- Details
- Category: ท่องเที่ยว
- Published: Tuesday, 13 May 2014 23:23
- Hits: 3750
ฮ่องกง เส้นทางที่ไทยควรเลียนแบบ
ไทยโพสต์ : 'ฮ่องกง สวรรค์ของนักช็อป'นี่คือภาพลักษณ์ที่คนทั่วโลกรวมถึงคนไทย รู้จักดินแดนแห่งนี้มาอย่างยาวนาน นักช็อปไม่ว่าจะรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ จะต้องเคยผ่านสมรภูมิการจับจ่ายที่เกาะแห่งนี้มาแล้วทั้งสิ้นเสน่ห์ของฮ่องกง คือ ราคาสินค้าที่ถูกโดนใจ และมีให้เลือกซื้อหลากหลาย โดยเฉพาะสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่น รวมถึงสินค้าแบรนด์เนม ที่สามารถเขย่ากระเป๋านักช็อปได้ทั่วทั้งเกาะ ยังไม่รวมถึงสินค้าคอสเมติก (เครื่องสำอาง) ก็ถือว่าเป็นไฮไลต์ โดยเฉพาะคุณสาวๆ นี่มือไม้สั่นกันเลยทีเดียว ไม่ต้องตกใจ ฮ่องกงมีร้านค้าให้เลือกซื้อมากมาย ชนิดซอยต่อซอยกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะร้านค้าเครื่องสำอางแนวคอนวีเนียนสโตร์ หรือร้านสะดวกซื้อ ที่มีกันอยู่ แทบจะทุกซอย ทุกถนน ไม่ว่าจะเป็น Sasa, Bonjure, Colourmix และ Watsons ซึ่งร้านค้าประเภทนี้มีมากมาย ชนิดที่ 7-11 อายกันเลยทีเดียว
และนอกจากสินค้าเครื่องสำอางแล้ว บรรดาของฝากของกินของที่นี้ก็ขึ้นชื่อไม่น้อยหน้า มีร้านอาหารชื่อดังมากมายเปิดอยู่ทั่วทั้งเกาะ แถมยังมีเจ้าเก่าเจ้าดังที่เปิดทำการค้าให้เลือกชิมอีกเพียบ
ส่วนเรื่องสถานที่ท่องเที่ยว แม้จะไม่ค่อยอลังการ หากเทียบกับที่ประเทศอื่นๆ แต่สิ่งที่มีอยู่ก็แก้ลำ คือ บรรดาอีเวนต์ต่างๆ รวมถึงการพยายามสร้างสรรค์แหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ขึ้นมาดึงดูดนักท่องเที่ยวตลอด ก็สามารถตอบโจทย์นักท่องเที่ยวประเภท'ช็อป ชิม ชิล'ได้อย่างดี
ต้องยอมรับว่า ฮ่องกงวางจุดแข็งในการทำตลาดท่องเที่ยวได้ชัดเจนมาก และยังคงเป็นจุดแข็งที่ยากจะหาคู่แข่งมาต่อกรได้ยาก จนฮ่องกงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเกรดเอบนแผนที่การท่องเที่ยวโลกไปแล้ว ดูจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนฮ่องกงเมื่อปีก่อน จำนวน 54.3 ล้านคน เพิ่มขึ้น 11.7% มากกว่าไทยเป็นเท่าตัว ทั้งๆ ที่เทียบขนาดพื้นที่แล้ว ฮ่องกงมีขนาดเล็กกว่า กทม.ของเราเสียอีก
เห็นได้ชัดเจนว่าฮ่องกงสามารถเป็นตัวอย่างที่ดีที่ไทยจะสามารถรับเอาสิ่งดีๆ มาพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศเราได้ โดยเฉพาะการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เพื่อเรียกแขกจากต่างประ เทศให้ขนเงินมาละลายในไทย
อย่างในปี 2557 นี้ ทางการท่องเที่ยวของฮ่องกง ก็มาเสนอจุดขายการท่องเที่ยวภายใต้คอนเซ็ปต์ Asia's World City แสดงให้เห็นถึงความเป็นมหานครระดับโลกของเอเชีย และภายในธีมนี้ ก็จะมีการเปิดตัวแหล่งท่องเที่ยวใหม่อีกเพียบ อาทิ ท่าเรือสำราญไค ตั๊ก ครุยซ์ เทอร์มินัล ซึ่งได้เปิดให้บริการแล้วบางส่วน และจะเปิดอย่างเต็มรูปในปี 2558 และยังมีคอมิก โฮมเบส (Comix Home Base) ที่ตั้งบนอาคารเก่าในเขตหว่านไจ๋ โดยตั้งใจจะให้เป็นแหล่งรวมข้อมูลด้านอุตสาหกรรมการ์ตูนและแอนิเมชั่นของฮ่องกง และเป็นสถานที่แสดงเวิร์กช็อปให้ผู้ที่สนใจด้วย โดยฮ่องกงมีอุตสาหกรรมแอนิเมชั่นที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา
ย้อนกลับมาที่ประเทศไทยกันบ้าง การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ยังไม่ค่อยเป็นรูปธรรมมากนัก ตอนนี้ไทยเราเรียกได้ว่าขายของเก่ากิน แต่เพราะสถานที่ท่องเที่ยวของเราส่วนใหญ่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรม ซึ่งปกติมันสามารถขายได้ตลอดอยู่แล้ว
แต่ความจริงก็ไม่ควรประมาท เพราะหากไม่มีการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เลย และปล่อยให้แหล่งท่องเที่ยวที่มีอยู่เสื่อม โทรม หรือขายของเก่าซ้ำซาก สุดท้ายก็สร้างความเบื่อหน่าย และลูกค้าของเราก็คงจะค่อยๆ หายไป ดังนั้น หวังว่าในอนาคตไทยเราจะมีการสร้างแหล่งท่องเที่ยว แลนด์มาร์กใหม่ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เพิ่มมากขึ้น
สำหรับการพัฒนาการท่องเที่ยวก็มีอยู่หลายมิติ ไม่ใช่แค่สร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่อย่างเดียว ยังมีเรื่องการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง เรื่องของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาระบบตรวจคนเข้าเมือง การออกมาตรการลดหย่อน รวมไปถึงการเชิญชวนเอกชนลงทุนการสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ซึ่งเชื่อว่าไทยมีศักย ภาพที่ทำได้ หรือการสร้างแหล่งช็อปปิ้งใหม่ๆ และยกระดับเป็นแหล่งช็อปปิ้งประจำภูมิภาคได้
ปัจจุบันในเรื่องของแหล่งช็อปปิ้งในไทยเอง นับว่ายังห่างชั้นกับฮ่องกงและสิงคโปร์ แต่ก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้น เพราะบรรดานักลงทุนรายใหญ่ของไทย อย่างกลุ่มเซ็นทรัล และเดอะมอลล์ ก็เร่งขยายการลงทุน ระดับรวมๆ กันหลายแสนล้าน เพื่อจะยกระดับแหล่งช็อปปิ้งของเรา เพื่อให้ทัดเทียมกับฮ่องกง สิงคโปร์ ล่าสุด ค่ายเซ็นทรัลก็เปิดตัวห้างระดับไฮเอนด์อย่าง เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ ที่ย่านชิดลม, ส่วนค่ายเดอะมอลล์ ก็ยึดทำเลสุขุมวิท เปิดตัว "ดิ เอ็มควอเทียร์" และ'ดิ เอ็มสเฟียร์'สร้างสวนสวรรค์นักช็อปเช่นกัน แถมยังรอลุ้นรัฐบาลชุดใหม่จะพิจารณาลดภาษีสินค้าแบรนด์เนมอีก ถ้าสามารถคุยกันตกผลึกและลดได้จริง ก็น่าจะมีส่วนที่ดึงนักท่องเที่ยวเข้าเมืองไทยได้อีกมาก
อีกประเด็นที่ควรจะมีการพัฒนาต่อไปคือ เรื่องการพัฒนาสินค้า ซึ่งตอนนี้ไทยเองถือเป็นประเทศที่มีอู่ข้าวอู่น้ำอุดมสมบูรณ์ อาหารก็มีให้เลือกมากมาย สามารถแปรรูปสินค้ามากมายสำหรับขายให้กับนักท่องเที่ยว ก็แปลกใจไม่ใช่น้อย อย่างเกาหลี ญี่ปุ่น ที่ปลูกกล้วยไม่ได้ แต่ขนมรสกล้วยของเขากลับขายดี ไทยเองมีวัตถุ ดิบมากมาย น่าจะสามารถต่อยอดเป็นของฝาก และของดีประ เทศไทยได้ แต่สิ่งเหล่านี้จะต้องมีคนที่ความรู้มาแนะแนวและช่วยคิดพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ ไทยจำเป็นต้องสร้างสินค้าแบรนด์ไทยให้แข็งแกร่ง อย่างน้อยถ้ามีแบรนด์แบบ "นารายา" เพิ่มอีกซัก 5-10 แบรนด์ เชื่อว่าไทยจะก้าวไกลไปโลด
และยังมีอีกไอเดียที่น่าสนใจจากฮ่องกงที่น่าจะหยิบมาลองใช้พัฒนาที่บ้านเราบ้าง นั่นก็คือ การเปิดห้างสรรพสินค้าเอาต์เล็ตแบบชนิดรวมศูนย์ ซึ่งเห็นตัวอย่างห้างซิตี้เกทที่ฮ่องกงนั้น ประสบความสำเร็จอย่างดี ในห้างมีสินค้าแบรนด์ดังและแบรนด์เนมมาจำหน่ายในราคาแบบลดสุดซอย ชนิดหั่นราคากว่าครึ่งมาวางขาย ซึ่งสามารถดูดเงินนักท่องเที่ยวอย่างมหาศาล ในไทยเองยังเห็นเอาต์ เล็ตมอลล์กระจัดกระจาย ถ้ามีการรวมศูนย์ และสร้างเป็นจุดขาย น่าจะเรียกเงินต่างประเทศได้ไม่ใช่น้อย
นี่คือสิ่งดีๆ ที่เห็นจากเมืองท่องเที่ยวระดับโลกอย่างฮ่องกง หวังว่าของดีๆ เหล่านี้ ไทยเราสามารถนำมาปรับใช้ ต่อยอดใช้ประ โยชน์ได้
จากนี้ก็หวังให้การเมืองของเราคลี่คลาย และมีรัฐบาลใหม่ เพื่อจะได้ผลักดันนโยบายการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่.