมีผลกระทบมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ติดตามงานอย่างใกล้ชิด

     พล.อ.ทวีป กล่าวว่า สมช.ได้ติดตามถึงกรณีกระแสข่าวที่กลุ่มไอเอส หวังที่จะตั้งสาขาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง แต่กลุ่มก่อการร้ายไม่ว่าจะเป็น กลุ่มอัลไคด้า อาบูซายาฟ เจไอ ซาลามูย่า ล้วนได้รับการสนับสนุนน้อยลงไป ดังนั้นจึงต้องพยายามแสวงหาสิ่งที่จะช่วยเป็นเครื่องมือ ดึงแนวร่วมเข้ามา ประจวบเหมาะกับขณะนี้ ไอเอสมีบทบาทมาก ทำให้กลุ่มเหล่านี้นำตัวเองเข้าไปร่วมกับไอเอส เพื่อให้มีผู้ร่วมขบวนการเพิ่มมากขึ้น

เกาะติดความเคลื่อนไหวไอเอส

    เลขาฯ สมช. กล่าวว่า แนวความคิดของ ผู้ก่อการร้ายในภูมิภาคนี้ยังมีความแตกต่างกันอยู่ เกี่ยวกับการเข้าร่วมกับไอเอส โดยรัฐบาลจะติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังเห็นว่าไอเอสไม่ได้สนับสนุนผู้ก่อการร้ายในภูมิภาคนี้มากนัก ทั้งนี้ไม่สามารถบอกได้ว่าจำนวนของไอเอสในภูมิภาคเรานั้นมีมากน้อยเพียงใด แต่ทราบว่ามีกลุ่มก่อการร้ายในพื้นที่ต้องการเข้าร่วมกับไอเอส เพราะต้องการใช้ชื่อของไอเอสดึงแนวร่วม เช่น กลุ่มอัลไคด้า อาบูซายาฟ เจไอ โดยกลุ่มเหล่านี้เคลื่อนไหวในประเทศเพื่อบ้าน แต่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในประเทศไทย ตอนนี้ยืนยันว่าไม่มีไอเอสเข้ามาหาแนวร่วมในประเทศไทยเพราะว่าแนวคิดของผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นแตกต่างจากไอเอส เพราะไอเอสต่อสู้แบบจีฮัดซึ่งเป็นการต่อสู้ในทางที่ผิด ซึ่งสิ่งที่ไอเอส อ้างนั้นไม่ใช่แนวทางของศาสนา

    เลขาฯ สมช. กล่าวว่า ส่วนความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน เรามีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา โดยพยายามติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่เคลื่อนไหวอยู่ ในประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย ซึ่งไม่สามารถประมาทได้ โดยเพื่อบ้านจะมีการแจ้งเตือนหากพบว่ามีสมาชิกของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเข้ามายังประเทศไทย อย่างไรก็ตามตอนนี้ ต้องเฝ้าระวังพื้นที่ชุมชน สาธารณะ แต่ไม่อยากให้เป็นกังวล เพราะการข่าวยืนยันว่าไม่มีอะไรบ่งชี้ ไม่มีสิ่งบอกเหตุ แต่เราก็ไม่ได้ประมาท

 

ปธน.ฝรั่งเศสลั่นในสภา สู่สงคราม ส่งเรือขนเครื่องบินถล่ม ปูพรมบอมบ์ไอเอสอีก ต่อภาวะฉุกเฉิน3เดือน บิ๊กตู่ยันไปประชุมปารีส 'ปู'ร่วมลงนามไว้อาลัย

@ ฝรั่งเศสอยู่ในภาวะสงคราม

     เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าเหตุก่อการร้ายกลางกรุงปารีสโดยกลุ่มกองกำลังรัฐอิสลาม (ไอเอส) ว่า ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ โอลลองด์ ประกาศระหว่างเรียกประชุมรัฐสภาที่พระราชวังแวร์ซายส์ว่า ฝรั่งเศสอยู่ในภาวะสงครามกับกลุ่มก่อการร้ายและพวกหัวรุนแรงที่เป็นภัยคุกคามต่อโลก พร้อมกับจะเดินหน้าทำลายไอเอสหลังก่อเหตุวินาศกรรมในกรุงปารีสจนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 129 ราย และได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 350 คน โดยจะมีการบังคับใช้มาตรการต่อต้านการก่อการร้ายที่เข้มงวดภายในประเทศ ควบคู่กับการเพิ่มความเข้มข้นในปฏิบัติการทิ้งระเบิดโจมตีไอเอสในซีเรีย 

@ ส่งเรือบรรทุกเครื่องบินเสริม 

     ประธานาธิบดีโอลลองด์เรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาอนุมัติการต่ออายุการประกาศภาวะฉุกเฉินในฝรั่งเศสเป็นเวลา 3 เดือน และมีการแก้รัฐธรรมนูญเพื่ออนุมัติกฎหมายที่จะเปิดโอกาสให้ทางการสามารถถอนสัญชาติผู้ก่อการร้ายที่เกิดในฝรั่งเศส รวมถึงกำหนดบทบัญญัติให้เนรเทศตัวผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นผู้ก่อการร้ายได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันยังเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 5,000 นาย และจะไม่ตัดงบประมาณด้านความมั่นคงของประเทศไปอย่างน้อยก็จนถึงปี 2562 

       ทั้งนี้ ฝรั่งเศสจะส่งเรือบรรทุกเครื่องบินชาร์ลส์ เดอ โกล ซึ่งเป็นเรือธงของกองทัพเรือฝรั่งเศสที่มีเครื่องบินรบประจำการอยู่ถึง 26 ลำ ออกเดินทางไปยังพื้นที่ทางตะวันตกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เพื่อช่วยเสริมปฏิบัติการทางทหารในซีเรียในวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้ เพื่อเสริมกำลังเครื่องบินรบฝรั่งเศส 12 ลำที่ประจำการอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์และจอร์แดนอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งประธานาธิบดีโอลลองด์ระบุว่าจะเพิ่มศักยภาพของปฏิบัติการได้มากถึง 3 เท่า ตามเป้าหมายของฝรั่งเศสที่ประกาศเพิ่มการโจมตีทางอากาศต่อฐานที่มั่นของไอเอสในซีเรียอย่างต่อเนื่อง โดยฝรั่งเศสจะจัดการกับไอเอสอย่างปราศจากความเมตตา     

     "เราไม่ได้ทำสงครามกับอารยธรรมใดๆ เพราะมือสังหารเหล่านี้ไม่ได้เป็นผู้แทนอารยธรรมที่ไหน แต่เรากำลังทำสงครามกับกลุ่มก่อการร้ายพวกญิฮาดที่เป็นภัยคุกคามต่อโลกทั้งหมด" นายโอลลองด์กล่าว

@ โอลลองด์หารือโอบามา-ปูติน

     ประธานาธิบดีฝรั่งเศสระบุว่า การโจมตีฝรั่งเศสของไอเอสถูกวางแผนขึ้นในซีเรีย เตรียมการในเบลเยียม และก่อเหตุในดินแดนฝรั่งเศสโดยมีชาวฝรั่งเศสเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด พร้อมกับเรียกร้องให้มีการเพิ่มความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยโอลลองด์มีกำหนดจะเดินทางไปหารือกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ รวมถึงประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียในสัปดาห์หน้า พร้อมกับเรียกร้องให้มีการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) เพื่อพูดคุยถึงภัยคุกคามอันเนื่องมาจากไอเอสที่เกิดขึ้นทั่วโลกด้วย 

      ทั้งนี้ หลังนายโอลลองด์กล่าวถ้อยแถลงต่อรัฐสภาเสร็จสิ้น สมาชิกรัฐสภาฝรั่งเศสได้ร่วมกันร้องเพลงมาร์เซยแยส ซึ่งเป็นเพลงชาติฝรั่งเศสร่วมกันด้วย

@ 'จอห์น แคร์รี'เดินทางเยือน

      โอลลองด์พร้อมด้วยนายโรลอง ฟาเบียส รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ยังได้หารือกับนายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ซึ่งเดินทางเยือนฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน เกี่ยวกับความร่วมมือเพื่อจัดการกับกลุ่มก่อการร้าย โดยแคร์รีประกาศเมื่อเดินทางถึงฝรั่งเศสว่า ไม่ได้เป็นเพียงเพื่อน แต่เป็นเสมือนคนในครอบครัวเดียวกับสหรัฐ และคนที่ก่อเหตุเป็นปีศาจจิตวิปลาส โดยเราจะร่วมมือกันจัดการกับไอเอสพร้อมกับพวกที่มีแนวคิดเดียวกัน และว่า การโจมตีที่เกิดขึ้นไม่ส่งผลกระทบกับแผนการเยือนฝรั่งเศสของผู้นำสหรัฐเพื่อเข้าร่วมประชุมสุดยอดว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ซึ่งกำหนดจัดในปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยแคร์รียังให้สัมภาษณ์หลังหารือว่า หลังเหตุการณ์ที่ปารีสและการโจมตีอีกหลายครั้งที่ผ่านมาทำให้ตระหนักว่า เราต้องเพิ่มความร่วมมือเพื่อจัดการกับศูนย์กลางของไอเอสและต้องมีการเพิ่มความเข้มงวดในการผ่านแดน

@ เดินหน้าจัดประชุมผู้นำโลก 

       ประเด็นด้านการรักษาความปลอดภัยให้กับผู้นำโลก รวมถึงผู้แทนจากประเทศต่างๆ กว่า 40,000 คน ที่จะเข้าร่วมประชุมสุดยอดด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ยังเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่สร้างความหวั่นวิตกไปทั่วหลังเกิดเหตุโจมตีกรุงปารีสครั้งนี้ แต่รัฐบาลฝรั่งเศสยืนยันว่าจะไม่ยอมแพ้ให้กับกลุ่มก่อการร้าย พร้อมยืนยันว่าการประชุมดังกล่าวจะมีขึ้นต่อไป แต่แน่นอนว่ากิจกรรมอันเป็นเรื่องบันเทิงต่างๆ ถูกยกเลิกไป เช่นเดียวกับการรักษาความปลอดภัยให้กับผู้นำที่เข้าร่วมประชุมกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ที่คาดว่าประเด็นเรื่องก่อการร้ายจะกลายเป็นหนึ่งในประเด็นหลักที่ถูกหยิบยกมาพูดคุยด้วย

      นายแบร์นาร์ กาซเนิฟ รัฐมนตรีมหาดไทยฝรั่งเศส เผยว่า ฝรั่งเศสได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารกว่า 115,000 นายทั่วประเทศให้อยู่ในความพร้อมเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนฝรั่งเศส ทั้งยังจะเพิ่มงบประมาณในการจัดหาเครื่องมือที่จำเป็นหลังจากที่งบประมาณดังกล่าวถูกปรับลดไปถึง 17% ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ขณะที่ความพยายามในการล่าตัวนายซาเลาะห์ อับเดสลาม ผู้ต้องสงสัยคนสำคัญยังคงดำเนินไปอย่างเข้มข้น ในเบื้องต้นคาดว่าเขาน่าจะข้ามพรมแดนไปยังเบลเยียมแล้ว ทำให้ทางการเบลเยียมต้องยกระดับการเตือนภัยการก่อการร้าย 

      ขณะที่การแข่งขันฟุตบอลระหว่างทีมชาติเบลเยียมและสเปนต้องถูกยกเลิกไป

@ บินรบถล่มไอเอสรอบสอง

     ด้านกระทรวงกลาโหมฝรั่งเศสออกแถลงการณ์ระบุว่า เครื่องบินรบของฝรั่งเศสได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อฐานที่มั่นของไอเอสที่เมืองรอกเกาะห์ ทางตอนเหนือของซีเรียอีกครั้งในค่ำวันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับเวลา 07.30 น. ของวันที่ 17 พฤศจิกายนตามเวลาในไทย โดยทิ้งระเบิดรวม 16 ลูก และสามารถทำลายศูนย์บัญชาการและศูนย์ฝึกของไอเอสลงได้ ถือเป็นปฏิบัติการครั้งที่ 2 ใน 24 ชั่วโมงของกองทัพฝรั่งเศส ภายใต้ความร่วมมือกับกองทัพสหรัฐ ซึ่งก่อนหน้านี้กระทรวงกลาโหมสหรัฐระบุว่าการโจมตีสามารถทำลายรถบรรทุกน้ำมันถึง 116 คัน ในพื้นที่ใกล้กับพรมแดนอิรักได้ด้วย

      วันเดียวกัน รัฐมนตรีกลาโหมฝรั่งเศสซึ่งอยู่ระหว่างประชุมรัฐมนตรีกลาโหมสหภาพยุโรปในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เรียกร้องให้สมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) อื่นๆ ช่วยเหลือในปฏิบัติการทางทหารนอกประเทศ รวมถึงสนับสนุนการต่อสู้กับไอเอสในซีเรียและอิรัก เพราะฝรั่งเศสไม่สามารถรับมือกับการดำเนินการเหล่านี้ได้เพียงลำพัง โดยขอให้เพิ่มข้อความในสนธิสัญญาของอียูที่บังคับให้ชาติสมาชิกต้องให้ความช่วยเหลือที่จำเป็นในทุกทางเท่าที่จะทำได้ ซึ่งนางเฟเดอริกา โมเกอรินี ผู้แทนระดับสูงด้านต่างประเทศและนโยบายความมั่นคงของอียู ย้ำว่าชาติสมาชิกอียูพร้อมที่จะให้การสนับสนุนทุกอย่างที่จำเป็น

      กลุ่มนักเคลื่อนไหวที่ติดตามสถานการณ์ในเมืองรอกเกาะห์ระบุว่า ปฏิบัติการโจมตีอย่างต่อเนื่องตลอดคืนทำให้เกิดความตื่นตระหนกไปทั่วเมือง มีเสียงระเบิดเกิดขึ้นไม่ต่ำกว่า 36 ครั้งตลอดคืน บ้างเกิดจากการถูกโจมตีทางอากาศ แต่บางส่วนเกิดจากอาวุธหรือวัตถุระเบิดที่เกิดระเบิดต่อเนื่องหลังถูกโจมตี ไอเอสได้ประกาศเตือนภัยในเมืองรอกเกาะห์ แต่เป็นเรื่องยากที่จะได้ข้อมูลเกี่ยวกับความสูญเสียใดๆ ที่เกิดขึ้น หลังตกเป็นเป้าโจมตี ไอเอสได้ย้ายฐานบัญชาการบางส่วน รวมถึงครอบครัวของนักรบต่างชาติออกจากฐานที่มั่นในเมืองรอกเกาะห์ไปก่อนหน้านี้แล้ว

@ เดินหน้ากวาดล้างคนต้องสงสัย

     ฝรั่งเศส ยังร่วมมือกับเบลเยียมเดินหน้าในปฏิบัติการกวาดล้างและตรวจค้นเครือข่ายก่อการร้ายในประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยฝรั่งเศสได้บุกค้นพื้นที่เป้าหมายในช่วงดึกวันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมาอีก 128 จุด ทำให้นับตั้งแต่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศตั้งแต่คืนวันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้มีการบุกตรวจค้นแล้วกว่า 160 จุด มีการจับกุมคน 23 คน ยึดอาวุธ อาทิ เครื่องยิงจรวดและเสื้อเกราะได้ 31 ชิ้น ขณะที่รัฐมนตรีมหาดไทยฝรั่งเศสยังสั่งกักบริเวณบุคคล 104 คน ให้อยู่แต่ภายในบ้านพัก มีรายงานว่ารายชื่อผู้ต้องสงสัยที่อาจเป็นพวกหัวรุนแรงหรือมีแนวโน้มที่จะเป็นภัยต่อความมั่นคงในฝรั่งเศสที่ทางการฝรั่งเศสทำขึ้นมีมากกว่า 10,000 ชื่อหรือที่เรียกว่า "เอส-ไฟล์" ซึ่งแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยได้ถึง 15 กลุ่ม ครอบคลุมตั้งแต่แฟนบอลหัวรุนแรงไปจนถึงพวกหัวรุนแรงที่เดินทางกลับมาจากอิรักและซีเรีย ซึ่งคนเหล่านี้บางส่วนก็ถูกดำเนินคดีในข้อหาก่อการร้ายแล้ว ทั้งนี้แหล่งข่าวจากรัฐบาลฝรั่งเศสเผยว่าบุคคลสัญชาติฝรั่งเศสที่เดินทางกลับจากซีเรียอาจถูกควบคุมตัวในบ้านพักและต้องถูกจับตาดูความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด ล่าสุดในวันที่ 17 พฤศจิกายน ตำรวจฝรั่งเศสยังปฏิบัติการกวาดล้างผู้ต้องสงสัยทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง

@ พบคนถือพาสปอร์ตซ้ำมือบึ้ม

     ขณะที่เบลเยียมตั้งข้อหามีการกระทำอันเป็นการก่อการร้ายและมีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมของผู้ก่อการร้ายกับผู้ต้องหา 2 รายที่ถูกจับกุมได้หลังเหตุวินาศกรรมในกรุงปารีส หลังจากที่มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยไป 7 รายก่อนหน้านี้ แต่ปล่อยมา 5 ราย โดยไม่ตั้งข้อหาใดๆ หนึ่งในผู้ที่ถูกปล่อยตัวคือโมฮัมเหม็ด อับเดสลาม น้องชายของนายบราฮิม อับเดสลาม ซึ่งเป็นหนึ่งในมือระเบิดฆ่าตัวตายที่ก่อเหตุในกรุงปารีส และนายซาเลาะห์ อับ

     เดสลาม ที่ยังคงถูกตำรวจตามล่าตัว หลังปฏิบัติการบุกตรวจค้นเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ในย่านโมเลนบีค ทางตะวันตกของกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เพื่อล่าตัวนายซาเลาะห์ กลับคว้าน้ำเหลวและไม่มีใครถูกควบคุมตัวเพิ่มเติม ทางการเบลเยียมได้ออกหมายจับสากลเพื่อให้ทุกประเทศช่วยกันจับกุมนายซาเลาะห์ พร้อมเตือนว่าเขาเป็นบุคคลอันตราย ขณะที่นายโมฮัมเหม็ดยืนยันว่าซาเลาะห์ไม่ได้ติดต่อกับครอบครัวมาระยะหนึ่งแล้ว

     ทางการฝรั่งเศสระบุว่า หนึ่งในผู้ก่อเหตุวินาศกรรมกรุงปารีสมีชื่อและลายนิ้วมือตรงกับผู้อพยพที่ใช้พาสปอร์ตซีเรียนามอาเหม็ด อัล-โมฮัมเหม็ด ซึ่งเดินทางมายังเกาะเลรอสของกรีซเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ล่าสุดตำรวจเซอร์เบียได้ควบคุมตัวผู้อพยพที่ถือพาสปอร์ตซีเรียซึ่งมีชื่อตรงกันนี้ไว้เพื่อสอบปากคำ เพราะข้อมูลทั้งหมดตรงกับหนึ่งในมือระเบิดฆ่าตัวตายซึ่งก่อเหตุที่สนามกีฬาสต๊าด เดอ ฟรองซ์ เว้นแต่เพียงภาพถ่ายที่ต่างกันเท่านั้น การค้นพบผู้ถือพาสปอร์ตซีเรียในตัวของมือระเบิดฆ่าตัวตายในปารีสสร้างความหวั่นวิตกว่าพวกหัวรุนแรงจำนวนหนึ่งอาจเข้ามาในยุโรปพร้อมกับกลุ่มผู้อพยพที่ทะลักเข้ามาจากปัญหาการสู้รบในซีเรีย แต่สื่อของเซอร์เบียเชื่อว่าชายทั้งสองคนนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน แต่ทั้งสองน่าจะซื้อพาสปอร์ตซีเรียปลอมจากผู้ผลิตรายเดียวกันในตุรกี

@ นักวิเคราะห์ข่าวกรองล้มเหลว 

     ด้านนักวิเคราะห์มองว่าเหตุระเบิดในปารีสสะท้อนถึงความล้มเหลวและความท้าทายของงานด้านข่าวกรอง โดยเฉพาะปัญหาใหญ่ในการควบคุมผู้เข้าเมืองที่ถือวีซ่าเชงเก้น เพราะหนึ่งในมือระเบิดที่หอคอนเสิร์ตบาตาคล็อง ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกจับตาดูในฐานะพวกหัวรุนแรงมาตั้งแต่ปี 2553 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนเหล่านี้รู้เทคนิคในการหลบเลี่ยงการเข้าเมืองด้วยวีซ่าเชงเก้นโดยที่ไม่เป็นที่สังเกตได้เป็นอย่างดี ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศเบลเยียมให้สัมภาษณ์เรียกร้องให้มีการกระชับการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรองระหว่างประเทศในยุโรปให้มากขึ้นหลังเหตุโจมตีในกรุงปารีส เพื่อที่จะหาความเชื่อมโยงของคนเหล่านี้ในประเทศต่างๆ ทั่วยุโรป ทั้งยังเป็นการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการใช้วีซ่าเชงเก้นพร้อมกับแก้ไขปัญหาผู้อพยพทั่วยุโรปด้วย

    ขณะนี้ทางการเบลเยียมกำลังตรวจสอบข้อมูลว่านายอับเดลฮามิด อบาอูด วัย 28 ปี ซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ในวิดีโอที่ระบุว่าไอเอสวางแผนโจมตียุโรปเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการวางแผนวินาศกรรมกรุงปารีสครั้งนี้หรือไม่ โดยอบาอูดอยู่ระหว่างหลบหนีหลังตำรวจบุกค้นพื้นที่ต้องสงสัยในเดือนมกราคม โดยขณะนี้เชื่อว่าเขายังคงอยู่ในซีเรีย มีรายงานว่าอบาอูดรู้จักกับบราฮิม หนึ่งในมือระเบิดฆ่าตัวตาย จึงทำให้คาดเดาว่าเขาอาจจะมีความเชื่อมโยงกับคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุในปารีส

@ ไอเอสขู่ซ้ำถล่มวอชิงตัน

     ล่าสุดกลุ่มไอเอสเผยแพร่วิดีโอใหม่เตือนประเทศที่เข้าร่วมในปฏิบัติการทางทหารในซีเรียว่าจะต้องประสบชะตากรรมเดียวกับฝรั่งเศส ทั้งยังขู่ว่าจะโจมตีกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ของสหรัฐด้วย ด้านนายจอห์น เบรนเนน ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (ซีไอเอ) ระบุว่าการก่อเหตุในปารีสมีการวางแผนและปฏิบัติการอย่างรอบคอบ พร้อมเตือนว่านี่ไม่น่าจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่คาดว่าไอเอสน่าจะมีแผนโจมตีอื่นๆ อีกในอนาคต ขณะนี้เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงและข่าวกรองกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อหาทางเปิดโปงแผนเหล่านี้ 

     ด้านประธานาธิบดีโอบามารับว่าสหรัฐไม่มีข้อมูลข่าวกรองที่แม่นยำถึงขนาดที่จะเตือนฝรั่งเศสถึงเหตุโจมตีโดยไอเอสได้ แต่เห็นพ้องกันที่จะกระชับความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข่าวกรองทางทหารกับฝรั่งเศสเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์เช่นนี้ในอนาคต ฝรั่งเศสถือเป็นพันธมิตรสำคัญในการต่อต้านการก่อการร้ายของสหรัฐอยู่แล้ว แต่จะมีการเพิ่มความร่วมมือระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งรวมถึงการส่งผ่านข้อมูลเกี่ยวกับภัยคุกคามของไอเอสให้กับฝรั่งเศสอย่างรวดเร็วและบ่อยขึ้น และจะทำทุกอย่างเพื่อป้องกันประชาชนและไม่ให้เกิดเหตุโจมตีเช่นนี้ขึ้นอีก อย่างไรก็ดีช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ก็ทำให้มีความหวัง เพราะเป็นครั้งแรกที่ประเทศซึ่งแม้จะอยู่คนละฝ่ายในเรื่องซีเรียยังเห็นต้องกันว่าต้องเร่งยุติสงครามในซีเรียโดยไวเพื่อที่ผู้นำไอเอสจะไม่มีที่หลบภัยที่ใดในโลก

@ อโนนีมัสประกาศสงครามไอเอส

    เอเอฟพี รายงานว่า กลุ่มอโนนีมัส เครือข่ายของกลุ่มเคลื่อนไหวแฮกเกอร์ หรือที่เรียกว่า "แฮกติวิสต์" ออกแถลงการณ์ผ่านทางยูทูบ ประกาศจะทำสงครามกับกลุ่มไอเอสเพื่อแก้แค้นการที่ไอเอสก่อเหตุโจมตีหลายจุดในกรุงปารีส เมื่อคืนวันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยในวิดีโอปรากฏภาพของผู้สวมหน้ากากกายฟอคส์ นั่งอ่านแถลงการณ์เป็นภาษาฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเสียงสังเคราะห์จากคอมพิวเตอร์ ระบุว่าจากการที่ฝรั่งเศสถูกโจมตีหลายจุดโดยกลุ่มไอเอส กลุ่มอโนนีมัสจากทุกแห่งทั่วโลกจะทำการตามล่าไอเอส และขอประกาศว่าพร้อมแล้วสำหรับการโจมตีบนโลกไซเบอร์

      วันเดียวกัน รัสเซียประกาศจะทำการแก้แค้นไอเอส หลังหน่วยงานด้านความมั่นคงของรัสเซียออกมายอมรับอย่างเป็นทางการว่าเครื่องบินของสายการบินโคกาลีมาเวียของรัสเซีย ที่ประสบอุบัติเหตุตกในพื้นที่คาบสมุทรไซไน ตอนเหนือของอียิปต์ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา เพราะถูกวางระเบิด ซึ่งก่อนหน้านี้ไอเอสออกมาอ้างว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการระเบิดเครื่องบินลำนี้ ซึ่งทำให้ผู้โดยสารพร้อมลูกเรือ 224 คน เสียชีวิตทั้งหมด โดยเครื่องบินรบรัสเซียทำการโจมตีทางอากาศในพื้นที่เมืองรอกเกาะห์หลายครั้ง 

      ล่าสุด เอเอฟพีรายงานว่า ฟาเบียง แคลน วัย 35 ปี ชาวฝรั่งเศส ซึ่งไปเข้าร่วมกับไอเอส อ้างว่าตนเองอยู่เบื้องหลังการโจมตีฝรั่งเศส โดยมีการเผยแพร่คลิปเสียงอ้างการกระทำดังกล่าวผ่านสังคมออนไลน์ ทั้งนี้ แคลนเป็นเครือข่ายกลุ่มหัวรุนแรงในเมืองตูลุสของฝรั่งเศส ซึ่งใกล้ชิดกับนายโมฮัมเหม็ด เมราห์ ซึ่งยิงคนเสียชีวิต 7 รายเมื่อปี 2555 โดยเขาถูกพิพากษาจำคุก 5 ปี ในข้อหาระดมคนเป็นนักรบญิฮาดเมื่อปี 2552 ก่อนจะเดินทางไปยังซีเรียหลังพ้นโทษ

@ 'บิ๊กตู่'ยันร่วมถกยูเอ็นที่ฝรั่งเศส 

     ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีการประชุมสุดยอดผู้นำยูเอ็นว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในวันที่ 30 พฤศจิกายน-11 ธันวาคม ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ภายหลังเกิดเหตุการณ์ก่อวินาศกรรมในวันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า "ไม่อยากให้ไปหรืออย่างไร จะไปไหนก็ไปหมดแหละ ทำไมหรือ ทางฝรั่งเศสเขาเลื่อนประชุมหรือไม่ ถ้าไม่เลื่อนผมก็ไป ถ้าผู้นำประเทศอื่นไปผมก็ไป การเดินทางไปประชุมแสดงให้เห็นถึงความผูกพันกับเขา เราเชื่อมั่นเขา ให้กำลังใจเขา เหมือนเวลาที่เราเกิดเหตุการณ์แบบนั้นบ้าง เราก็ขอร้องให้คนมาประเทศไทย ก็เหมือนกันนั่นแหละ ทำไมไม่เอาใจใส่เขามาใส่ใจเราบ้าง เขาอยากให้คนโน้นคนนี้ไป เขาก็ต้องดูแลเป็นพิเศษ ถ้ามันจะเกิดมันก็เกิด เกิดมาครั้งเดียวตายครั้งเดียว จะอะไรนักหนา ไม่ได้ห่วงสมบัติอะไรสักหน่อย"

@ 'ปู'ลงนามไว้อาลัยที่สถานทูต

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์มอบหมายให้นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ที่ปรึกษานายกฯ เดินทางไปสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย เพื่อมอบสารแสดงความเสียใจให้แก่นายจิลส์ การาชง เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย โดยเนื้อความในสารระบุว่า นายกรัฐมนตรีแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในนามของรัฐบาลไทยและประชาชนชาวไทย ขอแสดงความเสียใจและเห็นใจอย่างสุดซึ้ง ทั้งต่อรัฐบาลฝรั่งเศสและต่อครอบครัวของผู้ที่ได้รับผลกระทบ และจะเป็นกำลังใจให้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก โดยประเทศไทยจะยืนเคียงข้างประชาคมโลกในการประณามอาชญากรรมที่ชั่วร้าย และแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกันกับรัฐบาลและประชาชนแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส โอกาสนี้นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ยังได้ลงนามไว้อาลัย ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสแสดงความขอบคุณและรู้สึกซาบซึ้งใจรัฐบาลไทยและประชาชนไทยที่ได้ให้กำลังใจและส่งความห่วงใยให้แก่ชาวฝรั่งเศสต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งถือเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่

     ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมายังสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย ถนนเจริญกรุง เพื่อลงนามไว้อาลัยกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่กรุงปารีส 

@ 'บิ๊กป้อม'สั่งคุมเข้มงานสำคัญ

      พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ครม.ว่า หน่วยงานการข่าวความมั่นคงได้สรุปเหตุระเบิดที่กรุงปารีสให้ ครม.รับทราบ ส่วนเรื่องการระวังป้องกันที่อยู่ในความรับผิดชอบของตน ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้วตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ให้มีการเฝ้าระวังป้องกันให้มากขึ้น นายกฯได้สั่งการผ่านตนให้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในสถานที่ต่างๆ ในพื้นที่สำคัญ

     เมื่อถามว่า ได้มีการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในเทศกาลลอยกระทงหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า หน่วยงานด้านความมั่นคงได้เฝ้าระวังและดูแลความปลอดภัยในช่วงเทศกาล ตั้งแต่เทศกาลลอยกระทงจนถึงเทศกาลปีใหม่ รวมถึงกิจกรรมปั่นเพื่อพ่อ และงานพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เมื่อถามถึงกรณีกลุ่มติดอาวุธอาเซียนรวมตัวตั้งเป็นสาขาย่อยของกลุ่มไอซิส จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ต้องป้องกันไว้ก่อน เพราะเป็นสิ่งที่กลุ่มดังกล่าวประกาศออกมา ส่วนประชาชนเองต้องช่วยกันระมัดระวังดูแลตัวเองด้วย อย่างไรก็ตามกลุ่มดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

@ สมช.ปัดไอเอสตั้งฐานอาเซียน

     พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แถลงว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังเตรียมการดำเนินกิจกรรมสำคัญๆ หลายอย่าง อาทิ วันพ่อแห่งชาติ กิจกรรมปั่นเพื่อพ่อ พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระสังฆราช สั่งการให้หน่วยงานด้านความมั่นคงโดยเฉพาะงานด้านการข่าว เตรียมตัวติดตามสถานการณ์ซึ่งอาจจะมีผลกระทบมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยให้ทุกหน่วยติดตามงานอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม สมช.ได้ติดตามถึงกรณีกระแสข่าวที่กลุ่มไอเอสหวังที่จะตั้งสาขาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง แต่กลุ่มก่อการร้ายไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอัลเคด้า อาบูไซยาฟ เจมาห์ อิสลามิยาห์ ล้วนได้รับการสนับสนุนน้อยลงไป ดังนั้นจึงต้องพยายามแสวงหาสิ่งที่จะช่วยเป็นเครื่องมือดึงแนวร่วมเข้ามา ประจวบเหมาะกับขณะนี้ไอเอสมีบทบาทมาก ทำให้กลุ่มเหล่านี้นำตัวเองเข้าไปร่วมกับไอเอสเพื่อให้มีผู้ร่วมขบวนการเพิ่มมากขึ้น 

      และคิดว่าไอเอสไม่ได้จงใจที่จะอยู่พื้นที่แถบนี้ เพราะต้องการอยู่ในพื้นที่ตะวันออกกลาง ที่เป็นข่าวออกมาก็เพราะผู้ก่อการร้ายแถบนี้ต้องการเอาตัวเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งกับไอเอส ส่วนที่มีข่าวว่าไอเอสจะตั้งฐานที่ประเทศอินโดนีเซีย คิดว่าไม่น่าจะเป็นความจริง เพราะขณะนี้ไม่มีข่าวว่าไอเอสส่งคนเข้ามาในแถบนี้แต่อย่างใด

@ ยันไทยไม่มีไอเอสดึงแนวร่วม

     พล.อ.ทวีป กล่าวว่า แนวความคิดของผู้ก่อการร้ายในภูมิภาคนี้ยังมีความแตกต่างกันเกี่ยวกับการเข้าร่วมกับไอเอส โดยรัฐบาลจะติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังเห็นว่าไอเอสไม่ได้สนับสนุนผู้ก่อการร้ายในภูมิภาคนี้มากนัก แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าจำนวนของไอเอสในภูมิภาคนั้นมีมากน้อยเพียงใด แต่ทราบว่ามีกลุ่มก่อการร้ายในพื้นที่ต้องการเข้าร่วมกับไอเอส เพราะต้องการใช้ชื่อของไอเอสดึงแนวร่วม เช่น กลุ่มอัลเคด้า อาบูไซยาฟ เจมาห์ อิสลามิยาห์ โดยกลุ่มเหล่านี้เคลื่อนไหวในประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในประเทศไทย ตอนนี้ยืนยันว่าไม่มีไอเอสเข้ามาหาแนวร่วมในประเทศไทย เพราะว่าแนวคิดของผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นแตกต่างจากไอเอส เพราะไอเอสต่อสู้แบบญิฮาดซึ่งเป็นการต่อสู่ในทางที่ผิด สิ่งที่ไอเอสอ้างนั้นไม่ใช่แนวทางของศาสนา ส่วนความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารตลอดช่วงเวลา โดยพยายามติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่เคลื่อนไหวอยู่ในประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย ซึ่งไม่สามารถประมาทได้ โดยเพื่อนบ้านจะมีการแจ้งเตือนหากพบว่ามีสมาชิกของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเข้ามายังประเทศไทย ตอนนี้ต้องเฝ้าระวังพื้นที่ชุมชน สาธารณะ แต่ไม่อยากให้กังวล เพราะการข่าวยืนยันว่าไม่มีอะไรบ่งชี้ ไม่มีสิ่งบอกเหตุ แต่ สมช.ก็ไม่ได้ประมาท

@ สั่งทุกหน่วยงานพร้อมรับมือ 

     เมื่อถามว่า ไอเอสดึงแนวร่วมผ่านโซเชียลมีเดีย ตรงนี้จะเฝ้าระวังอย่างไร พล.อ.ทวีปกล่าวว่า มีหน่วยงานคอยติดตามดูการเคลื่อนไหวของไอเอส โลกไซเบอร์ถือเป็นสื่อที่เปิดให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ แต่จะคอยติดตามอยู่ตลอดเวลา เชื่อว่าไอเอสจะใช้สื่อทุกแขนงเพื่อดึงแนวร่วม หากพบว่ามีความเคลื่อนไหวของไอเอสในประเทศไทยก็จะมีมาตรการป้องกัน ขอให้มั่นใจว่ามีหน่วยงานพร้อมในลักษณะการรับมือ หากเกิดกรณีเหมือนที่ประเทศฝรั่งเศส โดยมีทั้งทหาร ตำรวจฝึกซ้อมร่วมกันอยู่ตลอดเวลา แม้ไม่มีเหตุการณ์ใดๆ ก็ฝึกซ้อมอยู่ทุกปีเพื่อให้เกิดความมั่นใจในการรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้าย เมื่อถามว่า ต้องเฝ้าระวังผู้หลบหนีเข้าเมืองชาวอุยกูร์ด้วยหรือไม่ เลขาฯสมช.กล่าวว่า ไม่ประมาท ทุกกรณีที่เกิดปัญหาขึ้นมาและจะคอยติดตามดูความเคลื่อนไหวตลอดเวลา ขณะนี้มีชาวอุยกูร์ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อพิจารณาว่าจะส่งตัวไปยังประเทศที่ 3 หรือไม่ จำนวน 55 คน เป็นชายล้วน และมีการแจ้งเตือน เฝ้าระวังเกี่ยวกับการหลบหนีเข้าเมืองของชาวอุยกูร์ตลอดเวลา โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสอดส่องดูแลเส้นทางหลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย

@ ตร.คุมเข้มบ้านคนสำคัญ-ทูต

     ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ที่ปรึกษา (สบ 10) ในฐานะโฆษก ตร. กล่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มข้นการอารักขาบุคคลสำคัญ บ้านและสถานทูตต่างๆ โดยเฉพาะสถานทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย และให้เข้มงวดในการหาข่าวกรองเชิงลึกเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้าย ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ทูตแสดงความพึงพอใจในมาตราการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย นอกจากนั้นในเรื่องของการคัดกรองบุคคลเข้าออกประเทศ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ก็ดำเนินการเข้มข้นมากยิ่งขึ้นโดยมีมาตรการในการคัดกรองบุคคลเข้า-ออกประเทศอย่างเข้มข้นทั้งทางภาคพื้นดิน พื้นน้ำ และทางอากาศ เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นทุกรูปแบบอีกด้วย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!