- Details
- Category: ท่องเที่ยว
- Published: Saturday, 02 January 2016 18:02
- Hits: 3912
อาทิตย์เอกเขนก : จับตานักท่องเที่ยวจีนบุกไทย ททท.ปรับยุทธศาสตร์เน้นคุณภาพรับศก.โต
ไทยโพสต์ : ผ่านไปแล้วสำหรับงาน China International Travel Mart (CITM) ที่จัดขึ้นในวันที่ 13-15 พ.ย.2558 ที่ศูนย์นิทรรศการ Dianchi International Convention and Exhibition Center ณ นครคุนหมิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน การจัดงานครั้งนี้เป็นครั้งที่ 17 โดยในแต่ละครั้งจะสลับสถานที่การจัดงานระหว่าง เขตการปกครองพิเศษเซี่ยงไฮ้ มณฑลเจ้อเจียง และนครคุนหมิง สำหรับในปี 2558 นั้น มีผู้ประกอบการจากประเทศไทยเข้าร่วมทั้งหมด 52 ราย โดยมีทั้งธุรกิจโรงแรม นำเที่ยว ด้านบันเทิง การค้าและการบิน
สำหรับ คูหาของประเทศไทยภายใต้ความรับผิดชอบของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในครั้งนี้ มีการตกแต่งแนวร่วมสมัยภายใต้แนวคิด ‘ความเป็นไทย’ โดยมีการนำเอาเรือพายที่ใช้ในการค้าขายโดยการคมนาคมทางน้ำ และตกแต่งด้วยผลไม้ที่เป็นเอกลักษณ์ของเขตร้อน เช่น ทุเรียน มะม่วง ขนุน เป็นจุดสำคัญในการดึงดูดความสนใจของผู้เข้าชมงาน โดยมีผู้ที่สนใจและเข้ามาถ่ายรูปร่วมหน้าบูธของประเทศไทยเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากงานตัวเลขทางธุรกิจอาจยังไม่เกิดขึ้นทันที แต่งานนี้หวังให้ผู้ประกอบการไทยมีประสบการณ์ในเวทีโลกได้เจรจาธุรกิจโดยตรง ซึ่งเป็นการพัฒนาตัวผู้ประกอบการเองรวมถึงสินค้าและบริการไปในตัว
นอกจากจะได้รับเกียรติจาก "กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร"รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มาร่วมเปิดคูหาแล้ว ยังได้รับเกียรติจากผู้อำนวยการสำนักงาน ททท.ทั้ง 5 ท่าน ที่ประจำอยู่ใน 5 เมืองหลักของจีน ได้แก่ กรุงปักกิ่ง นครคุนหมิง นครเฉิงตู นครกว่างโจว และนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งการที่ประเทศไทยสามารถตั้งสำนักงาน ททท.ได้ถึง 5 แห่ง ในประเทศจีน นับว่ามีนัยสำคัญในด้านความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ประเทศ เนื่องจากถือว่าเป็นความสัมพันธ์ในลักษณะพิเศษ เพราะที่ผ่านมาประเทศจีนเองจะไม่ค่อยยอมให้ใครไปตั้งสำนักงานใดๆ ในประเทศง่ายๆ
โดยนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยในปี 2557 มีจำนวนทั้งหมดมากกว่า 4,600,000 คน สร้างรายได้ให้ประเทศไทยกว่า 220,000 ล้านบาท ซึ่งนอกจากเป็นเพราะการทำงานอย่างเต็มที่ของทางเจ้าหน้าที่ ททท. และผู้ที่เกี่ยวข้องแล้วนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าอีกปัจจัยสำคัญประการหนึ่ง คือภาพยนต์ที่ชื่อว่า Lost in Thailand ของนายสวี่เจิง นักแสดงตลกชาวจีนที่ทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในหมู่ชาวจีน และต้องอย่าลืมว่าในขณะนั้นประเทศไทยยังมีปัญหาการเมืองภายในประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่นลดลงไป แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวจีนมาช่วยพยุงเอาไว้
อย่างไรก็ตามในปี 2558 ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.ย.มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาในไทยแล้วกว่า 6,000,000 คน ซึ่งตัวเลขอาจพุ่งสูงถึง 8,000,000 คน ในช่วงสิ้นปีนี้ ซึ่งทาง ททท.สาขาในประเทศจีนได้ทำการสำรวจพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจีนที่มาจากแต่ละเมืองว่า นิยมการท่องเที่ยวรูปแบบใด อย่างเช่น นักท่องเที่ยวจากเซี่ยงไฮ้ และปักกิ่ง จะนิยมท่องเที่ยวด้วยตนเอง และด้วยความที่เป็นชาวจีนสมัยใหม่ ซึ่งเน้นเรื่องการซื้อของแบรนด์เนม และต้องการการบริการแบบไฮเอนด์ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวที่มาจากเมืองเฉิงตู แต่แตกต่างกันในเรื่องของการท่องเที่ยวเป็นกลุ่มทัวร์ ซึ่งหากจับจุดนี้ได้ ก็จะสามารถตอบโจทย์นักท่องเที่ยวได้ดีขึ้น หมายถึงรายได้ที่เข้าประเทศที่มากขึ้นตามไปด้วย
สำหรับ ประเด็นร้อนในประเทศไทยที่กำลังถูกวิจารณ์อยู่ในขณะนี้คือ โฆษณาตัวใหม่ชื่อว่า Amazing Thailand Luxury : Where Life Rule Everything โดยแสดงภาพความหรูหรา ไม่ว่าจะเป็นการตีกอล์ฟบนเรือยอชต์ส่วนตัวกลางทะเลอันดามัน การนั่งเครื่องบินส่วนตัวลงจอดกลางทะเล หรือการจ้างบาร์เทนเดอร์มาชงค็อกเทลในสถานที่ส่วนตัว เพื่อเป็นการโปรโมตการท่องเที่ยวประเทศไทยในสไตล์หรูหราที่แตกต่างออกไป ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘ที่ที่ชีวิตกำหนดได้ทุกอย่าง’ (ถ้ามีเงินมากพอ) ซึ่งสอดคล้องกับแผนการผลักดันของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ในเรื่องของการเน้น "คุณภาพ" ของนักเที่ยวมากกว่าปริมาณในอนาคต ซึ่งในส่วนของประเทศจีนที่ขณะนี้มีเศรษฐีรายใหม่เกิดขึ้นอย่างมากมาย เนื่องจากการพัฒนาภายในประเทศกอปรกับจำนวนประชากรมหาศาลในประเทศ โดยหากมองในมุมกลับแล้วก็ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจของประเทศไทยด้วยเช่นกัน เพราะนอกจากความร่วมมือระหว่างประเทศในส่วนของความร่วมมือในการสร้างรางรถไฟระหว่างรัฐบาลทั้งสองประเทศแล้ว การพบปะกันระหว่างนักธุรกิจของทั้ง 2 ประเทศผ่านการท่องเที่ยวก็เป็นการเปิดโอกาสในความร่วมมือกันทางธุรกิจได้เช่นกัน
นิมิตหมายอันดีอีกส่วนหนึ่ง คือการเพิ่มจำนวนของนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาในประเทศไทยผ่านการขับรถเข้าประเทศไทยทั้งมาแบบเดียวหรือแบบคาราวาน จากมณฑลยูนนาน มายัง จ.เชียงราย โดยสอดรับกับการเปิดประชาคมอาเซียนในอนาคต และทางไทยเองได้มีการผลักดันในรูปแบบของการท่องเที่ยวสี่เหลี่ยมทองคำ ได้แก่ พม่า-ลาว-ไทย-จีน และเมื่อเปิดประชาคมแล้ว นักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวก็จะสามารถเดินทางไปยังประเทศรอบๆ ภูมิภาคได้ต่อไป
ทั้งนี้ สิ่งสำคัญคือเรื่องการเตรียมตัวของไทยเองเพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น โดยมีประเด็นสำคัญ คือการรับมือกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวชาวจีน อันเป็นที่โจษจันเกือบทั่วโลก โดยต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างทั้ง 2 ประเทศ ในการสร้างความรู้ความเข้าใจในความแตกต่างของวัฒนธรรมทั้ง 2 ประเทศ รวมทั้งการพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยวของทั้ง2ประเทศโดยมีจุดมุ่งหมายคือการท่องเที่ยวอย่างมีคุณภาพ และสร้างความประทับใจแก่ผู้ที่มาประเทศไทยครั้งแรก เพื่อจะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวซ้ำอีก รวมถึงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวนอกจาก กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ ที่เป็นแลนด์มาร์คหลักๆ ของนักเที่ยวชาวจีน ซึ่งขณะนี้การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ อย่างเช่น การออกกำลังกายโดยวิ่งมาราธอน การนวด/อบบำบัด เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวชาวจีนมากขึ้นเรื่อยๆ จึงอาจเป็นจุดสำคัญในการสร้างความหลากหลายในการดึงดูดนักท่องเที่ยวในอนาคต
ด้าน นางอมรรัตน์ ภูริพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายขายภายในประเทศ ของบริษัท ซาฟารี เวิลด์ เปิดเผยภายหลังจากการเดินทางไปร่วมงาน CITM 2015 ที่ผ่านมา ว่า การเดินทางไปในครั้งนี้ไม่ได้หวังผลในเรื่องของยอดขายที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว แต่ต้องการประชาสัมพันธ์ ให้ชาวจีนในนครคุนหมิงได้รู้จักกับบริษัท รวมทั้งยังเป็นการแลกเปลี่ยน แนะนำ ข้อมูลทางธุรกิจกับเอเยนต์ชาวจีน รวมทั้งการนำเอาข้อมูลที่ได้มาไปต่อยอดเพื่อปรับปรุงการบริการและเตรียความเหมาะสมเพื่อดึงดูดลูกค้าต่อไป สำหรับลูกค้าชาวจีนที่เข้ามา แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือลักษณะของกลุ่มทัวร์ขนาดใหญ่ ที่มีทุกช่วงวัย และลูกค้าที่ท่องเที่ยวด้วยตนเอง ซึ่งเป็นวัยรุ่น ที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารได้ โดยนักท่องเที่ยวชาวจีนจะมีมากที่สุดในช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย.ซึ่งทางบริษัทฯ จะจัดกิจกรรมที่ทำให้เกิดความสนุกสนาน อย่างเช่น ก่อนการแสดงโลมาที่ถือเป็นไฮไลต์ ก็จะมีการเปิดเพลงจีนให้นักท่องเที่ยวจีนได้ลุกขึ้นเต้นและร่วมสนุกกับนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ เป็นต้น.
Bobby 216