- Details
- Category: ท่องเที่ยว
- Published: Thursday, 27 April 2017 09:04
- Hits: 8763
ผลสำรวจสุดยอดจุดหมายปลายทางในเอเชีย แปซิฟิคของมาสเตอร์การ์ด ประจำปี 2017 เผยกรุงเทพยังครองแชมป์สุดยอดจุดหมายปลายทาง ขณะสิงคโปร์ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายสูงสุด
ในขณะที่กรุงเทพมหานครเป็นสุดยอดจุดหมายปลายทางที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากที่สุด สิงคโปร์ยังคงนำหน้าด้านยอดการใช้จ่ายสูงสุด เป็นอีกหนึ่งบทสรุปจากผลสำรวจสุดยอดจุดหมายปลายทางในเอเชีย แปซิฟิค จัดทำโดยมาสเตอร์การ์ด ประจำปี 2560 (Mastercard Asia Pacific Destinations Index 2017) ที่ถูกเผยแพร่ ณ การประชุมสุดยอดสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก (World Travel & Tourism Council Global Summit) จัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ในวันนี้
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา (2558 – 2559) สิงคโปร์มีอัตราการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวเติบโตขึ้นถึง 18% นับเป็น 1 ใน 5 จุดหมายปลายทางในกลุ่มประเทศ 20 อันดับแรกด้านการใช้จ่าย ที่มียอดการใช้จ่ายอย่างน้อย 200 เหรียญสหรัฐต่อวัน โดยสิงคโปร์ครองอันดับหนึ่งที่มียอดใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวสูงถึง 254 เหรียญสหรัฐต่อวัน ตามด้วย ปักกิ่ง (242 เหรียญสหรัฐต่อวัน) เซี่ยงไฮ้ (234 เหรียญสหรัฐต่อวัน) ฮ่องกง (242 เหรียญสหรัฐต่อวัน) และไทเป (208 เหรียญสหรัฐต่อวัน)
จากผลสำรวจดังกล่าว พบว่า ปี 2559 เป็นปีที่น่าตื่นเต้นสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค
ด้วยแรงขับเคลื่อนของความมั่งคั่งในกลุ่มประเทศกำลังเติบโต (emerging markets) ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้มีความคึกคักตามไปด้วย นับเป็นภูมิภาคที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีอัตราเติบโตสูงที่สุดในโลก นับจากสัดส่วนของจีดีพีที่สูงถึง 8.5% ของจีดีพีรวมของเอเชียแปซิฟิค และ 8.7% ของอัตราการว่าจ้างของปีที่แล้ว[1]
จำนวนนักท่องเที่ยวที่มาค้างคืนพุ่งตัวสูงขึ้น
ครึ่งหนึ่งของจุดหมายปลายทางที่มีนักท่องเที่ยวสูงสุด 20 อันดับแรกในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิคนั้น มีอัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาค้างคืนเพิ่มขึ้นถึง 10% จากปี 2558 ถึง 2559 โดยจุดหมายปลายทางที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเติบโตดังกล่าวอยู่ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ โซล (32.7%) โอซาก้า (23.8%) บาหลี (22.5%) โตเกียว (22.2%) ฮอกไกโด (21.9%) ชิบะ (21.5%) และพัทยา (20.6%)
การเติบโตดังกล่าวชี้ถึงโอกาสอันดี ที่รัฐบาล หน่วยงานด้านการท่องเที่ยว และร้านค้าต่างๆจะได้รับประโยชน์ที่มากยิ่งขึ้นทั้งทางด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการพัฒนาสาธารณูปโภค ภาครัฐและภาคเอกชนได้ร่วมกันสร้างสถานที่ให้กับนักท่องเที่ยวและผู้อยู่อาศัยในพื้นที่นั้นๆ รวมถึงการพัฒนาการเดินทางไปสู่จุดหมายท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืน
โดยรวมแล้ว นักท่องเที่ยวที่พักค้างคืนของจุดหมายปลายทางทั้ง 171 ของเอเชีย แปซิฟิคในปี 2558 มีจำนวนสูงถึง 339.2 ล้านคน (9.8% CAGR[2] ระหว่างปี 2552 – 2559) นำโดยกรุงเทพ ที่มีผู้มาเยือนจำนวน 19.3 ล้านคน ตามด้วย สิงคโปร์ (13.1 ล้านคน) โตเกียว (12.6 ล้านคน) โซล (12.4 ล้านคน) และกัวลาลัมเปอร์ (11.3 ล้านคน) จีนยังคงเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางออกนอกประเทศที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย แปซิฟิค โดยมีนักท่องเที่ยวออกมาพักค้างคืนมากถึง 55 ล้านคนในปีที่แล้ว ซึ่งนับเป็น 16.2% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่พักค้างคืนทั้งหมด
10 อันดับแรกของจุดหมายปลายทางที่มีนักท่องเที่ยวมาพักค้างคืน ได้แก่:
- กรุงเทพ – 19.3 ล้าน
- สิงคโปร์ – 13.1 ล้าน
- โตเกียว – 12.6 ล้าน
- โซล – 12.4 ล้าน
- กัวลาลัมเปอร์ – 11.3 ล้าน
- ภูเก็ต – 9.1 ล้าน
- ฮ่องกง – 8.9 ล้าน
- พัทยา – 8.1 ล้าน
- โอซาก้า – 7.4 ล้าน
- ไทเป – 7.4 ล้าน
จำนวนคืนที่พักสูงที่สุดในประวัติกาล
นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเอเชีย แปซิฟิคมีจำนวนมากขึ้นและยังใช้เวลาในภูมิภาคนี้ยาวนานขึ้นในแต่ละครั้งอีกด้วย ในปี 2559นักท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ค้างคืนรวมทั้งสิ้นมากถึง 1,768.7 ล้านคืน โดยนับเป็น 8.1% CAGR จาก 1023.1 ล้านคืนในปี 2552 กรุงเทพฯ ครองอันดับหนึ่งที่ 87.6 ล้านคืน ตามด้วย ซิดนีย์ในอันดับสองที่ 87.5 ล้านคืน และ กัวลาลัมเปอร์ที่ 76.7 ล้านคืน
เมื่อเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวค้างคืนที่มาเยือน (ซิดนีย์อยู่ในอันดับที่ 20) จำนวนคืนที่พักในซิดนีย์มีความโดดเด่นอย่างมาก อัตราส่วนของจำนวนการค้างคืนเฉลี่ยของซิดนีย์และจำนวนนักท่องเที่ยวที่ค้างคืนทั้งหมดต้องถูกแบ่งให้กับจุดหมายปลายทางอื่นๆ ในออสเตรเลีย อาทิ เมลเบิร์นและบริสเบน เนื่องจากนักท่องเที่ยวส่วนมากเดินทางมาไกลกว่าจะถึงออสเตรเลียจึงทำให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะค้างอยู่นานขึ้น เพื่อให้คุ้มค่าการเดินทาง
10 อันดับแรกของจุดหมายปลายทาง เรียงตามจำนวนคืนที่ค้างทั้งหมด:
- กรุงเทพ – 87.6 ล้าน
- ซิดนีย์ – 87.5 ล้าน
- กัวลาลัมเปอร์ – 76.7 ล้าน
- โตเกียว – 74.3 ล้าน
- เมลเบิร์น – 62.9 ล้าน
- บาหลี – 62.4 ล้าน
- สิงคโปร์ – 60.7 ล้าน
- โซล – 56.0 ล้าน
- บริสเบน – 51.8 ล้าน
- ไทเป – 47.8 ล้าน
อัตราการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวพุ่งตัวสูงขึ้นเกือบสองเท่าตัว
เนื่องจากชนชั้นกลางในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิคเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้การใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจาก 1.415 แสนล้านเหรียญสหรัฐในปี 2552 เป็น 2.449 แสนล้านเหรียญสหรัฐในปี 2559 ซึ่งนับเป็น 8.2% CAGR นอกจากนี้ บรรดาเมืองที่มาของนักท่องเที่ยว 20 อันดับแรกยังได้สร้างรายได้ให้แก่การท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้รวมถึง 2.015 แสนล้านเหรียญสหรัฐในปี 2559
กลุ่มนักท่องเที่ยวจากเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือจำนวนมากช่วยเพิ่มรายได้เหล่านี้อย่างยิ่ง โดยผลสำรวจนี้เผยว่า ประเทศจีน (17.7%) และเกาหลีใต้ ( 8.8%) เป็นสองประเทศที่สร้างรายได้ให้แก่การท่องเที่ยวสูงสุดในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค ทั้งนี้ สองประเทศดังกล่าวยังเป็นตลาดที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปยังสิงคโปร์ (จีนเป็นอันดับ 1) กรุงเทพ (จีนเป็นอันดับ 1) และโตเกียว (เกาหลีเป็นอันดับ 1 และจีนเป็นอันดับ 2) ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่มีการใช้จ่ายสูงที่สุด จุดหมายปลายทางเหล่านี้ยังเป็นแหล่งช็อปปิ้งและร้านอาหารชื่อดังระดับโลกที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่นักท่องเที่ยวชาวจีนและเกาหลีใต้
10 อันดับแรกของจุดหมายปลายทางในเอเชียแปซิฟิค เรียงจากการใช้จ่ายสูดสุด:
- สิงคโปร์ – US$1.54 หมื่นล้าน
- กรุงเทพ – US$1.27 หมื่นล้าน
- โตเกียว – US$1.11 หมื่นล้าน
- ไทเป – US$9.9 พันล้าน
- โซล – US$9.4 พันล้าน
- บาหลี – US$8.7 พันล้าน
- ภูเก็ต – US$8.3 พันล้าน
- กัวลาลัมเปอร์ – US$7.3 พันล้าน
- ซิดนีย์– US$6.8 พันล้าน
- ฮ่องกง – US$6.6 พันล้าน
ผลสำรวจ สุดยอดจุดหมายปลายทางในเอเชีย แปซิฟิคของมาสเตอร์การ์ด ประจำปี 2560 (Mastercard Asia Pacific Destinations Index 2017) เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของมาสเตอร์การ์ดที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ เพื่อช่วยให้อุตสาหกรรม รัฐบาล และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอื่นๆ มีความรู้ความเข้าใจและสามารถตอบสนองต่อความต้องการของนักท่องเที่ยวได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
รายงานดังกล่าวสามารถดาวน์โหลดได้ที่: http://news.mstr.cd/2oDfWIS
เกี่ยวกับ ผลสำรวจจุดหมายการเดินทางในเอเชีย แปซิฟิคของมาสเตอร์การ์ด (Mastercard Asia Pacific Destinations Index)
ผลสำรวจจุดหมายการเดินทางในเอเชีย แปซิฟิคของมาสเตอร์การ์ด (Mastercard Asia Pacific Destinations Index) เป็นส่วนขยายของผลสำรวจจุดหมายการเดินทางระดับโลกประจำปีของมาสเตอร์การ์ด (Mastercard Global Destination Cities Index)
ไม่นานนี้ จำนวนเมืองต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิคที่กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่มีอัตราการเติบโตและการมาเยือนของนักท่องเที่ยวสูงที่สุดในโลก ได้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ผลสำรวจจุดหมายการเดินทางระดับโลกประจำปีของมาสเตอร์การ์ด ประจำปี 2016 (2016 Mastercard Global Destination Cities Index) ชี้ให้เห็นว่า 5 ใน 10 เมืองที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดของโลกนั้นอยู่ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค
ผลสำรวจจุดหมายการเดินทางในเอเชีย แปซิฟิค นั้น เน้นสำรวจเทรนด์การท่องเที่ยวในเชิงลึกและโฟกัสมากขึ้น โดยจัดอันดับจุดหมายปลายทางทั้งหมด 171 แห่ง รวมถึงรีสอร์ทตามเกาะต่างๆ เมืองเล็ก และเมืองใหญ่ ทั่วทั้งภูมิภาค ผ่านเกณฑ์ต่างๆ อาทิ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาถึงในช่วงเวลากลางคืน เม็ดเงินการใช้จ่ายนอกประเทศ และจำนวนคืนที่พักในแต่ละจุดหมาย จุดหมายปลายทางทั้ง 171 แห่งนี้ ได้รับการคัดเลือกจาก 22 ประเทศในเอเชีย แปซิฟิค และนับเป็น 90% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ค้างคืนภายในภูมิภาคนี้
ผลสำรวจนี้ใช้ข้อมูลสาธารณะในการคำนวนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาค้างคืนและการใช้จ่ายนอกประเทศของแต่ละจุดหมาย โดยใช้กระบวนการที่คิดมาเพื่อการคำนวนโดยเฉพาะ ผลสำรวจและรายงานอื่นๆ ไม่ได้อิงจากข้อมูลการใช้งานของมาสเตอร์การ์ด
เกี่ยวกับมาสเตอร์การ์ด
MasterCard (NYSE: MA เว็บไซต์ www.mastercard.com ) เป็นบริษัทเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมการชำระเงินระดับสากล บริษัทฯ ดำเนินงานผ่านเครือข่ายกระบวนการชำระเงินที่รวดเร็วที่สุดในโลก เชื่อมต่อผู้บริโภค สถาบันการเงิน ผู้ค้า หน่วยงานรัฐบาล และ ธุรกิจในกว่า 210 ประเทศ ผลิตภัณฑ์ และโซลูชั่นของมาสเตอร์การ์ดช่วยให้ธุรกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การจับจ่ายซื้อสินค้า การท่อง เที่ยว การดำเนินธุรกิจ และการจัดการทางการเงิน เป็นเรื่องง่ายขึ้น ปลอดภัยขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อทุกคนที่เกี่ยวข้อง ติดตามความเคลื่อนไหวของบริษัทฯ ได้ทาง ทวิตเตอร์ที่ @MasterCardAP และ @MasterCardNews ร่วมสนทนากับบริษัทฯ ผ่านทาง Beyond the Transaction Blog และ สมัครที่นี่ เพื่อติดตามข่าวสารล่าสุดผ่าน Engagement Bureau