- Details
- Category: ท่องเที่ยว
- Published: Monday, 25 May 2015 23:43
- Hits: 3342
ความหวังรายได้ท่องเที่ยวเสาค้ำยันศก. '12 เมืองต้องห้าม..พลาด' ไม่เร้าอารมณ์ เอกชนชงรบ.ต้องกล้าอัดแคมเปญ..เปรี้ยง!!
'ดิวตี้ ฟี เยียร์ หรือปีแห่งการปลอดภาษี..ดึงรายได้เข้าประเทศได้ไม่น้อย โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับลักชัวรี่..ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว'
ดูเหมือนว่าแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจไทยยังไม่สามารถผงกหัวขึ้นได้ในเร็วๆ นี้ จนเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ทำเซอร์ไพรส์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเป็นครั้งที่ 2 ในรอบปี 2558 เพราะประเมินแล้วเห็นว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวในอัตราต่ำกว่าที่เคยคาดไว้ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ยอมปรับลดเป้าหมายการส่งออกปีนี้ใหม่ จากที่ตั้งเป้าขยายตัว 4% เหลือ 1.2% มูลค่า 2.3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ยังสูงกว่าที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปรับลดเช่นกันปีนี้โต 0.2% จากคาดการณ์เดิมโต 3.5%
ตัวเลขการส่งออกไตรมาสแรกของปีนี้จึงไม่ผิดคาดหมาย ติดลบ 4.3% และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจน ขณะที่เศรษฐกิจยักษ์ใหญ่อย่างจีนมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่อง จึงเป็นสัญญาณที่น่าห่วง ไม่แปลกที่รัฐบาลหันมาพุ่งเป้าหวังรายได้จากภาคการท่องเที่ยว เพื่อประคองภาวะเศรษฐกิจประเทศตลอดทั้งปี 2558 ไม่ให้ตกต่ำไปมากกว่านี้
-ททท.มั่นใจรายได้ต่างชาติถึงเป้า 1.4 ล้านล้าน
นางจุฑาพร เริงรณอาษา รักษาการผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แสดงความเห็นอย่างมั่นใจว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวน่าจะช่วยหนุนเศรษฐกิจได้ระดับหนึ่ง ประเมินว่าช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้การท่องเที่ยวมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรกของปีจำนวนนักท่องเที่ยวเติบโต 23.54% เป็น 7.8 ล้านคน
โดยมีปัจจัยหนุนต่างๆ ได้แก่ ค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลง ส่งผลให้ตลาดเป้าหมายหลักอย่างยุโรปและอเมริกาเดินทางมาเที่ยวไทยมากขึ้น ททท. จึงตั้งเป้าหมายรายได้ต่างชาติไว้ 1.4 ล้านล้านบาท ไตรมาสแรกทำได้ราว 4 แสนล้านบาท ที่เหลืออีก 7 เดือนยังพอมีโอกาสทำรายได้ให้ตามเป้า โดยเฉพาะช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีเป็นไฮซีซั่นน่าจะทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 4 แสนล้านบาท รายได้ที่เหลืออีก 6 แสนล้านบาท ต้องเร่งทำในช่วงโลว์ซีซั่นนี้ แต่ไม่เป็นอุปสรรคเพราะมีตลาดท่องเที่ยวต่างๆ มาช่วยสนับสนุน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่จะเข้ามาราว 6 ล้านคน จากปีก่อนอยู่ที่ 4.6 ล้านคน แต่ช่วงครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยที่ต้องจับตาคือ อัตราการถดถอยทางเศรษฐกิจของประเทศกลุ่มยุโรปโดยเฉพาะรัสเซีย คาดว่าจะเหลือราว 1.2 ล้านคน จากปีก่อนเดินทางเข้ามาราว 1.6 ล้านคน
- อัดกิจกรรมกระตุ้นไทยเที่ยวในปท.
นายอานุภาพ ธีรรัฐ รองผู้ว่าการตลาดในประเทศ ททท. กล่าวว่า ททท.ได้มุ่งกระตุ้นความต้องการในการเดินทางของคนไทยในทุกกลุ่ม (กลุ่มครอบครัว วัยทำงาน ผู้สูงอายุ และเยาวชน) รวมทั้งสร้างความสมดุลเชิงพื้นที่ เพื่อลดการกระจุกตัวของนักท่องเที่ยวในเมืองหลัก โดยส่งเสริมจังหวัดท่องเที่ยวทางเลือกภายใต้โครงการ "10 เมืองต้องห้าม...พลาด" (ลำปาง เพชรบูรณ์ บุรีรัมย์ เลย สมุทรสงคราม ราชบุรี จันทบุรี ตราด ชุมพร ตรัง) รวมถึง จัดโครงการ Dream Destinations 2015 กาลครั้งนั้น...ความฝันผลิบาน ส่งเสริมให้คนไทยออกไปท่องเที่ยวเส้นทางท่องเที่ยวสายดอกไม้ตลอดทั้งปี และโครงการวันธรรมดาน่าเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้กระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวเป็นไปตามเป้าหมายจำนวน 148 ล้านคน/ครั้ง เพิ่มขึ้น 9.5% มีรายได้ 8 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% ได้อย่างแน่นอน
- ชงรัฐกล้าทุ่มงัดแคมเปญดิวตี้ ฟี เยียร์
ขณะที่นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินนกแอร์ สนับสนุนแนวทางของรัฐคือภาคการท่องเที่ยวน่าจะเป็นเสาหลักหนุนเศรษฐกิจในปีนี้ เพราะตามข่าวเห็นภาพเศรษฐกิจไทยยังค่อนข้างน่าห่วง โดยเฉพาะภาคส่งออก หรือแม้แต่สินค้าเกษตรมีปัญหาราคาตกต่ำ "สิ่งที่จะทำให้รายได้ภาคการท่องเที่ยวทะยานถึงฝันได้นั้น ต้องมองมุมต่าง สร้างกลยุทธ์แปลกใหม่ที่โดนใจนักท่องเที่ยว กระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติแห่มาเที่ยวไทยมากขึ้น รวมถึงมัดใจคนไทยให้ท่องเที่ยวภายในประเทศมากกว่าจะวางแผนเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ
"ระยะเวลาที่เหลือของปี ต้องอยู่ที่ว่ารัฐบาลจะยอมออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวให้มีความน่าตื่นเต้น กระตุ้นรายได้เข้าประเทศมากน้อยแค่ไหน โครงการท่องเที่ยววิถีไทย โครงการ 12 เมืองต้องห้าม...พลาด ก็ช่วยได้ระดับหนึ่ง แต่ยังไม่เร้าอารมณ์มากพอ หากจัดแคมเปญพิเศษ เช่น ดิวตี้ ฟี เยียร์ หรือปีแห่งการปลอดภาษี น่าจะประสบความสำเร็จอย่างมาก ช่วยดึงรายได้เข้าประเทศได้ไม่น้อย โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับลักชัวรี่ ที่มักจะท่องเที่ยวนานหลายวันในแต่ละทริป มีค่าใช้จ่ายต่อคนต่อหัวสูงเกินกว่าครึ่งแสนบาทต่อทริป ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร สายการบิน และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่เกี่ยวเนื่องพลอยได้รับอานิสงส์ด้วย หากรัฐบาลกล้าเดินเกมนี้ ถือว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ก็ว่าได้"
นกสองตัวที่นายพาทีกล่าวถึงคือได้นักท่องเที่ยวต่างชาติกระเป๋าหนัก มือเติบ และยังได้ตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศอีกด้วย
- รบ.ห้ามขรก.ไปนอกทำธุรกิจหงอย
นายยุทธชัย สุนทรรัตนเวช นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ฝ่ายการตลาดในประเทศ เห็นไม่ต่างกันว่า รายได้จากภาคการท่องเที่ยวปีนี้ น่าจะเป็นแรงหนุนสำคัญ ช่วยพยุงเศรษฐกิจประเทศได้ โดยเฉพาะต่างประเทศที่ ททท.ทำประชาสัมพันธ์ไว้ แต่สำหรับตลาดท่องเที่ยวในประเทศ ยังมีอุปสรรคบ้าง จากมาตรการของรัฐบาลห้ามข้าราชการเดินทางศึกษาดูงานต่างประเทศ ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจท่องเที่ยวตามพื้นที่ตะเข็บชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สปป.ลาว กัมพูชา เมียนมา ที่ทำให้รายได้หดหายไปค่อนข้างมากรัฐบาลควรอนุโลมในพื้นที่ดังกล่าว หรือให้สามารถเดินทางข้ามพรมแดนได้ เพียงแต่ต้องกลับมานอนค้างคืนที่ฝั่งไทย
ขณะที่แนวคิดขยายสิทธิลดหย่อนภาษีเพื่อการท่องเที่ยวในประเทศจากไม่เกิน 15,000 บาทต่อปี เป็น 30,000 บาทต่อปี อยากเห็นรัฐบาลทำให้ชัดเจนจะจูงใจให้คนไทยมาเที่ยวในประเทศมากขึ้น เพราะปัจจุบันกำลังซื้อลดน้อยลง หากมาตรการใดเดินหน้าได้เร็วก็จะช่วยประเทศได้เร็วเท่านั้น เช่นเดียวกับมาตรการปราบปรามกลโกงต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว รัฐต้องดำเนินการอย่างจริงจัง ทั้งที่เกิดขึ้นในภาคโรงแรม ธุรกิจทัวร์ จนนักท่องเที่ยวเกิดความวิตกกังวล ไม่กล้าจะซื้อทัวร์ ส่งผลกระทบต่อรายได้ต่อธุรกิจที่ทำถูกต้องตามกฎหมาย
- เสนอจับรางวัลลุ้นรถยนต์เดือนละคัน
"สิ่งที่อยากนำเสนอแนวคิดให้รัฐบาลดำเนินการ เพื่อปลุกกระแสการท่องเที่ยวในประเทศให้คึกคักมากขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือของปี คือ "อาจให้ ททท. เป็นเจ้าภาพจัดแคมเปญชิงราลวัลกระตุ้นกลุ่มคนไทยเที่ยวในประเทศ เช่น อาจให้คนไทยที่ใช้บริการธุรกิจท่องเที่ยวที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย และนำใบเสร็จมาส่งชิงโชค เพื่อให้กระแสท่องเที่ยวคึกคักเพิ่มขึ้น โดยรางวัลอาจเป็นรถยนต์ เดือนละ 1 รางวัล พร้อมจักรยานยนต์เดือนละ 4-5 คัน ใช้งบประมาณไม่มาก เฉลี่ยเดือนละ 1 ล้านบาทเท่านั้น ถ้าจะให้ดีอยากเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ออกรายการคืนความสุขให้คนในชาติประจำทุกวันศุกร์ ช่วยพูดถึงแคมเปญนี้ พร้อมทั้งเป็นประธานจับรางวัลเดือนละครั้ง น่าจะช่วยกระตุ้นให้คนไทยรับรู้วงกว้างและอยากเที่ยวไทยมากขึ้น แต่หากรัฐบาลยังนิ่งเฉยไปเรื่อยๆ ตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศอาจมีรายได้ลดลง 20% จากเป้าหมาย 8 แสนล้านบาท เพราะทุกภาคส่วนต่างแข่งขันกันสูง ทั้งรถยนต์ ห้างสรรพสินค้า ค่ายโทรศัพท์มือถือ ต่างก็อัดโปรโมชั่นแรงๆ เพื่อดึงเงินในกระเป๋าของลูกค่าที่มีจำกัด เป็นการดึงสัดส่วนรายได้ด้วยกันทั้งสิ้น
อุตสาหกรรมท่องเที่ยว จะกลายเป็นเสาหลักค้ำยันเศรษฐกิจประเทศได้มากน้อยเพียงใด คงอยู่ที่รัฐบาลพร้อมที่จะกล้าตัดสินใจเดินหน้าแคมเปญกระตุ้นรายได้ภาคท่องเที่ยวตามที่ภาคเอกชนนำเสนอได้มากน้อยแค่ไหน เป็นสิ่งที่น่าจับตามอง