- Details
- Category: ASAIN
- Published: Tuesday, 02 September 2014 18:33
- Hits: 6735
อาเซียน-จีนตกลงยกระดับ FTA พร้อมเดินหน้าเจรจา RCEP โดยเร็ว
ไทยโพสต์ : ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ที่กรุงเนปิดอร์ เมียนมาร์ เมื่อเร็วๆ นี้ นอกเหนือจากการติดตามความคืบหน้าการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) การจัดทำวิสัยทัศน์อาเซียนหลังปี 2558 ยังประเด็นที่น่าสนใจ คือ การติดตามความคืบหน้าการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่อาเซียน รวมทั้งไทย ได้ทำกับประเทศคู่เจรจา และการเจรจาขยายการค้าการลงทุนและการแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้ากับประเทศคู่เจรจาต่างๆ
น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าของการเจรจา FTA ที่ไทยได้ร่วมกับอาเซียนเจรจากับประเทศคู่เจรจาต่างๆ ว่า ในส่วนความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) ได้มีการให้การรับรองกรอบการเจรจายกระดับความตกลงแล้ว โดยตกลงที่จะเริ่มการเจรจารอบแรกช่วงปลายเดือนกันยายน 2557 ณ ประเทศเวียดนาม หลังจากที่ผู้นำอาเซียน-และจีนได้เห็นชอบให้มีการยกระดับเมื่อครั้งการประชุมที่บรูไน เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2556
สำหรับแนวคิดการยกระดับ มีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนระหว่างอาเซียนกับจีนให้มีความสอดคล้องต่อการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายของเศรษฐกิจในภูมิภาคและเศรษฐกิจโลก และเพื่อขยายขอบเขตความร่วมมือและการเปิดเสรีทั้งในเชิงกว้างและเชิงลึกทั้งในด้านการค้าสินค้า การค้าบริการ การลงทุน และด้านอื่นๆ เพื่อปรับปรุงสภาพการเข้าสู่ตลาด ตลอดจนการใช้ประโยชน์ ภายใต้ความตกลงระหว่างอาเซียนกับจีน
"เป้าหมายในการปรับปรุงข้อตกลง เพื่อส่งเสริมให้อาเซียนและจีนบรรลุเป้าหมายการค้าอาเซียน-จีนที่มูลค่า 500,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2558 และเป้าหมายการค้าที่มูลค่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2020 ตามที่ผู้นำอาเซียนและจีนได้ตั้งเป้าไว้"น.ส.ชุติมากล่าว
ทั้งนี้ สิ่งที่ไทยจะได้รับประโยชน์จากการยกระดับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านการค้าสินค้า การค้าบริการ และด้านการลงทุน ตลอดจนผลักดันการแก้ไขปัญหามาตรการที่มิใช่ภาษีต่างๆ และยังจะช่วยผลักดันมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับจีนให้บรรลุเป้าหมาย 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2558 ตามที่ผู้นำไทยและจีนได้ตั้งเป้าหมายไว้ได้อีกทางหนึ่งด้วย
น.ส.ชุติมากล่าวว่า ไทยยังได้ร่วมเจรจา FTA อีกกรอบที่สำคัญ ก็คือ กรอบความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ซึ่งรัฐมนตรีอาเซียนได้มอบหมายนโยบายให้เจ้าหน้าที่ไปเร่งสรุปรูปแบบของการเปิดเสรีสินค้าสำหรับยื่นเสนอยกเลิกภาษีนำเข้าเป็นกลุ่มแรก (Initial Offer) โดยจะต้องครอบคลุมจำนวนรายการสินค้าและมูลค่าการค้าระหว่างกันให้มากที่สุด เพื่อเป็นฐานเริ่มต้นในการเจรจาต่อยอดเพื่อให้ RCEP ดีกว่าความตกลง FTA ที่อาเซียนมีอยู่กับคู่เจรจาทั้ง 6 ประเทศในปัจจุบัน
"การเปิดเสรีการค้าสินค้า ไทยได้เน้นย้ำให้สมาชิกปรับประสานอัตราภาษีและเงื่อนไขถิ่นกำเนิดสินค้าที่ปัจจุบันยังมีความแตกต่างกันเป็นอย่างมากในความตกลง FTA ที่อาเซียนทำกับคู่ค้าแต่ละประเทศ โดยในการเจรจา RCEP จะต้องปรับให้มีหลักเกณฑ์เดียวกัน เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้าและลดต้นทุนการค้าให้แก่ผู้ประกอบการ" น.ส.ชุติมากล่าว
ด้านการค้าบริการ ได้เร่งรัดให้เจ้าหน้าที่สรุปรูปแบบการเปิดตลาดการค้าบริการที่เหมาะสมกับประเทศสมาชิก RCEP ให้แล้วเสร็จก่อนการเจรจาคณะกรรมการเจรจาการค้า RCEP ครั้งที่ 6 ในเดือนธ.ค.2557 ที่ประเทศอินเดีย ส่วนการลงทุน จะใช้แนวทางการเปิดตลาดที่ระบุสาขาและมาตรการที่ไม่ต้องการเปิดเสรีลงไปในตารางข้อผูกพัน (Negative List Approach) ซึ่งเป็นแนวทางที่ยอมรับภายใต้ทุกความตกลงของอาเซียนกับประเทศสมาชิก RCEP
น.ส.ชุติมากล่าวว่า สำหรับความร่วมมือในการขยายการค้าและการลงทุน ไทยได้ร่วมกับอาเซียนเจรจากับญี่ปุ่น ซึ่งได้แสดงความพอใจในความสำเร็จของการดำเนินการภายใต้แผนงานยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอาเซียน - ญี่ปุ่น ระยะ 10 ปี (2012-2022) ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาแล้ว 2 ปี พบว่า มีความร่วมมือระหว่างกันเกิดขึ้นมาก โดยเฉพาะในสาขาอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ยานยนต์ เคมีภัณฑ์ การพัฒนา SMEs การพัฒนากฎหมาย และการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจตะวันตกตะวันออก รวมถึงความร่วมมือใหม่ๆ เช่น พลังงาน และสาธารณสุข เป็นต้น
ส่วนกับเกาหลีใต้ ได้แจ้งว่าจะเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำอาเซียน-เกาหลี สมัยพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบความสัมพันธ์ 25 ปี ระหว่างวันที่ 11-12 ธ.ค.2557 ณ เมืองปูซาน โดยจะมีการจัดกิจกรรมคู่ขนานสำหรับภาครัฐและภาคเอกชนด้วย อาทิ การประชุมผู้นำธุรกิจอาเซียนและเกาหลี การปรับปรุงความตกลงการค้าเสรีอาเซียน การจัดตั้งสภาธุรกิจอาเซียน-เกาหลีและการตั้งศูนย์ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมอาเซียน-เกาหลี เป็นต้น
นอกจากนี้ ไทยยังได้ร่วมกับอาเซียนประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (EAS) เพื่อขยายความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน หารือกับแคนาดา ในการขยายการค้าการลงทุน รวมทั้งได้ลงนามแก้ไขความตกลง FTA อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ในด้านสินค้าให้สามารถอำนวยความสะดวกต่อการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการได้มากยิ่งขึ้นด้วย