- Details
- Category: ท่องเที่ยว
- Published: Sunday, 06 March 2022 13:43
- Hits: 8532
หอการค้าไทย ร่วมกับ ททท. และจังหวัดกระบี่ พบผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่กระบี่ พังงา ภูเก็ต เสนอ ยกเลิกลงทะเบียน Thailand Pass และ Test & GO ในระยะต่อไป
ที่โรงแรมมาริไทม์ ปาร์ค แอนด์สปา รีสอร์ท จังหวัดกระบี่ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เป็นประธานประชุมหารือเพื่อรับฟังความเห็นผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยว เพื่อเตรียมความพร้อมก้าวสู่ Next Normal ของการท่องเที่ยวไทย โดยมี
นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้ นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นายราชัน มีน้อย หัวหน้าสำนักงานจังหวัดกระบี่ สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพังงา นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายนัทที อดิศราลักษณ์ ประธานหอการค้าจังหวัดกระบี่ นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต นายกฤษ ศรีฟ้า ประธานหอการค้าจังหวัดพังงา พร้อมด้วยภาครัฐ ภาคเอกชน สมาคม และกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมในภาคใต้ มัคุเทศก์จาก 3 จังหวัด กระบี่ พังงา และภูเก็ต ธุรกิจสปาและบริการเพื่อสุขภาพ กลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร สมาคม และเครือข่ายธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดกระบี่ พังงา ภูเก็ต เข้าร่วมกว่า 108 คน
ที่ประชุมมีการหารือกันในประเด็นการส่งเสริมและดึงดูดนักเดินทางต่างชาติมาไทย โดยได้มีการเสนอให้รัฐบาลพิจารณายกเลิกการลงทะเบียน Thailand Pass และ Test & Go ในระยะถัดไป โดยอาจพิจารณาให้สายการบินช่วยตรวจผล RT-PCR ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง และเอกสาร Vaccine Passport ที่แสดงข้อมูลการรับวัคซีนครบโดส ก่อนขึ้นเครื่อง หากเข้าตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวให้สามารถเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องตรวจและกักตัวในคืนแรก แต่ใช้การตรวจด้วย ATK แทน เพื่อไม่ให้เกิดภาระและเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับนักเดินทาง ซึ่งหลายประเทศก็ได้ดำเนินการในลักษณะดังกล่าวแล้ว เชื่อว่าจะสร้างบรรยากาศในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศได้มากขึ้น ทั้งนี้ หอการค้าจังหวัดและผู้ประกอบการในพื้นที่ ยังจะร่วมกันรณรงค์และและกำชับให้ผู้ประกอบการและประชาชน ปฏิบัติตามมาตรการของสาธารณสุขโดยเฉพาะการเว้นระยะห่างเพื่อป้องกันการเกิดคลัสเตอร์ใหม่
นายสนั่น กล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมาหอการค้าไทยเน้นให้ความสำคัญการส่งเสริมและพัฒนา Trade & Travel ควบคู่กันไป เพราะหากมองจากจุดแข็งของประเทศพบว่า นักธุรกิจและนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงมองประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางทั้งการทำธุรกิจ การพักผ่อนท่องเที่ยว หรือแม้แต่การพักอาศัยในระยะยาว แม้ว่าสถาการณ์ความขัดแย้งของรัสเซียและยูเครน จะกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวอยู่บ้าง แต่ยังคงมีโอกาสทำตลาดกับนักท่องเที่ยวอินเดียที่มีศักยภาพ และซาอุดิอาระเบียที่เพิ่งมีการเปิดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย และมีการเปิดเที่ยวบินตรงมายังไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นความหวังใหม่ที่จะเกิดขึ้นกับภาคการท่องเที่ยวไทย ที่เป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีกำลังซื้อสูง
ส่วนการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ ยังสามารถเติบโตได้ดีในช่วงนี้ อันเป็นผลมาจากมาตรการสนับสนุนของรัฐบาลผ่านโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน ที่ได้รับการตอบรับที่ดี ภายหลังเปิดให้ลงทะเบียนเพิ่มเติม 2 ล้านสิทธิ์เมื่อเดือนที่ผ่านมา มีการใช้สิทธิ์ไปแล้วเกือบ 1 ล้านสิทธิ์ โดยหลังจากนี้ ททท. และ หอการค้าไทย จะมีการหารือร่วมกันถึงความเป็นไปได้ในการนำเสนอรัฐบาลให้มีการสนับสนุนงบประมาณโครงการดังกล่าวเพิ่มเติม รวมถึงมาตรการและโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวต่างๆ ทั้ง Happy Model (โมเดลอารมณ์มีความสุข) สร้างต้นแบบการท่องเที่ยวคุณภาพ โครงการประชุมเมืองไทย ช่วยชาติ พร้อมโปรโมทวันธรรมดาน่าเที่ยว Workcation เพื่อให้เกิดกระแสตื่นตัวในการท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการ การทีองเที่ยวแห่งประเทศไทย ด้านตลาดในประเทศ กล่าวว่า ททท. ตั้งเป้าหมายปี 65 ตลาดในประเทศมีจำนวนนักท่องเที่ยว 160 ล้านคน/ครั้ง ตลาดต่างประเทศ 10 ล้านคน รายได้ทางการท่องเที่ยว 1.28 ล้านล้านบาท ถึงแม้ว่าจะมีการระบาดของโอมิครอน แต่ก็ได้มีการเตรียมแผน เพื่อให้การท่องเที่ยวของประเทศไทยกลับมา โดยให้ความสำคัญกับการเพิ่มสัดส่วนกลุ่มลูกค้าคุณภาพและนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง เน้นสินค้าและบริการการท่องเที่ยวที่มีมาตรฐานคุณภาพ และนำเสนอแนวคิด BCG Model เชื่อมโยงการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบเพื่อความยั่งยืน
นอกจากนั้น ผู้ประกอบการในพื้นที่ยังได้มีการเสนอให้รัฐบาลสนับสนุนแหล่งเงินทุนช่วยผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยว ควบคู่กับการจัดทำแผนการดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างชาติเน้นสื่อสารให้มีความชัดเจนและต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการ Restart ธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งหอการค้าไทย จะเชื่อมกับภาคการเงินเพื่อช่วยผู้ประกอบการในการเติมทุนต่อไป
(Ease of Traveling) หอการค้าไทย ร่วมกับ ททท. และ จังหวัดกระบี่ พบผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว (กระบี่/พังงา/ภูเก็ต) เสนอ ยกเลิกลงทะเบียน Thailand Pass และ Test & GO ในระยะต่อไป
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จัดประชุมหารือเพื่อรับฟังความเห็นผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยว เพื่อเตรียมความพร้อมก้าวสู่ Next Normal ของการท่องเที่ยวไทย โดยมี นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้ นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นายราชัน มีน้อย หัวหน้าสำนักงานจังหวัดกระบี่ สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพังงา นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมในภาคใต้ มัคุเทศก์จาก 3 จังหวัด กระบี่ พังงา และภูเก็ต ธุรกิจสปาและบริการเพื่อสุขภาพ กลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร สมาคม และเครือข่ายธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดกระบี่ พังงา ภูเก็ต เข้าร่วมกว่า 108 คน
ที่ประชุมมีการหารือกันในประเด็นการส่งเสริมและดึงดูดนักเดินทางต่างชาติมาไทย โดยได้มีการเสนอให้รัฐบาลพิจารณายกเลิกการลงทะเบียน Thailand Pass และ Test & Go ในระยะถัดไป โดยอาจพิจารณาให้สายการบินช่วยตรวจผล RT-PCR ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง และเอกสาร Vaccine Passport ที่แสดงข้อมูลการรับวัคซีนครบโดส ก่อนขึ้นเครื่อง หากเข้าตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวให้สามารถเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องตรวจและกักตัวในคืนแรก แต่ใช้การตรวจด้วย ATK แทน เพื่อไม่ให้เกิดภาระและเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับนักเดินทาง ซึ่งหลายประเทศก็ได้ดำเนินการในลักษณะดังกล่าวแล้ว เชื่อว่าจะสร้างบรรยากาศในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศได้มากขึ้น ทั้งนี้ หอการค้าจังหวัดและผู้ประกอบการในพื้นที่ ยังจะร่วมกันรณรงค์และและกำชับให้ผู้ประกอบการและประชาชน ปฏิบัติตามมาตรการของสาธารณสุขโดยเฉพาะการเว้นระยะห่างเพื่อป้องกันการเกิดคลัสเตอร์ใหม่
นายสนั่น กล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมาหอการค้าไทยเน้นให้ความสำคัญการส่งเสริมและพัฒนา Trade & Travel ควบคู่กันไป เพราะหากมองจากจุดแข็งของประเทศพบว่า นักธุรกิจและนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงมองประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางทั้งการทำธุรกิจ การพักผ่อนท่องเที่ยว หรือแม้แต่การพักอาศัยในระยะยาว แม้ว่าสถาการณ์ความขัดแย้งของรัสเซียและยูเครน จะกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวอยู่บ้าง แต่ยังคงมีโอกาสทำตลาดกับนักท่องเที่ยวอินเดียที่มีศักยภาพ และซาอุดิอาระเบียที่เพิ่งมีการเปิดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย และมีการเปิดเที่ยวบินตรงมายังไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นความหวังใหม่ที่จะเกิดขึ้นกับภาคการท่องเที่ยวไทย ที่เป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีกำลังซื้อสูง
ส่วนการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ ยังสามารถเติบโตได้ดีในช่วงนี้ อันเป็นผลมาจากมาตรการสนับสนุนของรัฐบาลผ่านโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน ที่ได้รับการตอบรับที่ดี ภายหลังเปิดให้ลงทะเบียนเพิ่มเติม 2 ล้านสิทธิ์เมื่อเดือนที่ผ่านมา มีการใช้สิทธิ์ไปแล้วเกือบ 1 ล้านสิทธิ์ โดยหลังจากนี้ ททท. และ หอการค้าไทย จะมีการหารือร่วมกันถึงความเป็นไปได้ในการนำเสนอรัฐบาลให้มีการสนับสนุนงบประมาณโครงการดังกล่าวเพิ่มเติม รวมถึงมาตรการและโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวต่างๆ ทั้ง Happy Model (โมเดลอารมณ์มีความสุข) สร้างต้นแบบการท่องเที่ยวคุณภาพ โครงการประชุมเมืองไทย ช่วยชาติ พร้อมโปรโมทวันธรรมดาน่าเที่ยว Workcation เพื่อให้เกิดกระแสตื่นตัวในการท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น
“ทั้งนี้ ททท. ตั้งเป้าหมายปี 65 ตลาดในประเทศมีจำนวนนักท่องเที่ยว 160 ล้านคน/ครั้ง ตลาดต่างประเทศ 10 ล้านคน รายได้ทางการท่องเที่ยว 1.28 ล้านล้านบาท ถึงแม้ว่าจะมีการระบาดของโอมิครอน แต่ก็ได้มีการเตรียมแผน เพื่อให้การท่องเที่ยวของประเทศไทยกลับมา โดยให้ความสำคัญกับการเพิ่มสัดส่วนกลุ่มลูกค้าคุณภาพและนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง เน้นสินค้าและบริการการท่องเที่ยวที่มีมาตรฐานคุณภาพ และนำเสนอแนวคิด BCG Model เชื่อมโยงการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบเพื่อความยั่งยืน” นางสาวฐาปนีย์ กล่าวเสริม
นอกจากนั้น ผู้ประกอบการในพื้นที่ยังได้มีการเสนอให้รัฐบาลสนับสนุนแหล่งเงินทุนช่วยผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยว ควบคู่กับการจัดทำแผนการดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างชาติเน้นสื่อสารให้มีความชัดเจนและต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการ Restart ธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งหอการค้าไทย จะเชื่อมกับภาคการเงินเพื่อช่วยผู้ประกอบการในการเติมทุนต่อไป
#Thaichamber
#หอการค้าไทย
#สร้างความเชื่อมั่น
#ร่วมกันสร้างสรรค์
#ช่วยกันผลักดัน
#connectthedots
-------------------------------------------
ติดตามข้อมูลสาระสำคัญต่างๆ ได้ทาง
Website : www.thaichamber.org
Line@ : https://bit.ly/2ZiAoCc
Instragram : https://bit.ly/2v5TYE7
Facebook : https://bit.ly/2V388o8
YouTube Channel : https://bit.ly/303llBx