- Details
- Category: ท่องเที่ยว
- Published: Monday, 23 June 2014 23:31
- Hits: 3523
รายงานพิเศษ: 'ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์' เจาะลูกค้าพม่ารองรับศักยภาพท่องเที่ยวเติบโตเร็ว
ไทยโพสต์ : คงไม่มีนักธุรกิจคนใดปฏิเสธว่า 'ประเทศที่กำลังเนื้อหอม' มากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ที่น่าเข้าไปลงทุนประกอบกิจการมากที่สุดในเวลานี้ คือ 'เมียนมาร์'หรือพม่า หลังจากรัฐบาลเผด็จการทหารยอมเปิดประเทศและจัดการ 'เลือกตั้ง' เมื่อปี 2553 ถึงแม้ว่าทุกวันนี้ทหารยังมีอิทธิพลต่อรัฐบาล แต่ในช่วงระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เศรษฐกิจเมียนมาร์เติบโตชนิดก้าวกระโดด เงินลงทุนต่างประเทศหลั่งไหลเข้าไปอย่างไม่ขาดสาย
จากในอดีต เศรษฐกิจดินแดนลุ่มน้ำอิรวดีแห่งนี้ถูกมองว่าด้อยพัฒนาที่สุดในโลก ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เติบโตอัตราเฉลี่ย 2-3 เปอร์เซ็นต์ต่อปี แต่หลังจากเปิดประเทศมีการประเมินว่า เศรษฐกิจเริ่มเติบโตพุ่งพรวดในอัตราเฉลี่ย 7 เปอร์เซ็นต์ต่อปี สภาพเศรษฐกิจคึกคัก ประชาชนเริ่มจับจ่ายใช้สอยเพราะมีกำลังซื้อมากขึ้น ตลาดร้านค้าเนืองแน่นไปทั้งคนพื้นเมืองและต่างชาติ การก่อสร้างตึก อาคาร บริษัท ห้างร้าน โรงแรมและศูนย์การค้า กำลังผุดขึ้นตลอดสองฝั่งถนนในกรุงย่างกุ้ง แม้ว่าจะย้ายเมืองหลวงแห่งใหม่ไปอยู่ที่กรุงเนปิดอว์แล้วก็ตาม
กรุงย่างกุ้ง ไม่เพียงแต่เป็นศูนย์รวมเศรษฐกิจการค้าเท่านั้น หากยังเป็นที่ตั้งศูนย์รวมจิตใจของชาวเมืองนั่นคือ 'มหาเจดีย์ชเวดากอง'ซึ่งถือเป็นต้นทุนทางมรดกวัฒนธรรมที่บรรพบุรุษมอบไว้ให้ และกลายเป็นหนึ่งในสถานที่เป้าหมายปลายสำคัญของนักท่องเที่ยวต่างชาติ กล่าวกันว่าหากมาเมียนมาร์แล้วไม่ได้ไปเยือนเจดีย์แห่งนี้ก็เหมือนมาไม่ถึง นี่คือเหตุผลที่ทำให้กรุงย่างกุ้งยังคงเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เพราะเม็ดเงินหมุนเวียนไม่หยุดหย่อน
การเปิดประเทศของเมียนมาร์ ไม่เพียงแต่มีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยในฐานะเพื่อนบ้านเท่านั้น แต่การรวมตัวของประเทศสมาชิกในกลุ่มอาเซียน หรือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ที่จะก่อตั้งในปลายปี 2558 ยังมีอานิสงส์ต่อโอกาสการเข้าไปตั้งธุรกิจสถานประกอบการ หรือขยายบริการในประเทศแห่งนี้ได้อย่างเสรีมากขึ้นกว่าอดีตที่ผ่านมา
ธุรกิจการท่องเที่ยว เป็นอีกหนึ่งภาคธุรกิจที่ก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัดเจน ล่าสุด 'สายการบินไทยแอร์เอเชีย'ได้เชิญสื่อมวลชนไปร่วมสำรวจตลาดและโอกาสทางธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศเมียนมาร์ ระหว่างวันที่ 14-16 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยเริ่มต้นจากบินตรงสู่เมือง 'ย่างกุ้ง'แล้วออกเดินทางสู่เมือง 'หงสาวดี'ซึ่งคนมอญเรียกเมือง 'พะโค' ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งมหาเจดีย์ชเวมอดอร์ หรือพระธาตุมุเตา เจดีย์ที่มีความสูงที่สุดในเมียนมาร์ อายุเก่าแก่กว่า 2,000 ปี ภายในบรรจุพระเกศาธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และยังเป็น 1 ใน 5 ‘มหาบูชาสถานสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด’ของที่นี่
มหาเจดีย์ชเวมอดอร์ มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์คือ ใช้เป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีเจาะพระกรรณ (หู) ของ "พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้" เมื่อครั้งพระองค์ทรงขึ้นครองราชย์ใหม่ๆ ภายใต้วงล้อมของทหารมอญหลายหมื่นนายที่เป็นศัตรู แต่ไม่อาจทำอะไรพระองค์ได้
กล่าวกันว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเมื่อครั้งทรงยกทัพมาตีพะโค ก็ได้เสด็จมานมัสการเจดีย์อันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ด้วย จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ.2473 ได้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ จนยอดพระธาตุได้พังทลายลงมา หลังจากนั้นได้มีการบูรณะซ่อมแซม แต่ยังคงเก็บรักษาและจัดแสดงซากพระมหาธาตุองค์เดิมไว้อยู่ ซึ่งกลายเป็นจุดอธิษฐาน ผู้ที่ไปกราบไหว้สักการะทุกคนพร้อมใจกันนำธูปไปปักค้ำยัน เปรียบเหมือนการค้ำจุนชีวิตให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น
หลังจากนั้นเดินทางออกจากเมืองหงสาวดี ข้ามแม่น้ำสะโตง ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของประเทศ เพื่อข้ามเข้าสู่เขตเมืองหลวงเก่าของรัฐมอญ นั่นคือเมือง 'ไจ้ก์ทิโย' โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงถึงทางขึ้นสู่ 'พระธาตุอินทร์แขวน' ซึ่งต้องเปลี่ยนจากรถบัสเป็นรถบรรทุกหกล้อ เพื่อวิ่งขึ้นตามเส้นทางถนนประมาณ 8 กิโลเมตร ที่มีทั้งความสูงชันและคดเคี้ยวตามไหล่เขา
ช่วงนี้กำลังเข้าสู่หน้าฝนจึงมีฝนตกเกือบตลอดเวลา ยิ่งขึ้นสูงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีหมอกลงหนาจัดเหมือนกับแหวกว่ายอยู่ในทะเลแห่งสายหมอก อากาศเย็นสบาย การเดินทางโดยรถหกล้อใช้เวลาราว 1 ชั่วโมงจนกระทั่งขึ้นไปถึงโรงแรมที่พัก ซึ่งมีที่ตั้งอยู่บนความสูง 1,200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง
จากที่พักใช้เวลาเดินเท้าขึ้นไปนมัสการ 'พระธาตุอินทร์แขวน'ประมาณ 10 นาทีก็ถึงสถานที่ ที่มีทั้งความศักดิ์สิทธิ์และความ
มหัศจรรย์ของธรรมชาติ นั่นคือองค์พระธาตุมีลักษณะเป็นก้อนหินสีทองขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชันอย่างหมิ่นเหม่เหมือนกำลังจะหล่นลงไป และยังท้าทายแรงดึงดูดของโลกโดยไม่ตกลงไปอย่างน่าอัศจรรย์ พระธาตุแห่งนี้นับเป็น 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเมืองต้องไปสักการะ
วันรุ่งขึ้นเดินทางกลับสู่กรุงย่างกุ้ง เพื่อไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง คือ 'มหาเจดีย์ชเวดากอง'เป็นที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุพระพุทธเจ้าจำนวน 8 เส้น ตามตำนานสร้างเมื่อ 2,600 ปีที่แล้ว และยังเป็นพระธาตุประจำ 'ปีมะเมีย'ที่คนเกิดปีนี้ต้องไปกราบไหว้สักครั้งหนึ่งในชีวิต
ก่อนปิดท้ายด้วยการเดินซื้อของที่ตลาดสกอต ซึ่งเป็นแหล่งช็อปปิงที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเมียนมาร์ มีสินค้าให้เลือกมากมายตั้งแต่อาหาร, เสื้อผ้า, เครื่องเงิน, เครื่องไม้,อัญมณี, สินค้าพื้นเมือง โดยเฉพาะแป้งทานาคา ของดีที่หลายคนมักซื้อกลับไปเป็นของฝาก
ทั้งนี้ ในงานแถลงข่าวของ 'สายการบินไทย แอร์เอเชีย เอ็กซ์'ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงย่างกุ้ง มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข่าวสารการให้บริการสายการบินต้นทุนต่ำ ที่ครองส่วนแบ่งการตลาดเมียนมาร์เป็นอันดับหนึ่ง ล่าสุด เปิดบริการ 'Fly Thru'จากย่างกุ้ง และมัณฑะเลย์ (ต่อเครื่องที่สนามบินดอนเมือง)สู่ปลายทางหลากหลาย โดยรับสัมภาระครั้งเดียว ไม่ต้องผ่าน ตม.หลายครั้งและไม่ต้องขอวีซ่า (Transit Visa) เมื่อเดินทางผ่านสนามบินดอนเมือง สำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ ซึ่งจะเป็นการเสริมจุดแข็งของไทย แอร์เอเชีย เอ็กซ์.