- Details
- Category: ท่องเที่ยว
- Published: Friday, 14 November 2014 20:34
- Hits: 2991
อนุมัติท่องเที่ยววาระชาติครม.ชู 12 จว.ห้ามพลาดหวังดึงต่างชาติอยู่นาน
บ้านเมือง : นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.อนุมัติผ่านความเห็นชอบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอให้การท่องเที่ยววิถีไทยเป็นวาระแห่งชาติประจำปี 2558 ซึ่งเรื่องดังกล่าวได้มีการนำเสนอต่อที่ประชุม คสช.มาแล้ว และเห็นชอบในเบื้องต้นแล้ว ซึ่งปี 2558 ตลอดทั้งปี ให้ถือว่าเป็นปีแห่งการท่องเที่ยววิถีไทย โดยวัตถุประสงค์ก็เพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและถูกต้องตามวิถีไทย โดยเน้นที่อัตลักษณ์ของความเป็นไทยเพื่อให้รู้จักวิถีชีวิตของคนไทย ทั้งศิลปวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ชาติ และธรรมชาติที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวของเราอยู่แล้ว
แต่สิ่งที่น่าจะเป็นจุดขายและน่าสนใจที่ดีที่สุด คือชีวิตความเป็นอยู่ของเราในปัจจุบัน ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากจากต่างประเทศ นอกจากนี้ก็จะเป็นการกระจายรายได้ที่ดี เพราะการท่องเที่ยววิถีไทยจะไปเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวชุมชน การท่องเที่ยวตามหมู่บ้าน ตำบลต่างๆที่มีการพัฒนา นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเยี่ยมชมความเป็นอยู่ และซื้อสินค้าต่างๆ มีกิจกรรมอะไรบ้างที่ถือเป็นการกระจายรายได้และลดความเหลื่อมล้ำ และสิ่งที่สำคัญ เป็นการสร้าความภาคภูมิใจในความเป็นไทยและการปลูกฝังให้กับเยาวชน เพราะการท่องเที่ยววิถีไทยจะสร้างให้ชุมชนมาดูแล เช่น โครงการเจ้าบ้านน้อย ซึ่งจะมีเด็กนักเรียนมาเป็นมัคคุเทศก์ในท้องถิ่น นำเที่ยวในหมู่บ้าน วัดวาอาราม ซึ่งนอกจากจะสร้างรายได้แล้วเยาวชนก็จะได้เรียนรู้ถึงคุณค่าในสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเอง เสริมสร้างการรักท้องถิ่น และชุมชน
"การท่องเที่ยววิถีไทยเป็นการตอบโจทย์คนที่เคยมาเที่ยวเมืองไทยแล้ว ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเมืองไทยครึ่งหนึ่งคือคนที่เคยมาแล้วมากกว่า 1 ครั้ง ซึ่งเขาต้องการแหล่งท่องเที่ยว ข้อมูลใหม่ๆ จึงเป็นการตอบโจทย์ให้คนที่เคยมาแล้วอยากกลับมาอีก หรือคนที่มาใหม่ก็จะได้เห็นความเป็นไทยอย่างลึกซึ้งมากขึ้น ซึ่งเป็นการตอบโจทย์การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ ทำให้นักท่องเที่ยวใช้เวลานานมากขึ้น จากเดิมเฉลี่ย 8-9 วัน ก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 9-10 วัน หรือ 10-11 วัน ค่าใช้จ่ายต่อหัวก็จะเพิ่มขึ้น เป็นการท่องเที่ยวแบบสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งการโปรโมทโครงการท่องเที่ยววิถีไทยนั้นได้ดำเนินการไปแล้ว โดยใช้งบประมาณ 60 ล้านบาท
ในส่วนของจังหวัด ก็มีการเตรียมการแล้วเพื่อสร้างจุดขาย และจังหวัดเข้ามาดูแลแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ และนอกจาก 10 เมืองใหญ่ที่เป็นเมืองหลักที่มีการสร้างมุมมองใหม่ในการท่องเที่ยว เช่น กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต กระบี่ พังงา หาดใหญ่ แล้วก็ยังมี 12 จังหวัดใหม่ที่เป็นเมืองห้ามพลาด ที่กระจายครบทุกภาค ประกอบด้วย ลำปาง น่าน เพชรบูรณ์ บุรีรัมย์ เลย ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช ราชบุรี สมุทรสงคราม ตราดและจันทรบุรี"
"การที่รัฐบาลยังคงกฎอัยการศึกไว้นั้นก็ไม่สร้างผลกระทบอะไรทั้งเรื่องการแข่งขันกีฬาหรือการท่องเที่ยว ซึ่งผู้ประกอบการเองก็ไม่มีการมาขอร้องให้ยกเลิกกฎอัยการศึก เพราะทุกคนเข้าใจและถึงวันนี้นักท่องเที่ยวยุโรป อังกฤษ และจีนก็ไม่ตก ถึงวันนี้แนวโน้มการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นแล้ว เพียงแต่สถานที่ท่องเที่ยวจะกระจายออกไปและนักท่องเที่ยวก็จะบินตรงไปยังสถานที่นั้นๆ เลย เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ สมุย เป็นต้น
วันนี้นักท่องเที่ยวเริ่มเพิ่มมากขึ้นเป็นบวกตั้งแต่เดือน ต.ค. โดยเฉพาะในเดือน ธ.ค.คาดว่าจะบวกประมาณ 6 เปอร์เซ็นต์ ยอดการจองที่พักและตั๋วเครื่องบินเป็นบวก และตลอดทั้งปีคาดว่าน่าจะมีนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 25-25.5 ล้านคน และคาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวปีหน้าจะเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ในปีนี้ นักท่องเที่ยวจะตกจากปีที่ผ่านมาไปประมาณ 1 ล้านคน เพราะต้นปีในช่วงที่มีสถานการณ์การเมือง ในต่างจังหวัดถือว่าการท่องเที่ยวดีขึ้น ด้วยความที่มีการโปรโมทการท่องเที่ยวต่างจังหวัดมาก อีกทั้งสายการบินต่างๆ ก็มีการเพิ่มเที่ยวบิน มีการขยายสนามบิน ทำให้นักท่องเที่ยวมีทางเลือกมากขึ้น ในส่วนของ กทม.นักท่องเที่ยวก็แวะแต่จำนวนวันอาจน้อยลง ซึ่งกระทรวงต้องหันมาดูว่าจะช่วย กทม.อย่างไร แต่ก็เป็นส่วนดีที่สามารถกระจายรายได้ไปยังท้องถิ่น"รมว.การท่องเที่ยวฯ กล่าว