- Details
- Category: ท่องเที่ยว
- Published: Friday, 05 August 2022 22:58
- Hits: 1652
เที่ยวบางใหญ่ นนท์จากฝั่งตะวันออกไปตะวันตก จะไปไหนดี?
โดย ดร.ณัฏฐกฤษฏิ์ เอกวรรณัง
อาจารย์ประจำคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
Email: [email protected]
“ไปเที่ยวอำเภอบางใหญ่กันไหม?” ผมชวนเพื่อนๆ
“มีอะไรน่าเที่ยวที่อำเภอบางใหญ่เหรอ?” เพื่อนหลายคนจะถามกลับมาแบบนี้
ซึ่งเชื่อว่า เป็นคำถามที่หลายคนถาม ถ้ามีการชักชวนให้ไปเที่ยวอำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี
ผมก็เลยลองค้นหาดูในอินเทอร์เน็ตว่า อำเภอบางใหญ่มีอะไรน่าไปเที่ยวบ้าง
ผลที่เจอ หากไม่นับ Café แล้ว ราวร้อยละ 80 เป็น “วัด” ที่เหลือเป็น “ตลาดต้นไม้ และสวนเกษตร” ผมดูแล้ว ไม่น่าถูกใจนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่แน่ๆ หากไม่ใช่นักท่องเที่ยวสายวัดหรือสายมู หรือสายปลูกต้นไม้และกินผลไม้
แต่ๆๆๆๆ อย่าเพิ่งด่วนสรุปกันแบบนั้นนั้นนะครับ เดี๋ยวผมจะลองพาผู้อ่านทุกท่านไปสัมผัสการท่องเที่ยวในอำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรีในแบบที่ไม่มีใครไป และใช้การขับรถส่วนตัวเที่ยว (Self-drive Tour) กันครับ
ว่ากันด้วยแหล่งท่องเที่ยวใน อ.บางใหญ่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยระบุว่า อำเภอบางใหญ่มีแหล่งท่องเที่ยวจำนวน 15 แห่ง...เป็นวัดเกือบทั้งหมดซึ่งก็เป็นอย่างที่ผมบอกไว้แต่ต้น คราวนี้ถ้าจะขับรถเที่ยวแบบ 1 วัน เอาแบบคุ้มค่าขับ ผมมองว่า ขับรถจากฝั่งตะวันออกของอำเภอบางใหญ่ไปยังฝั่งตะวันตกของอำเภอบางใหญ่ดูน่าสนใจยิ่งเพราะจะได้ไปถึงชายแดนของอำเภอบางใหญ่ที่ติดกับจังหวัดนครปฐม แต่จะไปเที่ยวที่ไหนกันดี ตามมาครับ...ผมจะพาไปหาที่เที่ยวในมุมมองใหม่ๆ ของอำเภอบางใหญ่ และไม่เน้นสายมูกัน อ้อ...ผมจะระบุพิกัด GPS ตามจุดต่างๆ ไว้ให้ด้วยเพื่อจะได้ตั้งเป้าหมายใน Google Map ได้สะดวกยิ่งขึ้นนะครับ
เริ่มกันจากฝั่งตะวันออกของอำเภอบางใหญ่ที่ “วัดสวนแก้ว” ตำบลบางเลน ชื่อนี้หลายคนคงพอคุ้น ยิ่งถ้าบอกว่า พระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอมกัลยาโณเป็นเจ้าอาวาส ยิ่งน่าจะคุ้นชื่อมากยิ่งขึ้น คนที่เคยไปวัดสวนแก้วก็มักไปชมโบสถ์ธรรมชาติ ทำบุญ-ทำทานให้อาหารสัตว์ต่างๆ ที่ทางวัดดูแลอยู่ แล้วก็ซื้อของกินหรือผลผลิตทางการเกษตรของทางวัดหรือของชาวบ้านที่นำมาขายกลับบ้าน แต่ครั้งนี้ผมจะพาไปขี่จักรยานชมสวนในวัดสวนแก้วกับน้ำตกสวนธรรม และไม่เข้าทางหน้าวัดตามปกติครับ โดยการขับรถจากถนนรัตนาธิเบศร์ไปทางวัดสวนแก้วตามปกติ แต่เมื่อข้ามคลองอ้อมนนท์สักครู่ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยบางเลน 1 มุ่งไปยังบ้านมีสวน คาเฟ่ (GPS13.865399, 100.444534) ซอยย่อยเข้าบ้านมีสวน คาเฟ่เป็นทางดินรถยนต์เก๋งเข้าได้ไม่ลำบากครับ ก่อนถึงบ้านมีสวน คาเฟ่จะเห็นทางปูนทางขวาของถนนไปวัดสวนแก้ว ทางซ้ายเป็นบ้านคน 1 หลัง เราจะเดินเข้าทางปูนนั้นแหละครับ แต่หาที่จอดรถก่อน โดยจะไปจอดรถที่บ้านมีสวน คาเฟ่ก็ได้ หรือจอดในเว้าริมถนน (GPS 13.866202, 100.445161) เลยทางปูนไปหน่อยก็ได้ครับ จากนั้นเดินเท้าเข้าทางปูนไปน้ำตกสวนธรรมได้เลยครับ ตามทางเดินมีป้ายบอกเส้นทางการเดินเป็นระยะๆ ประมาณ 10 นาทีก็จะไปถึงน้ำตกสวนธรรม ตรงนั้นมีศาลาทำบุญ (หากโชคดีก็อาจเจอพระพยอมฯ) ร้านอาหาร ร้านกาแฟ มีของฝากและผลิตภัณฑ์การเกษตรขาย และมีจุดบริการจักรยานชมสวนในวัดสวนแก้ว โดยมีหลายเส้นทางการขี่จักรยาน มีป้ายบอกตามเส้นทางปูน หากไม่มั่นใจเส้นทางก็สามารถถามเส้นทางจากคนงานในสวนได้เลย...ไม่หลงทางไปออกทะเลแน่นอนครับ ขี่จักรยานพอได้เหงื่อก็ได้เวลานำจักรยานไปคืนที่จุดรับรถ แล้วอย่าลืมบริจาคเงินให้ทางวัดด้วยนะครับ
จุดต่อไปที่จะพาไปชม คือ “เรือนสมฤดี” (GPS 13.866394, 100.447888) บริเวณตลาดน้ำประชารัฐสวนบัว ตำบลบางเลน ขับรถออกมาจากจุดจอดรถ พอถึงถนนลาดยางซอยบางเลน 1 ให้เลี้ยวขวาไปทางตลาดน้ำประชารัฐสวนบัว 2 นาทีก็ถึงครับ จอดรถที่ลานจอดรถของตลาดน้ำ แล้วเดินเท้าเข้าไปตามป้ายบอกทางสุดที่คลองอ้อมนนท์ จะพบกับ “เรือนสมฤดี” ที่เป็นบ้านไทยโบราณริมคลองอ้อมนนท์ อายุกว่า 100 ปี ประกอบด้วยเรือนไทย 2 หลัง หลังแรกเป็นเรือนไทยหลังคาจั่วแบบอยุธยาที่สร้างโดยไม่ใช้ตะปู แต่เข้าไม้ด้วยลิ่มทั้งหลัง ส่วนอีกหลังเป็นเรือนปั้นหยา เดิมเป็นเรือนแพลูกบวบใช้เป็นร้านขายของริมคลองอ้อมนนท์ ก่อนถูกยกขึ้นบกไปปลูกเคียงคู่กัน
ปัจจุบันเรือนสมฤดีไม่ได้เป็นเรือนเพื่อพักอาศัย แต่เปิดให้เป็นศูนย์เรียนรู้ และสะท้อนวิถีชีวิตในอดีตของชุมชนริมน้ำคลองอ้อมนนท์ ที่ยังความเป็นอัตลักษณ์ที่สมบูรณ์อยู่ในยุค เราสามารถเดินภายในเรือนเก่าที่มีรูปภาพ และข้าวของเครื่องใช้เก่าๆ ให้ชมและซึมซับบรรยากาศดั้งเดิมของพื้นที่ได้เป็นอย่างดี เดินดูแล้วทำให้ผมนึกถึงบ้านคุณยายขึ้นมาทีเดียวเชียว นอกจากการเดินชมแล้ว ทางเรือนสมฤดียังมีบริการเช่าชุดไทยพร้อมเครื่องประดับเพื่อการใส่ถ่ายรูปโดยชุดเด็กราคา 100 บาท และชุดผู้ใหญ่ราคา 200 บาท และยังมีอาหารกับเครื่องดื่มบริการให้นั่งชิลล์ๆ ดื่มกินริมน้ำลมพัดโชยสบายๆ ด้วยครับ ที่แนะนำ คือ ข้าวแช่โบราณ (ชุดละ 80 บาท) ถ้ามีโอกาสลองสั่งมาชิมได้เลยครับ เรือนสมฤดี และร้านอาหาร ณ ชานเรือนสมฤดี เปิดเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ เวลา 9.00-16.00 น. แต่ถ้าไปเป็นหมู่คณะในวันจันทร์-ศุกร์ โทรแจ้งล่วงหน้าที่ 081-7345985 คุณอิ๋วเจ้าของร้านจะเปิดบ้านให้ชมได้ครับ
เราเดินทางต่อไปที่ “วัดราษฎร์ประคองธรรม” (GPS 13.854528, 100.423358) ตำบลเสาธงหิน ใช้เวลาขับรถจากเรือนสมฤดีประมาณ 14 นาที หลายคนคงเคยได้ยินชื่อวัดนี้เช่นกัน วัดนี้เป็นวัดที่สร้างสมัยอยุธยาตอนปลาย ตั้งอยู่ริมคลองอ้อมนนท์ เดิมเป็นวัดร้างชื่อ “วัดค้างคาว” แต่เปลี่ยนมาเป็นชื่อปัจจุบันในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อโต (ซำปอกง) และพระพุทธไสยาสน์ (หลวงพ่อพระนอน) ความยาว 32 เมตร ถือว่าเป็นวัดที่มีพระนอนองค์ใหญ่ที่สุดในจังหวัดนนทบุรี จุดเด่นอีกอย่างหนึ่ง คือ ด้านบนของศาลาพระนอนนั้นมีการจำลองพระธาตุ 3 นคร ได้แก่ พระธาตุหริภุญชัย พระธาตุพนม และพระปฐมเจดีย์เอาไว้ด้วย ที่ผมแนะนำให้มาวัดนี้ก็เพื่อให้มาไหว้พระนอนองค์ใหญ่ที่สุดในจังหวัดนนทบุรีครับ แล้วเดี๋ยวผมจะพาไปอีกวัดที่มีพระนอนด้วยเช่นกัน
จากวัดราษฎร์ประคองธรรม เรามุ่งต่อไปที่ “วัดพระนอน” (GPS 13.849229, 100.397755) ตำบลบางแม่นาง ตั้งอยู่ริมคลองบางใหญ่ ใชเวลาขับรถจากวัดราษฎร์ประคองธรรมไปประมาณ 15 นาที วัดนี้เป็นวัดที่สร้างในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ มีพระประธานประจำอุโบสถ นามว่า “หลวงพ่อพระนอน” ที่มีความยาวประมาณ 2 เมตร แม้ว่าจะมีความยาวน้อยกว่าพระนอนที่วัดราษฎร์ประคองธรรม แต่ก็เป็นพระนอนที่มีความเก่าแก่มากที่สุดในจังหวัดนนทบุรี ผมจึงเห็นว่า เป็นสิ่งที่น่าสนใจในการไปเที่ยวชม และไหว้พระขอพรอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดนนทบุรี
ไปต่อกันอีก 1 วัดครับ คือ “วัดท่าบันเทิงธรรม” (GPS 13.848209, 100.394251) ตำบลบางใหญ่ การไปวัดนี้จากวัดพระนอน ถ้าจะขับรถไปถึงหน้าวัดเลยต้องขับอ้อมกันพอสมควร ผมจึงขอแนะนำให้ขับรถไปจอดที่วัดหลังบาง (GPS 13.848253, 100.392573) ซึ่งอยู่ในแนวถนนประชาอุทิศเส้นเดียวกับเส้นทางไปวัดพระนอนครับ เมื่อถึงวัดหลังบางแล้วให้เดินไปริมคลองบางใหญ่ มองหาประตูระบายน้ำ เจอแล้วให้เดินเท้าข้ามประตูระบายน้ำไปอีกฝากคลองบางใหญ่ครับ จะไปที่วัดท่าบันเทิงธรรมได้ วัดท่าบันเทิงธรรมนี้เป็นวัดที่สร้างในสมัยอยุธยา และได้รับการบูรณะซ่อมแซมในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เดิมชื่อ “วัดหน้า” คู่กับ “วัดหลัง” คือ วัดหลังบาง ที่จริงแล้วในวัดของอำเภอบางใหญ่หลายวัดมีพระพุทธรูปเก่าแก่อายุ 100-200 ปี วัดท่าบันเทิงธรรมก็เช่นกัน คือ หลวงพ่อขาว กับหลวงพ่อหมอ แต่ที่ผมแนะนำมาวัดนี้ อยากให้ได้ไปชมรุกขมรดกชาติ คือ “ต้นการะเวก อายุ 150 ปี” ครับเพราะหาชมได้ยากมาก
แห่งสุดท้ายที่จะแนะนำให้ไปชมกัน คือ “สะพานไม้แห่งความสามัคคี” (GPS 13.835007, 100.314113) ตำบลบ้านใหม่ จากวัดหลังบางขับรถมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลสุขภาพตำบลบ้านใหม่ (GPS 13.835134, 100.314646) เพื่อจอดรถที่โรงพยาบาลและเดินเท้าเลียบคลองบางใหญ่ผ่านชุมชนเล็กๆ ไปที่สะพาน สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นมาไม่น้อยกว่า 80 ปีด้วยความร่วมมือร่วมใจกันของชาวบ้าน 2 ฝั่งคลองบางใหญ่บริเวณจุดเชื่อมกับคลองนราภิรมย์และคลองโยง อ.พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม เนื่องจากสมัยก่อนไม่มีถนนเลียบคลองนราภิรมย์และสะพานปูนเชื่อม 2 ฝั่งคลองบางใหญ่ ทำให้ชาวบ้าน 2 ฝั่งคลองมีความยากลำบากในการไปมาหาสู่กันจึงได้ลงเงินลงแรงกันสร้างสะพานไม้ข้ามคลองบางใหญ่เพื่อการสัญจรเมื่อร่วม 100 ปีที่แล้วจนปัจจุบันสะพานไม้ได้ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ชาวบ้าน 2 ฝั่งคลองก็ยังคงลงเงินกันปรับปรุงซ่อมแซมให้คงสภาพมาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าจะมีสะพานปูนและถนนเลียบคลองนราภิรมย์แล้วก็ตามที จุดเด่นของสะพานนี้นอกจากประวัติความเป็นมาและความเก่าแก่แล้ว บนสะพานยังได้มีการลงชื่อและจำนวนเงินบริจาคในการซ่อมแซมสะพานไม้ไว้ตามส่วนต่างๆ ของสะพานด้วย อีกทั้งยังเป็นจุดชมวิวคลองบางใหญ่ในมุมมอง Unseen อีกด้วย
ที่จริงแล้วอำเภอบางใหญ่ยังคงมีแหล่งท่องเที่ยวแปลกใหม่แอบซ่อนอยู่อีกแน่นอน เพียงแต่ยังไม่มีใครค้นพบและเขียนถึง เอาไว้ผมมีเวลาขับรถตะลอนในอำเภอบางใหญ่อีกและเจออะไรน่าสนใจไปชม จะมาเล่าให้อ่านกันอีกครับ ทริปนี้ขอจบเพียงแค่นี้ก่อนเพราะนี่ก็เขียนมายาวพอสมควรแล้ว (หนักไปทางรูปประกอบเสียมากกว่า) หวังว่า ใครที่จะตามรอยเส้นทางนี้คงมีความสุขสนุกสนานกับการขับรถเที่ยวกันนะครับ
A8226