- Details
- Category: EURO
- Published: Monday, 16 November 2015 10:27
- Hits: 7771
ทั้งปูติน-โอบามา 2 เบิ้มลั่น โหมล้างไอเอส 2 เท่า ในหลวง-ราชินีทรงเสียพระทัย ส่งราชสาส์นถึงปธน.ฝรั่งเศส ตายเพิ่มเป็น 129-มีถึง 23 ชาติ !
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ส่งพระราชสาส์นแสดงความเสียพระราชหฤทัยถึงประธานาธิบดีฝรั่งเศส กรณีเหตุก่อการร้ายที่กรุงปารีส ขณะที่ 2 พี่เบิ้ม ทั้งโอบามา-ปูติน รวมทั้งบรรดาผู้นำโลก ประสานเสียงในที่ประชุม 'จี 20' ลุยล้างกลุ่มไอเอสให้สิ้นซาก ส่วนเหยื่อตายเพิ่มเป็น 129 พิสูจน์ศพเสร็จแล้ว 103 ศพ มีชาวต่างชาติอย่างน้อย 23 ราย
วันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9119 ข่าวสดรายวัน
เศร้าโศก - ชาวฝรั่งเศสชุมนุมไว้อาลัยด้านหน้าโรงละครบาตากล็อง จุดที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด ในเหตุก่อวินาศกรรม 6 จุดกลางกรุงปารีส มีผู้เสียชีวิต 129 ราย เจ็บกว่า 352 คน จนผู้นำโลกประกาศกวาดล้างไอเอสผู้ก่อเหตุ เมื่อวันที่ 15 พ.ย.
จากกรณีก่อการร้ายช็อกโลก 6 จุด ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นเหตุให้มีผู้เสีย ชีวิตกว่า 128 ราย ในจำนวนนี้เป็นเหยื่อในโรงละครที่จัดคอนเสิร์ตถึง 82 ราย นับ เป็นจำนวนเหยื่อสังหารหมู่สูงที่สุดนับจากสงครามโลก ครั้งที่ 2 ของฝรั่งเศส ส่วนผู้บาดเจ็บมีกว่า 300 คน สาหัส 80 คน โดยผู้ก่อการร้ายอย่างน้อย 8 คน กระจายกำลังกันก่อเหตุระเบิดพลีชีพและกราดยิงตามสถานที่ยามราตรี ซึ่งมีผู้คนไปกินดื่ม ดูเกมฟุตบอล และชมคอนเสิร์ต
ประธานาธิบดี ฟรังซัวส์ ออลลองด์ ผู้นำฝรั่งเศสต้องประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศ ปิดพรมแดน ส่งทหารเสริมเข้าไปในกรุงปารีสอีก 1,500 นาย เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ต่อมาสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า กองกำลังรัฐอิสลามหรือไอเอสออกแถลง การณ์ในโลกออนไลน์มีทั้งภาษาฝรั่งเศสและภาษาอารบิก ประกาศตัวเป็นผู้อยู่เบื้องหลังส่งกองกำลัง 8 นาย ไปก่อเหตุสังหารผู้คนในกรุงปารีส ขณะที่ปฏิกิริยาจากบรรดาผู้นำโลกทยอยแสดงความเสียใจกับชาวฝรั่งเศสอย่างไม่ขาดสาย ส่วนที่ประเทศไทยตำรวจเพิ่มมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยสถานทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย รวมทั้งสถานทูตหรือสถานกงสุลของอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย เยอรมนี อิตาลี ที่ประจำประเทศ ไทยด้วย
ในหลวง-ราชินีส่งสาส์นเสียพระทัย
เมื่อวันที่ 15 พ.ย. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ส่งข้อความพระราชสาส์นแสดงความเสียพระราชหฤทัย ไปยังประธานา ธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส กรณีเหตุการณ์ก่อการร้ายที่กรุงปารีส เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2558 แปลความว่า ฯพณฯ ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส กรุงปารีส ข้าพเจ้าและพระราชินีเศร้าสลดใจอย่างยิ่งที่ได้ทราบเกี่ยวกับเหตุการณ์ก่อการร้ายที่กรุงปารีสซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากข้าพเจ้าและพระราชินีขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งมายังท่านและประชาชนชาวฝรั่งเศสและโดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากการสูญเสียอย่างใหญ่หลวงที่ไม่อาจทดแทนได้ในเหตุการณ์อันร้ายแรงครั้งนี้ (พระปรมาภิไธย) ภูมิพลอดุลยเดช ปร.
ฝรั่งเศส เร่งสืบสวนถล่มปารีส
ส่วนความคืบหน้าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 15 พ.ย. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าเหตุก่อการร้ายช็อกโลก 6 จุดทั่วกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ว่ามียอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 129 ราย บาดเจ็บกว่า 352 คนแล้ว อาการสาหัส 99 คน โดยฝ่ายสืบสวนของฝรั่งเศสพบว่า เหตุโจมตีที่เกิดขึ้นเป็นการโจมตีประสานงานกันถึง 3 ทีม หนึ่งในผู้ก่อเหตุได้รับการยืนยันจากลายนิ้วมือแล้วว่าเป็นชายสัญชาติฝรั่งเศสที่มีประวัติก่ออาชญา กรรมแต่ไม่เคยต้องโทษจำคุก พร้อมยอมรับว่าผู้ต้องสงสัย 3 คนที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ที่ประเทศเบลเยียม มีความเกี่ยวโยงกันกับเหตุก่อวินาศกรรมในกรุงปารีสด้วย
ขณะที่ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ ผู้นำฝรั่งเศสระบุว่า การโจมตีที่เกิดขึ้นถูกวาง แผนและเตรียมการจากนอกประเทศ ด้วยความช่วยเหลือจากภายในฝรั่งเศส โดยตำรวจพบรถยนต์หนึ่งในสองคันที่คนร้ายใช้แล้วทางตะวันออกของประเทศ
ส่วนนายมานูแอล วาลส์ นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ยืนยันว่าฝรั่งเศสจะยังคงเดินหน้าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อขบวนการนักรบ รัฐอิสลาม หรือไอเอสในสมรภูมิซีเรียต่อไป ส่วนการพิสูจน์ศพผู้เสียชีวิตเสร็จแล้ว 103 ศพ เหลืออีกประมาณ 20-30 ราย ที่ยังรอการพิสูจน์อัตลักษณ์ ในจำนวนนี้มีชาวต่างชาติอย่างน้อย 23 ราย ได้แก่ ชาวอัลจีเรีย เบลเยียม อังกฤษ ชิลี เยอรมัน เม็กซิโก โมรอกโก โปร ตุเกส โรมาเนีย สเปน สวีเดน ตูนีเซีย และชาวอเมริกัน และฝรั่งเศสจะขอเปิดประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของสหภาพ ยุโรป หรืออียูในวันศุกร์ที่ 20 พ.ย.นี้ด้วย
อาลัย - ชาวฝรั่งเศสนำดอกไม้มาวางแสดงความอาลัยบริเวณ โรงละครบาตากล็อง ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด จากเหตุก่อวินาศกรรมกลางกรุงปารีส ล่าสุดมีผู้เสียชีวิต 129 ราย บาดเจ็บ 352 คน เมื่อวันที่ 15 พ.ย. |
ระบุชื่อ 1 ใน 7 มือร่วมก่อเหตุ
ด้านนายฟรังซัวส์ โมลินส์ อัยการสูงสุดของฝรั่งเศส กล่าวว่า จะสืบสวนหาแหล่งที่มาของผู้ก่อเหตุทั้งหมดและแหล่งเงินทุนสนับ สนุน โดยผู้ก่อเหตุทั้งหมด 7 คน ถูกเจ้าหน้าที่สังหารในเหตุการณ์ พบว่าทั้งหมดสวมชุด ที่มีระเบิดพร้อมก่อเหตุพลีชีพในลักษณะเดียว กัน ใช้อาวุธเป็นปืนเอเค-47 แบบเดียวกันทั้ง หมด ซึ่งหนึ่งในจำนวนนี้เจ้าหน้าที่นำชิ้นส่วนศพเป็นนิ้วมือไปตรวจสอบพบว่าเป็นชายชาวฝรั่งเศส อายุ 29 ปี ที่ถูกพบบริเวณศูนย์การแสดงคอนเสิร์ตบาตากล็อง หนึ่งในจุดก่อเหตุ มีประวัติอาชญากรรมในฐานข้อมูลของตำรวจฝรั่งเศส ทราบชื่อว่า นายโอมาร์ อิสมาอิล มอสเตฟายี เชื้อชาติแอลจีเรีย สัญชาติฝรั่งเศส
ฝ่ายสืบสวนระบุด้วยว่า นายมอสเตฟายี มีภูมิลำเนาอยู่ในเมืองคูร์คูร์รอง ห่างจากกรุงปารีสไปทางใต้ราว 25 กิโลเมตร มีประวัติแนวโน้มจะเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงแต่ยังไม่เคยถูกหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายนำตัวมาสอบสวน ซึ่งฝรั่งเศสอยู่ระหว่างตรวจสอบประวัติ การเดินทางของนายมอสเตฟายี ว่าเคยเดินทางไปยังซีเรียในปี 2557 หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตำรวจนำตัวพ่อและพี่ชาย รวมทั้งครอบครัวของนายมอสเตฟายี 6 คนมาควบคุมตัวไว้ก่อน และค้นที่พักอาศัยของครอบครัวด้วย โดย พี่ชายนายมอสเตฟายีระบุว่า เรื่องที่เกิดขึ้นถือว่าบ้าบิ่นมาก ตอนเกิดเหตุตนก็อยู่ในเหตุ การณ์ด้วยและเห็นว่ามันเละเทะเพียงใด ส่วนความสัมพันธ์กับนายมอสเตฟายี น้องชายนั้นไม่ได้ติดต่อกันนานหลายปีแล้ว
นายโมลินส์ยังกล่าวถึงการสืบสวนว่ายังอยู่ในขั้นแรกเริ่ม ตำรวจพุ่งเป้าการหาเบาะแสเพิ่มเติมไปที่ยานพาหนะที่ผู้ก่อเหตุใช้ คันแรกเป็นรถยนต์ของค่ายซีต สีดำ ไม่มีป้ายทะเบียน ส่วนอีกคันเป็นรถโฟล์กสวาเกน รุ่นโปโล สีดำ พร้อมป้ายทะเบียนประเทศเบลเยียม พบว่าเป็นรถที่ถูกเช่ามาโดยชายชาวฝรั่งเศส ผู้หนึ่งที่มีภูมิลำเนาอยู่ในเบลเยียม โดยตำรวจทราบรูปพรรณของผู้ขับขี่แล้วจากกล้องวงจรปิด ขณะขับรถคันนี้ข้ามพรมแดนจากเบลเยียมเข้ามายังฝรั่งเศสพร้อมผู้โดยสาร 2 คน ซึ่งตำรวจสันนิษฐานว่าทั้ง 3 คนนี้ เป็นทีมก่อเหตุอีกชุดหนึ่งที่หลบหนีจากกรุงปารีสไปได้สำเร็จ
เชื่อมโยงเหตุการณ์ทั่วยุโรป
รายงานข่าวยังแจ้งว่า ต่อมาตำรวจฝรั่งเศสพบรถยนต์สีดำ ยี่ห้อซีต 1 ใน 2 คัน ที่พยานระบุว่าเป็นรถที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ถูกทิ้งไว้ที่เมืองมอนทริอิล ชานเมืองทางฝั่งตะวันออกของกรุงปารีส ภายในรถพบปืนกลอัตโนมัติเอเค-47 จำนวนหลายกระบอก
ขณะที่ประเทศกรีซ ระบุว่า ผู้โดยสาร 2 คนในรถยนต์คันดังกล่าวมีประวัติอยู่ในฐานข้อมูลผู้อพยพชาวซีเรีย สอดคล้องกับที่เจ้าหน้าที่พบหนังสือเดินทางซีเรียตกอยู่ใกล้ศพ ผู้ก่อเหตุที่สนามกีฬาแห่งชาติสตาดเดอฟรองซ์ รวมทั้งยังพบหนังสือเดินทางของอียิปต์ตก อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย แต่ยังไม่ตัดประเด็นที่หนังสือเดินทางดังกล่าวอาจถูกส่งต่อมา ซึ่งการสืบสวนกินบริเวณกว้างไปทั่วสหภาพยุโรป หรืออียู สื่อท้องถิ่นเบลเยียมระบุว่า ชายที่ถูกจับ 3 คนมีความเชื่อมโยงกับรถโฟล์กสวาเกน รุ่นโปโล สีดำ พร้อมป้ายทะเบียนประเทศเบลเยียม ส่วนในเยอรมนีตำรวจกำลังหาความเชื่อมโยงกับเหตุโจมตีในแคว้นบาวาเรียเมื่อสัปดาห์ก่อน ที่จับกุมชาย ผู้ก่อเหตุได้พร้อมอาวุธปืน กระสุน และวัตถุระเบิดจำนวนมาก ขณะที่ทางการกรีซอยู่ระหว่างตรวจสอบความเป็นไปได้ของความเกี่ยวโยงระหว่างเหตุในกรุงปารีสกับชาวซีเรีย
คุ้มกันเข้ม - บช.น.ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาวุธปืน คุ้มกันเข้มหน้าสถานทูตฝรั่งเศส ประจำประเทศไทย ถนนเจริญกรุง 36 แขวงสี่พระยา ตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อวันที่ 15 พ.ย. หลังเกิดเหตุกลุ่มก่อการร้ายโจมตี 6 จุดกลางกรุงปารีส |
ประชุมจี 20-งดงานรื่นเริง
ส่วนบรรยากาศการประชุมกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ หรือจี 20 ที่เมืองอันตัลยา ประเทศตุรกี เปิดฉากด้วยการยืนสงบนิ่งและยกเลิกงานรื่นเริงทั้งหมด เพื่อแสดงความไว้ อาลัยแด่ผู้เสียชีวิต ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยผู้นำประเทศอย่างเข้มข้น ด้วยกำลังตำรวจกว่า 12,000 นาย ซึ่งการประชุมครั้งนี้มีผู้นำ อาทิ ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ผู้นำสหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนด้วย ส่วนคณะของประเทศฝรั่งเศสนำโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เนื่องจากประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ ผู้นำฝรั่งเศส ติดภารกิจแก้ไขเหตุวินาศกรรม โดยเป็นที่คาดการณ์ว่าการประชุมจี 20 ซึ่งปกติเน้นไปในเรื่องเศรษฐกิจจะถูกเปลี่ยน มาเป็นเวทีหารือเรื่องการก่อการร้ายในครั้งนี้ หลังผู้นำสหรัฐหารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีเรเซ็ป เตย์ยิป เอร์โดอัน ผู้นำตุรกี และผู้นำทั้งสองตกลงร่วมกันแสดงจุดยืนเป็นเอกภาพร่วมกับฝรั่งเศส
ผู้นำโลกประสานเสียงลุยไอเอส
โดยประธานาธิบดีบารัก โอบามา ผู้นำสหรัฐอเมริกา ประกาศว่าจะเพิ่มความมุ่งมั่นเป็น 2 เท่าในการกวาดล้างเครือข่ายขบวนการนักรบรัฐอิสลาม หรือไอเอส เช่นเดียวกันกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวว่า ทางเดียวที่ประชาคมโลกจะจัดการกับไอเอสได้คือต้องร่วมมือกัน ส่วนประธานา ธิบดีเรเซ็ป เตย์ยิป เอร์โดอัน ผู้นำตุรกี เรียกร้องให้เหล่าผู้นำประเทศมหาอำนาจ หาจุดร่วมกันทางยุทธศาสตร์ในการแทรกแซงสงครามในซีเรีย
ขณะที่องค์การความร่วมมืออิสลาม หรือโอไอซี ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย แถลงประณามเหตุ การณ์ก่อการร้ายที่เกิดขึ้น พร้อมเรียกร้องให้นานาชาติหารือถึงความร่วมมือในการต่อต้านการก่อการร้าย
นายอิยาด มาดานี เลขาธิการโอไอซี กล่าวว่า ประชาคมโลกควรร่วมมือกันต่อสู้กับการก่อการร้าย ที่กลายเป็นศัตรูของมวลมนุษยชาติ ตนขอประณามต่อเหตุที่เกิดขึ้นและแสดงความไม่เห็นด้วยต่อการก่อการร้าย เนื่องจากถือเป็นการบ่อนทำลายคุณค่าของความเป็นมนุษย์ รวมไปถึงคุณค่าของเสรีภาพและความเท่าเทียมซึ่งเป็นสิ่งที่ฝรั่งเศสยึดมั่นมาอย่างยาวนาน หลักการของโอไอซีนั้นยึดมั่นในการต่อต้านการก่อการร้ายทุกรูปแบบ ขอแสดงความเป็นเอกภาพร่วมกันกับฝรั่งเศสในสถานการณ์วิกฤตที่เกิดขึ้น
วันเดียวกัน นางฮิลลารี คลินตัน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หนึ่งในตัวเต็งผู้สมัครแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในการเลือกตั้ง ปีหน้า ระบุถึงเหตุวินาศกรรมในกรุงปารีสระหว่างรายการโต้วาที โดยเรียกร้องให้ประชาคมโลกรวมพลังกันเพื่อกวาดล้างกลุ่มไอเอส พร้อมยืนยันว่าพวกตนไม่ได้ทำสงครามกับผู้นับถือศาสนาอิสลาม และชาวมุสลิมไม่ควรถูกมองว่าเป็นภัยคุกคาม แต่พวกตนกำลังทำสงครามกับกลุ่มคนหัวรุนแรง แค่ควบคุมไว้นั้นไม่เพียงพอ พวกเราจำเป็นต้องทำลายล้างไอเอสให้สิ้นซาก
เยอรมนีเผยจับชายขนอาวุธ
วันเดียวกัน เอเอฟพีรายงานว่า โฆษกตำรวจแคว้นบาวาเรียของเยอรมนี เปิดเผยรายละเอียดการสอบสวน หลังการจับกุมชายต้องสงสัย อายุ 51 ปีพร้อมวัตถุระเบิดและอาวุธปืนเอเค-47 หลายกระบอกในรถยนต์บนถนนมอเตอร์เวย์ เมืองโรเซนไฮม์ แคว้นบาวาเรีย เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยชายผู้ต้องสงสัยระบุว่า เดินทางมาจากมอนเตเนโกรและกำลังเดินทางไปกรุงปารีสเพื่อชมหอไอเฟล แถลงการณ์ตำรวจแคว้นบาวาเรีย ยังระบุด้วยว่า ภายในรถยนต์พบกระดาษเขียนตำแหน่งที่อยู่ในกรุงปารีส และอาวุธปืนเอเค-47 จำนวน 8 กระบอก ปืนสั้น 3 กระบอก รวมทั้งวัตถุระเบิด
ขณะที่ทางการอังกฤษมีคำสั่งให้หน่วยรบพิเศษจากกองทัพอังกฤษ เข้าตรึงกำลังตามพื้นที่สำคัญ อาทิ ชานชาลารถไฟ รถไฟฟ้าใต้ดิน ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ และศูนย์จัดการแสดง รวมทั้งสนธิกำลังกับตำรวจ เพิ่มความเข้มในการรักษาความปลอดภัยหลังเหตุวินาศกรรมในกรุงปารีส โดยนางเทเรซา เมย์ รมว.มหาดไทย ระบุว่า รัฐบาลมีแผนการรับมืออยู่แล้ว
สถานทูตเตือนคนไทยไปปารีส
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สถานเอกอัคร ราชทูตไทย ประจำกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ออกประกาศเตือนว่า ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายหลายจุดในกรุงปารีสและเหตุ การณ์ระเบิดบริเวณสตาดเดอฟรองซ์ เมืองเซนต์เดนิส ช่วงค่ำของวันที่ 13 พ.ย.2558 โดยรัฐบาลฝรั่งเศสได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศในวันเดียวกันนั้น สถานเอกอัคร ราชทูตไทย ณ กรุงปารีส ขอให้คนไทยที่พำนักอยู่หรือที่เดินทางมากรุงปารีส จังหวัดอิลเดอฟรองซ์ รวมถึงบริเวณใกล้เคียงเพิ่มความระมัดระวังในการเดินทางสัญจรในพื้นที่สาธารณะ งดเข้าใกล้พื้นที่เกิดเหตุและติดตามข่าวสารจากหน่วยงานของฝรั่งเศสอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ขอความร่วมมือคนไทย นักเรียนนักศึกษาไทย ที่อยู่ในกรุงปารีส และนักท่องเที่ยวไทย โปรดแจ้งสถานะในสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ อาทิ เฟซบุ๊ก ไลน์ ฯลฯ เพื่อแสดงถึงความปลอดภัยของตนเอง หากคนไทยท่านใดประสงค์จะแจ้งข่าวสาร ขอความกรุณาแจ้งทางอีเมล์ที่ [email protected] หรือโทรศัพท์ฉุกเฉิน (+33) 6 0359 9705 และ (+33) 6 4671 9694
เรียกถกหน่วยความมั่นคง
ส่วนที่ประเทศไทย นายปณิธาน วัฒนา ยากร ที่ปรึกษาพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. สั่งการให้พล.อ.ประวิตร เรียกประชุมหน่วยงานความมั่นคงอย่างเร่งด่วน เพื่อเพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยให้ประชาชน นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ รวมทั้งมีมาตรการเฝ้าระวังการก่อการร้ายให้มากขึ้น โดยได้สั่งการไปตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องดังกล่าวแล้ว และวันที่ 16 พ.ย.นี้ พล.อ.ประวิตรจะประชุมหน่วยงานความมั่นคงซึ่งเป็นการประชุมประจำสัปดาห์ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงจะสรุปผลการปฏิบัติงานให้ทราบ รวมถึงอาจจะหารือเรื่องนี้ด้วย
นายปณิธาน กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา รอง นายกฯ สั่งการผ่านกระทรวงมหาดไทย กรุงเทพ มหานคร รวมทั้งหน่วยความมั่นคงให้ดูแลความเรียบร้อย สอดส่องตามแนวชายแดนให้รัดกุม ตรวจรักษาความปลอดภัยทุกสนามบิน และตรวจสอบความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ในไทยที่อาจเกี่ยวข้องกับต่างประเทศ ถ้ามีการแจ้งเตือนระหว่างประเทศ เพียงแค่มีการแจ้งเตือนจากนานาชาติเราก็ทำระบบของเราให้เข้มข้นขึ้นเล็กน้อย
น.1 จัดกำลังดูแลเข้มทุกพื้นที่
ด้านพล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ทั้งตำรวจ ทหาร และผู้เกี่ยวข้องได้ประสานการปฏิบัติการดูแลทุกพื้นที่สำคัญในกรุงเทพฯ ภายหลังได้หารือกับหน่วยข่าวกรอง ตำรวจสันติบาล และฝ่ายทหารแล้ว ขอให้ทุกท่านสบายใจได้ว่ายังไม่มีการข่าวที่ระบุถึงกรณีที่จะมีการเข้ามาก่อเหตุความไม่สงบในประเทศไทยแต่อย่างใด รวมถึงสถานทูตฝรั่งเศสไม่ได้มีการร้องขอกำลังในการดูแลเพิ่มเติม สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้คือให้กำลังใจชาวฝรั่งเศส สร้างความมั่นใจในมาตรการรักษาความปลอดภัยของรัฐบาลให้กับชาวต่างประเทศที่เข้ามายังประเทศไทย แนวทางปฏิบัติได้สั่งการให้ผู้ปฏิบัติทุกนายเตรียมแผนไว้เพื่อเตรียมรับทุกสถานการณ์ แม้ว่าจะไม่เกิดขึ้นก็ตาม