- Details
- Category: กีฬา
- Published: Tuesday, 15 July 2014 15:52
- Hits: 3763
วันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8630 ข่าวสดรายวัน
โลกซูฮก'อินทรี'สมแชมป์ แฟนอาร์เจนคลั่ง! ก่อจลาจล-ป่วนทั่วเมืองหลวง ยก'เกิตเซ่'ฮีโร่ซัดชัยนาที 113 ปลอบใจ"เมสซี่"แข้งยอดเยี่ยม 'โรดริเกซ'โคลัมเบียดาวซัลโว
ยกย่อง 'เกิตเซ่'ยิงประตูชัยช่วงต่อเวลาพิเศษ 'เยอรมัน'เฉือน'อาร์เจนตินา' 1-0 ผงาดคว้าแชมป์โลก 2014 ที่บราซิล แห่สดุดีสปิริต ความมุ่งมั่นระเบียบวินัยอันยอดเยี่ยม สู่แชมป์สมัยที่ 4 มานูเอล นอยเออร์ มือกาวอินทรีเหล็กคว้ารางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม 'เมสซี่'จอมทัพฟ้าขาวได้นักเตะยอดเยี่ยมปลอบใจ เจ้าตัว สุดเศร้า ชี้สาเหตุแพ้ ไม่เฉียบคมพอ ยิงทิ้งยิงขว้าง ส่วนตำแหน่งดาวซัลโวเป็นของ'เจมส์ โรดริเกซ'โคลัมเบีย ขณะที่สื่อเยอรมันต่างสรรเสริญผลงานนักเตะ ด้านอาร์เจนตินาป่วน แฟนบอลก่อจลาจลกรุงบูเอโนสไอเรส ตร. ต้องยิงแก๊สน้ำตาสลายฝูงชน
คนดังแห่ดูนัดชิงบอลโลก
การฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้าย ที่ประเทศบราซิล เมื่อวันที่ 13 ก.ค. ตรงกับเวลาประเทศไทยในเวลา 02.00 น. หลังเที่ยงคืนวันที่ 13 ก.ค. เดินทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศ โดยก่อนเกมมีพิธีปิดสุดอลังการที่สนามมาราคาน่า ในนครริโอ เดอ จาเนโร เต็มไปด้วยสีสัน เริ่มต้นด้วยการเต้นรำสไตล์แซมบ้า โดยแดนเซอร์แต่ละคนโชว์ลีลาพร้อมถือธงชาติของทั้ง 32 ชาติที่เข้าร่วมชิงชัยในฟุตบอลโลกครั้งนี้ ทว่าไฮไลต์ของงานอยู่ที่การแสดงสดของศิลปินดังอย่าง ชากิร่า นักร้องสาวชาวโคลัมเบีย, คาร์ลอส ซานตานา มือกีตาร์ระดับโลก และเคลฟ ฌอง นักร้องฮิพฮอพคนดัง สร้างความประทับใจอย่างมาก ก่อนที่คาร์เลส ปูโยล อดีตกัปตันทีมชาติสเปนตัวแทนแชมป์เก่า พร้อมด้วย จีเซล บุนด์เช่น นางแบบสาวระดับซูเปอร์โมเดลชาวบราซิล ร่วมเชิญถ้วยชนะเลิศฟุตบอลโลก 2014 ที่บรรจุอยู่ในหีบไฮโซของหลุยส์ วิตตอง เข้ามายังสนาม
มีผู้นำประเทศมหาอำนาจทั้ง ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เจ้าภาพฟุตบอลโลกครั้งต่อไปในปีค.ศ.2018, นางแองเกล่า แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมัน นางดิลมา รูสเซฟ์ ประธานาธิบดีหญิงของบราซิล มาร่วมงานและชมเกมในสนาม พร้อมด้วยคน ดังในวงการลูกหนังที่ขาดไม่ได้อย่าง เซ็ปป์ แบล็ตเตอร์ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ มิเชล พลาตินี่ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป เปเล่ และคาร์ลอส ดุงก้า สองตำนานแชมป์โลกแซมบ้า รวมถึงกาก้า อดีตดาวดังบราซิล เดวิด เบ๊กแฮม ซูเปอร์สตาร์อดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษ และริฮานน่า นักร้องชื่อดัง
เยอรมัน-อาร์เจนฯแลกกันทันที
เกมรอบชิงชนะเลิศเป็นการพบกันระหว่าง "อินทรีเหล็ก"เยอรมัน ดีกรีแชมป์ 3 สมัย ที่ถล่มบราซิลมา 7-1 ในรอบตัดเชือก พบกับ "ฟ้าขาว"อาร์เจนตินา แชมป์ 2 สมัยที่ดวลจุดโทษชนะฮอลแลนด์มา 4-2 นัดนี้เยอรมันต้องปรับแผนกะทันหันเมื่อซามี่ เคดิร่า กองกลางบาดเจ็บระหว่างวอร์มร่างกาย ต้องส่งคริสตอฟ คราเมอร์ ดาวรุ่งลงทำหน้าที่แทน ส่วนแนวรุกใช้ มิโรสลาฟ โคลเซ่ เป็นหน้าเป้าประสานงานกับเมซุต โอซิล, โธมัส มุลเลอร์ และโทนี่ โครส ด้านอาร์เจนตินาวาง ลิโอเนล เมสซี่, กอนซาโล่ อิกัวอิน และ เอเซเกล ลาเวซซี่ เป็นสามประสานแนวรุก
เปิดฉาก 20 นาทีแรกทั้ง 2 ทีมเปิดเกมแลกกันสนุกโดยเยอรมันครองบอลได้ดีกว่า แต่เป็นอาร์เจนตินาที่เติมเกมรุกได้วูบวาบ และเกือบขึ้นนำจากจังหวะส้มหล่น โทนี่ โครส โหม่งบอลคืนหลังพลาดบอลเลยไปเข้าทาง กอนซาโล่ อิกัวอิน ได้บอลหลุดเดี่ยวเข้าไปดวลกับมานูเอล นอยเออร์ แต่กองหน้าอาร์เจนไตน์ยิงหลุดเสาออกไปเหลือเชื่อ
โกล์ 2 ฝั่งเซฟ-จบครึ่งแรก 0-0
เข้าสู่นาทีที่ 30 ฟ้าขาวเฮเก้อจากจังหวะที่ เอเซเกล ลาเวซซี่ ผ่านบอลให้กอนซาโล่ อิกัวอินได้ส่งบอลผ่านตัวมานูเอล นอยเออร์ ตุงตาข่าย แต่ผู้ตัดสินไม่ให้ประตู เนื่องจากเป็นลูกล้ำหน้า ถัดจากนั้นนาทีเดียวอินทรีเหล็กเปลี่ยนตัวส่ง อังเดร ชูร์เล่ ลงสนามไปแทนคริสตอฟ คราเมอร์ ที่ได้รับบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว
ต่อมานาที 36 เยอรมันเกือบจะได้ประตูขึ้นนำโธมัส มุลเลอร์ พลิกหลบมาทางฝั่งซ้าย ก่อนหักกลับมาให้อังเดร ชูร์เล่ วิ่งเข้ามาแปเน้นๆ กะเล่นเสาแรก เซอร์จิโอ โรเมโร่ ยังทุบทิ้งออกไปได้
ถัดมานาที 39 อาร์เจนฯ ได้โอกาส ลิโอเนล เมสซี่ ลากหนีมัตส์ ฮุมเมิลส์ ก่อนเปิดมาติด มานูเอล นอยเออร์ และเป็นเฌอโรม บัวเต็ง ช่วยเตะทิ้งได้ทัน นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก เยอรมันมีลุ้นจากลูกเตะมุมโทนี่ โครส เปิดยาวเข้ามากลางประตูเบเนดิกต์ โฮเวเดส สอดขึ้นมาโขกเต็มหัวบอลพุ่งชนเสาแบบไร้โชคจบครึ่งแรกยัง 0-0
ครึ่งหลังยังเจ๊า-ต่อเวลาพิเศษ
กลับมาครึ่งหลังอเลฮานโดร ซาเบญ่า กุนซือฟ้าขาว เปลี่ยนเอาเอเซเกล ลาเวซซี่ ออกและส่ง เซอร์จิโอ อเกโร่ ลงมาเสริมแนวรุกแทนและอาร์เจนตินาจู่โจมเร็ว เกือบได้ประตูขึ้นนำในนาที 47 ลูคัส บิญ่า แทงบอลให้ลิโอเนล เมสซี่ หลุดกับดักล้ำหน้าขึ้นมาพลิกเข้าซ้ายข้างถนัดยิงเรียดถากเสาสองออกไปนิดเดียว นาที 59 อินทรีเหล็กตั้งเกมขึ้นมา ฟิลิปป์ ลาห์ม เปิดจากขวาเข้ามาให้ มิโรสลาฟ โคลเซ่ ขึ้นโขกเสาสอง แต่บอลไม่มีน้ำหนักโรเมโร่รับสบาย
ล่วงมานาที 74 ลิโอเนล เมสซี่ ฉีกตัวเองมาอยู่ฝั่งขวาและหาจังหวะลากเข้าในก่อนกดด้วยซ้ายบอลโค้งหลุดกรอบออกหลังไป จากนั้นอีก 4 นาทีทีมฟ้าขาวถอดกอนซาโล่ อิกัวอิน และส่งโรดริโก้ ปาลาซิโอ ลงสนามแทน ผ่านไปถึงนาที 81 เยอรมันมีลุ้นจากจังหวะที่เมซุต โอซิล ลากตัดหลังมาร์กอส โรโฮ และไหลต่อให้ โทนี่ โครส วิ่งมายิงหลุดเสาไปอีก
นาทีที่ 86 ทีมฟ้าขาวตัดสินใจเปลี่ยนตัวคนสุดท้ายโดยถอด เอ็นโซ่ เปเรซ ออกและส่งเฟร์นันโด กาโก้ ลงเล่นแทน และนาที 88 เยอรมันก็เปลี่ยนมาริโอ เกิตเซ่ ลงสนามไปแทน มิโรสลาฟ โคลเซ่ แต่ช่วงเวลาที่เหลือยังทำประตูไม่ได้จบ 90 นาที เสมอกัน 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปเพื่อหาผู้ชนะ
"เกิตเซ่"ฮีโร่-อินทรีคว้าแชมป์
ออกสตาร์ตช่วงต่อเวลาไม่ถึงนาทีเยอรมันเกือบได้เฮ มาริโอ เกิตเซ่ ตวัดต่อให้อังเดร ชูร์เล่ วิ่งเข้าซัดด้วยขวาแต่เซอร์จิโอ โรเมโร่ ทุบทิ้งออกมา จากนั้นนาที 96 มัตส์ ฮุมเมิลส์ สกัดบอลพลาดโรดริโก้ ปาลาซิโอ หลุดมา กระดกข้ามมานูเอล นอยเออร์ แต่บอลหลุดออกหลังไปเอง
ช่วงครึ่งหลังของการต่อเวลานาทีที่ 113 เยอรมันมาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 อังเดร ชูร์เล่ ตัดสินใจกระชากไปเปิดให้ มาริโอ เกิตเซ่ พักอกวอลเลย์ด้วยซ้ายเข้าเสาสองตุงตาข่ายอย่างสวยงาม ช่วงที่เหลืออาร์เจนตินา พยายามเดินเกมรุกเข้าใส่แต่ทวงคืนไม่สำเร็จ เยอรมันคว้าชัย 1-0 ผงาดครองแชมป์โลกสมัยที่ 4 ต่อจากปี 1954, 1974 และ 1990 เทียบเท่าอิตาลี เป็นรองเพียงบราซิลที่ได้ 5 สมัย
"เมสซี่"นักเตะยอดเยี่ยมปลอบใจ
นอกจากนี้ พลพรรคอินทรีเหล็กยังสร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมชาติจากยุโรปทีมแรกที่บุกมาคว้าแชมป์โลกบนแผ่นดินละตินอเมริกา เป็นแชมป์โลกครั้งแรกในรอบ 24 ปี นับตั้งแต่เฉือนชนะอาร์เจนตินา 1-0 เช่นกันในปี 1990 ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี และเป็นครั้งแรกที่ได้แชมป์หลังรวมประเทศเป็นเยอรมนี โดย 3 ครั้งก่อนหน้านี้ได้ในนามเยอรมนีตะวันตก ขณะเดียวกันยังเป็นการคว้าแชมป์ฉลองครบรอบ 60 ปีพอดีนับตั้งแต่ได้สัมผัสแชมป์โลกครั้งแรกในปี 1954
ขณะที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่า ประกาศรางวัลต่างๆ หลังจบเกมนัด ชิงชนะเลิศ ผลปรากฏว่า ลิโอเนล เมสซี่ ดาวยิงกัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา คว้ารางวัลลูกฟุตบอลทองคำ หรือนักเตะยอดเยี่ยมของฟุตบอลโลก 2014 ไปครอง หลังพาฟ้าขาวทำผลงานได้น่าประทับใจก่อนได้รองแชมป์โดยซัดไป 4 ประตูได้รับเลือกเป็นแมนออฟเดอะแมตช์ 4 ครั้งตลอดทัวร์นาเมนต์
"เจมส์ โรดริเกซ"ดาวยิงสูงสุด
ส่วนรางวัลรองเท้าทองคำ หรือดาวยิงสูงสุด ตกเป็นของ เจมส์ โรดริเกซ เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติโคลัมเบียที่ซัดไป 6 ประตู ขณะที่ พอล ป๊อกบา กองกลางทีมชาติฝรั่งเศสซิวรางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยม และรางวัลถุงมือทองคำ หรือผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมเป็น มานูเอล นอยเออร์ มือกาวทีมชาติเยอรมันคว้าไปครอง ด้านทีมชาติโคลัมเบีย ได้รางวัลแฟร์เพลย์จากฟีฟ่า
ในส่วนของเงินรางวัลในฟุตบอลโลกครั้งนี้ เยอรมันรับไปในฐานะแชมป์ 35 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1,120 ล้านบาท ถือว่าสูงสุดในประวัติศาสตร์เทียบกับสเปน แชมป์ปี 2010 ได้รับ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนอาร์เจนตินารองแชมป์รับ 25 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 800 ล้านบาท รองแชมป์ครั้งก่อนรับ 24 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ฮอลแลนด์ ทีมอันดับ 3 ได้ 20 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 640 ล้านบาท และบราซิล อันดับ 4 รับ 18 ล้านเหรียญสหรัฐ ราว 576 ล้านบาท
ฟีฟ่ารับเละ 4.5 พันล้านเหรียญ
สำหรับทีมที่ตกรอบก่อนรองชนะเลิศรับทีมละ 14 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 448 ล้านบาท ส่วนชาติที่ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายรับทีมละ 9 ล้านเหรียญสหรัฐ ราว 288 ล้านบาท และ 16 ทีมที่ตกรอบแบ่งกลุ่มรับทีมละ 8 ล้านเหรียญสหรัฐ ราว 256 ล้านบาท ก่อนหน้านั้นทั้ง 32 ชาติที่ร่วมแข่งขันรอบสุดท้ายได้รับทีมละ 1.5 ล้านเหรียญ ราว 48 ล้านบาท สำหรับการเตรียมทีม การฝึกซ้อม ค่าใช้จ่ายในการเดินทางและอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม เงินรางวัลดังกล่าวยังถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนรายได้ที่ฟีฟ่าได้รับจากการถ่ายทอดสอด การขายลิขสิทธิ์ และ สปอนเซอร์ต่างๆ กว่า 4,500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 144,000 ล้านบาท และนักเตะดังอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ที่รับจากบาร์เซโลน่าปีละกว่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1,750 ล้านบาท
"เลิฟ"เปิดใจคำพูดกระตุ้น"เกิตเซ่"
หลังจบเกม โยอาคิม เลิฟ เทรนเนอร์ทีมชาติเยอรมัน เผยใช้คำพูดเด็ดกระตุ้น มาริโอ เกิตเซ่ ตอนพักครึ่งของช่วงต่อเวลาพิเศษ จนทำให้ดาวเตะวัย 22 ปีกลายเป็นฮีโร่ของทีม
โดยเลิฟกล่าวว่า "ผมบอกกับมาริโอ เกิตเซ่ ช่วงพักครึ่งของการต่อเวลาพิเศษ ว่าให้ลงไปแสดงให้คนทั่วโลกเห็นว่าเป็นผู้เล่นที่ดีกว่า ลิโอเนล เมสซี่ และคว้าแชมป์โลกมาครอง ให้ได้ ผมมีความรู้สึกที่ดีกับเขา เชื่อว่าเขาสามารถตัดสินเกมได้ และเขาก็ทำสำเร็จ ยิงประตูสุดสวยตัดสินเกมในวันนี้ เกิตเซ่คือ เจ้าหนูมหัศจรรย์ เขาสามารถลงเล่นได้ทุกตำแหน่ง" กุนซืออินทรีเหล็กกล่าว
โค้ชวัย 54 ปี ที่เข้ามาเป็นผู้ช่วยของเจอร์เก้น คลินส์มันน์ ในปี 2004 ก่อนก้าวขึ้นรับตำแหน่งกุนซือทีมชาติหลังจบฟุตบอลโลกปี 2006 ที่เยอรมันเป็นเจ้าภาพ ระบุอีกว่าความสำเร็จสูงสุดของอินทรีเหล็กเป็นผลมาจากการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา และทีมชุดนี้ก็คู่ควรกับตำแหน่งแชมป์โลก
สปิริต-ระเบียบวินัยสู่ผลสำเร็จ
"เราเริ่มโปรเจ็กต์นี้มาตั้งแต่ 10 ปีก่อน และนี่คือผลผลิตของการทำงานต่อเนื่องมาหลายปี โดยเริ่มต้นจาก เจอร์เก้น คลินส์มันน์ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราพัฒนาผลงาน ฟอร์มการเล่นอย่างคงเส้นคงวา จนกระทั่ง มาประสบความสำเร็จสูงสุดอย่างที่เราทำได้ในวันนี้ และทีมชุดนี้ก็เหมาะสมที่สุดแล้ว กับนักเตะอย่าง เพอร์ แมร์เตซักเกอร์, ลูคัส โพโดลสกี้, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, ฟิลิปป์ ลาห์ม และ มิโรสลาฟ โคลเซ่ ที่อยู่กับทีม กลุ่มนี้มาตลอด สปิริติภายในทีมยอดเยี่ยม มาก
ทุกคนมีความมุ่งมั่น ตั้งใจจริง มีระเบียบวินัยในตัวเองที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ นักเตะทุ่มเททุกอย่าง โดยมีชไวน์สไตเกอร์นำทัพ และลาห์ม ก็วิ่งไม่เคยหยุด ผมบอกพวกเขาก่อนเกมนัดชิงว่า พวกเขาต้องใส่เต็มที่มาก กว่าทุกครั้งที่เคยทำมา เพื่อคว้าแชมป์โลก เราเป็นยุโรปทีมแรกที่มาคว้าแชมป์โลกในอเมริกาใต้ สิ่งนี้ทำให้พวกเราภูมิใจมาก ความสนุก และความสุขที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะอยู่ในความทรงจำของเราตลอดไปไม่มีวันลืม" เลิฟ กล่าวเสริม
"เกิตเซ่"เผยวินาทีซัดประตูชัย
ขณะเดียกวัน กุนซือทีมอินทรีเหล็กยังแสดงความเชื่อมั่นว่า การคว้าแชมป์โลกประวัติศาสตร์ครั้งนี้ จะเป็นแรงกระตุ้นสำคัญให้ทีมประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้นไปอีกในอนาคต เพราะผู้เล่นในทีมชุดนี้มีหลายคน อายุยังไม่เกิน 30 ปี ไม่ว่าจะเป็น มาริโอ เกิตเซ่ 22 ปี, โธมัส มุลเลอร์ โทนี่ โครส 24 ปี, มัตส์ ฮุมเมิลส์ เมซุต โอซิล 25 ปี รวมถึงมาร์โก้ รอยส์ ที่บาดเจ็บก่อนฟุตบอลโลกครั้งนี้เปิดฉาก นักเตะเหล่านี้ยังสามารถประสบความสำเร็จได้อีกมากมายในอาชีพ ค้าแข้ง
ส่วนมาริโอ เกิตเซ่ เปิดใจฝันเป็นจริงกลายเป็นคนที่ยิงประตูชัยพาทีมคว้าแชมป์โลก ว่า "ผมแทบไม่อยากจะเชื่อเลย จังหวะนั้นผมยิงไปด้วยสัญชาตญาณโดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่ามันจะเข้าหรือไม่ วันนี้ผมทำความฝันสำเร็จแล้ว ผมภูมิใจมากและมีความสุขอย่างยิ่ง กับทุกอย่างที่เกิดขึ้นในบราซิล นักเตะทุกคนในทีมเราสมควรได้รับคำชมและเราก็ภูมิใจมากที่คว้าแชมป์โลกสำเร็จ" สำหรับ เกิตเซ่ ลงเล่น 6 นัดและยิง 2 ประตูในศึกฟุตบอลโลก 2014
กัปตัน"ลาห์ม"ชี้อัศจรรย์จริงๆ
ฟิลิปป์ ลาห์ม กัปตันทีมทีมกล่าวว่า เราเล่นอย่างอดทนและนิ่ง เรารู้ว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นในช่วงท้าย มันเหลือเชื่อมากกับความสำเร็จที่เกิดขึ้น เราพัฒนาดีขึ้นเรื่อยๆ ตลอดทัวร์นาเมนต์ เราไม่ตื่นตระหนกเมื่อสิ่งต่างๆ ไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง เรายึดมั่นในแนวทางของเรา และสุดท้ายเราก็มายืนที่นี่ในฐานะแชมป์โลก เป็นความรู้สึกที่อัศจรรย์จริงๆ
ขณะที่มัตส์ ฮุมเมิลส์ ระบุว่าการจะคว้าแชมป์โลกได้ต้องเล่นเป็นทีม และเยอรมันก็แสดงให้เห็นตั้งแต่ออกสตาร์ตทัวร์นาเมนต์ ขณะเดียวกันทีมมีโชคเข้าข้างด้วยเช่นกันในรอบชิงชนะเลิศที่พบอาร์เจนตินา ตอนแรกเตรียมพร้อมสำหรับการยิงจุดโทษตัดสินแล้ว
ส่วนบาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ เสริมว่าทีมมีความเชื่อมั่นเสมอว่ามีศักยภาพดีพอคว้าแชมป์โลกได้ แม้มีบางแมตช์ที่ยากโดยเฉพาะในเกมกับฝรั่งเศส แต่ก็ไม่เคยสูญเสียศรัทธา การเจอกับอาร์เจนตินาก็เช่นกัน นักเตะทุกคนมีความเชื่อว่าสามารถทำได้ ทีมชุดนี้มีการผสมผสานที่ลงตัวทั้งเกมรุกและเกมรับ สภาพจิตใจยอดเยี่ยม ไม่มีความกดดันอะไร และตอนนี้ก็ก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของโลกแล้ว
สื่อเยอรมันแห่สรรเสริญ
ขณะเดียวกัน บรรดาสื่อมวลชนของเยอรมัน ต่างสรรเสริญผลงานนักเตะอินทรีเหล็ก และยกย่อง "ซูเปอร์ มาริโอ" เกิตเซ่ เป็นเทพเจ้าแห่งฟุตบอลของเยอรมัน โดยหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่อย่าง "บิลด์" พาดหัวใหญ่ขึ้นสกอร์ "1-0 เยอรมันแชมป์โลก" พร้อมรูปมาริโอ เกิตเซ่ และให้เนื้อที่อีก 16 หน้ากล่าวถึงชัยชนะของนักเตะอินทรีเหล็กที่นครริโอ เดอ จาเนโร ขณะที่ฉบับออน ไลน์ขึ้นหัวว่า "เกิตเซ่ พระเจ้าแห่งฟุตบอล" พร้อมระบุอีกว่า "ขอบคุณโยกี้ (เลิฟ) ขอบคุณนักเตะทุกคน พวกคุณทำให้เรามีความสุข เหลือคณานับ"
ส่วนดี เวลต์ ระบุว่า "สุดยอดแมตช์ สุดยอดการต่อสู้ และสุดยอดแห่งดราม่า" ขณะที่แฟรงก์เฟอร์เตอร์ อัลเกไมเน่ ไซตุง พาดหัวว่า "เกิตเซ่ ผู้พิชิต เยอรมันคู่ควรกับการเป็นยุโรปทีมแรกที่ไปคว้าแชมป์โลกในอเมริกาใต้"
โค้ชฟ้าขาวเศร้า-แต่ภูมิใจนักเตะ
ด้าน อเลฮานโดร ซาเบญ่า กุนซือทีมชาติอาร์เจนตินา ยอมรับสุดเสียใจที่ฟ้าขาวปราชัยไปอย่างหวุดหวิด แต่ก็ยังภูมิใจกับผลงานของลูกทีมทุกคน โดยให้สัมภาษณ์หลังเกมว่า "ผมเศร้าที่เราไม่ได้แชมป์ แต่ภูมิใจในทีมของเรา เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม ขอแสดงความยินดีกับนักเตะทุกคน ที่ทำให้คนทั้งประเทศภูมิใจกับผลงานของพวกเขาในฟุตบอลโลกครั้งนี้ คิดว่าทุกคนรับรู้ในเรื่องนี้ ส่วนผลการแข่งขันเป็นเรื่องรองลงมา วันนี้ทีมของเราเติบโตขึ้น และเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมในการพบกับมหา อำนาจแห่งวงการลูกหนังอย่างเยอรมัน เกมนี้พวกเขาครองบอลได้มากกว่าก็จริง แต่เรามีโอกาสทำประตูมากกว่า ทว่าขาดความคมในจังหวะปิดสกอร์" ซาเบญ่า กล่าว
ส่วนอนาคตคุมทีม ซาเบญ่าที่ก่อนหน้านี้มีข่าวเตรียมอำลาตำแหน่งหลังจบฟุตบอลโลกที่บราซิล เผยว่าตอนนี้ยังไม่สามารถพูดเกี่ยวกับอนาคตคุมทีมของตัวเองได้ และไม่รู้จะพูดอะไรด้วย สิ่งที่อยากทำคือขอพัก และใช้เวลากับนักเตะ รวมทั้งครอบครัว ก่อนสัก 2-3 วัน แล้วค่อยมาดูอีกที นี่เป็นฟุตบอลโลกที่พิเศษมาก นักเตะทุกคนทุ่มเทอย่างเต็มที่แล้ว
ยัน"เมสซี่"คู่ควรนักเตะยอดเยี่ยม
โค้ชวัย 59 ปียังกล่าวยกย่อง ลิโอเนล เมสซี่ และยืนยันคู่ควรกับตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ โดยระบุว่า "เมสซี่ เล่นในฟุตบอลโลกครั้งนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม คู่ควรที่จะได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมในบอลโลกปีนี้ เมสซี่คือสุดยอดนักฟุตบอลแห่งยุค เมสซี่พาทีมเราผ่านเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศ เขาสมควร ได้รางวัลไปครอง
ซาเบญ่าออกมาปกป้องเมสซี่หลังจาก "เสือเตี้ย" ดิเอโก้ มาราโดน่า ตำนานนักเตะทีมชาติอาร์เจนตินาชุดแชมป์โลกปี 1986 ออกมาแสดงความเห็นว่า ดาวยิงจากบาร์เซโลน่าไม่คู่ควรกับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของฟุตบอล โลก 2014 เนื่องจากไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์มาครองได้ ชี้รางวัลควรเป็นของนักเตะอินทรีเหล็กมากกว่า
มาราโดน่า กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า "สำหรับเมสซี่ ผมอยากมอบสวรรค์ให้เขาเลยหากทำได้ แต่การตัดสินใจของฟีฟ่าครั้งนี้ไม่ถูกต้อง เมื่อคนที่ได้แชมป์ไม่ได้รางวัล เพียงเพราะเป็นเรื่องของแผนการตลาด"
"มาราโดน่า"เฉ่งแท็กติกพลาด
นอกจากนี้มาราโดน่ายังเผยอีกว่า รู้สึกเศร้าและผิดหวังมากที่อาร์เจนตินาไม่ได้แชมป์ ประตูของมาริโอ เกิตเซ่ สร้างความเจ็บปวดอย่างมาก เพราะทุกอย่างดูเหมือนกำลังเข้าทาง คิดว่าทีมคู่ควรได้ไปลุ้นดวลจุดโทษตัดสินเป็นอย่างน้อย ประตูชัยของเยอรมันเกิดขึ้นจากความไม่เข้าใจกันในแนวรับของอาร์เจนไตน์
พร้อมกันนี้เจ้าตัวยังวิจารณ์ซาเบญ่า เรื่องการตัดสินใจเปลี่ยนเอเซเกล ลาเวซซี่ ออกแล้วส่งเซอร์จิโอ อเกโร่ ลงสนามช่วงครึ่งหลัง มองว่าเป็นการปรับแท็กติกที่ผิดพลาด
"ผมไม่เข้าใจการเปลี่ยนลาเวซซี่ออก เพราะ เขาโดดเด่นมากกับการขึ้นเกมทางริมเส้นในครึ่งแรก ขณะที่ กุน อเกโร่ ไม่ได้สร้างปัญหากับเยอรมันได้เหมือนลาเวซซี่เลยเมื่อลงไป มันไม่ใช่ทัวร์นาเมนต์ของเขา" เสือเตี้ยกล่าวเสริม
"เมสซี่"ชี้เหตุแพ้-ไม่เฉียบคม
ส่วน ลิโอเนล เมสซี่ ระบุทีมแพ้เพราะ ไม่เฉียบคมพอ ทั้งที่มีโอกาสทำประตูได้หลายครั้งทั้งจากกอนซาโล่ อิกัวอิน หลุดเดี่ยว ในครึ่งแรก ขณะที่ครึ่งหลังตน และโรดริโก้ ปาลาซิโอ ก็มีจังหวะปิดสกอร์แต่ทำไม่สำเร็จ
"พวกเราไม่สามารถผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลกมาหลายปี และปีนี้เรามาถึงรอบชิงชนะเลิศได้ กับแนวทางการเล่นของเราที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่เราสามารถภาคภูมิใจได้ แต่พวกเราคู่ควรกับบางอย่างที่ดีกว่านี้ นั่นคือสาเหตุที่ทำให้พวกเราเศร้าเสียใจมาก กองหน้า พลาดโอกาสที่มี นี่คือความรู้สึกแย่สำหรับพวกเราทุกคน เพราะพวกเราไม่สามารถนำถ้วยแชมป์กลับบ้านไปให้กับชาวอาร์เจนไตน์ได้" เมสซี่กล่าว
นอกจากนี้ เมสซี่ยืนยันว่ารางวัลโกลเด้น บอลไม่ใช่สิ่งที่สำคัญอะไรเลย ไม่สามารถลบเลือนความผิดหวังที่พลาดแชมป์โลกได้ สิ่งเดียวที่ตนต้องการคือการชูถ้วยแชมป์โลกเท่านั้น
แฟนบอลอาร์เจนฯก่อจลาจล
ด้านแฟนบอลฟ้าขาวมีทั้งเสียใจ ร่ำไห้ ที่ทีมชวดคว้าแชมป์โลก และมีจำนวนมากชื่นชม โดยระบุยังภูมิใจกับผลงานของทีม ที่ผ่านเข้าชิงชนะเลิศได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม มีบางกลุ่มคลุ้มคลั่ง โกรธแค้นก่อเหตุจลาจลอย่างรุนแรงในกรุงบูเอโนสไอเรส เมืองหลวงของประเทศ หลังทีมชวดแชมป์โลก จนตำรวจต้องยิงแก๊สน้ำตาและฉีดน้ำสลาย ฝูงชน
รายงานข่าวระบุว่า แฟนบอลทีมชาติอาร์เจนตินา ส่วนใหญ่เป็นหนุ่มวัยรุ่น ได้ขว้าง ปาก้อนหินและทำลายทรัพย์สินข้าวของร้านค้าหลายร้าน บริเวณใจกลางกรุงบูเอโนส ไอเรส หลังทีมแพ้เยอรมัน จนทำให้ทางการต้องส่งกำลังตำรวจเข้าควบคุมสถานการณ์ และเกิดการปะทะกันขึ้น ต้องยิงแก๊สน้ำตารวมทั้งฉีดน้ำสลายฝูงชน มีผู้บาดเจ็บราว 20 คน โดยเป็นตำรวจ 15 นาย พร้อมกันนี้ตำรวจยังได้จับกุมผู้ก่อเหตุรุนแรงไปควบคุมตัวกว่า 30 คน
ขณะที่สื่ออาร์เจนไตน์ ส่วนใหญ่ยกย่อง ผลงานของทีมแม้ชวดแชมป์ โดยหนังสือพิมพ์ "โอเล่" พาดหัวว่า "หัวใจแห่งแชมป์" และเสริมว่า "เราแพ้ 0-1 แต่ทุ่มเททุกอย่างแล้วและได้ขึ้นรับรางวัลเป็นครั้งแรกใน รอบ 24 ปี คู่ควรที่จะได้รับการต้อนรับอย่างฮีโร่"
เด็กไทยเปิดใจจูงมือนักเตะนัดชิง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในนัดชิงชนะเลิศนี้ มีเด็กไทยร่วมเป็นหนึ่งในแมตช์ประวัติศาสตร์ ฟุตบอลโลก 2014 โดย ด.ช.ชาญชวิน หมัดนุรักษ์ หรือน้องอับบาส วัย 9 ขวบ จากโรงเรียนสาธิตรามคำแหง ตัวแทนเยาวชนไทยร่วมจูงมือนักเตะลงสู่สนาม โดยน้อง อับบาสได้จูงมือเอเซเกล ลาเวซซี่ กองหน้าทีมชาติอาร์เจนตินา ด้วยรอยยิ้มสดใส หลังจากก่อนหน้านี้อีกหนึ่งเด็กไทย น้อง บลิงค์ ด.ญ. ชญาดา สุพุทธิพงศ์ อายุ 7 ขวบ โรงเรียนพระยาประเสริฐ จูงมือสติเป้ เปลติโกซ่า ผู้รักษาประตูทีมชาติโครเอเชียใน นัดเปิดสนามดวลแข้งกับบราซิล ตามโครงการแมคโดนัลด์ เพลเยอร์ เอสคอร์ต 2014 ซึ่งคัดเด็กจากทั่วโลกเข้าร่วมโครงการ โดยมีเยาวชนไทยร่วมคัดเลือกในโครงการนี้กว่า 1,500 คน
น้องอับบาสเปิดเผยข้ามทวีปเล่านาทีสำคัญว่า เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ทีมงานจะไม่ให้เด็กๆ เห็นและเลือกว่าจะจูงใคร รู้ว่าจะได้จูงมือนักเตะทีมชาติอาร์เจนตินาไม่กี่นาที แต่ไม่รู้ว่าจูงใคร ลุ้นขอให้เป็นเมสซี่เพราะชอบมานาน แต่ก็เผื่อใจไม่ว่าจูงใครก็สุดยอดแล้ว พอปล่อยตามคิวปรากฏว่าตัวเองได้จูงมือเอเซเกล ลาเวซซี่ กองหน้าและปีกแถมเป็นผู้เล่นตัวฉกาจในลีก เล่นให้กับทีมฟุตบอลปารีส เเซงต์ แยร์แมง เลยตื่นเต้นขนลุก