- Details
- Category: กีฬา
- Published: Monday, 30 June 2014 09:37
- Hits: 4052
วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8615 ข่าวสดรายวัน
บราซิล ขี่ดวงเข้า อินทรีฟิต มุลเลอร์นำทัพ ชนแอลจีเรียอีกคู่ไก่-ไนจีเรีย แฟนแซมบ้าหัวใจวายดับ1 ลุ้น'นย์มาร์'ซัลโวโทษชนะ กสทช.ฮึ่มอาร์เอสไม่ถ่ายสด
ยิงแม่น - เนย์มาร์ กองหน้าบราซิล ยิงจุดโทษผ่านมือเคลาดิโอ บราโว่ ผู้รักษาประตูชิลี หลังทั้งสองทีมเสมอในเกม 1-1 โดยบราซิลยิงจุดโทษแม่นยำกว่า เฉือนชนะชิลีไปสุดมัน 3-2 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีม |
ลุ้น 2 อดีตแชมป์ตัดเชือกวันนี้ ทีมตราไก่ดวล ไนจีเรีย วาง "เบนเซม่า" เป็นหน้าเป้าเจาะตาข่าย อินทรีมรกต อีกคู่อินทรีเหล็กฉะจิ้งจอกทะเลทราย แอลจีเรียสถิติหรู ชนะเยอรมันในบอลโลก 2 นัด ส่วนผลแข่งน็อกเอาต์นัดแรก บราซิลหืดจับดวลโทษชนะชิลี 3-2 หลังต่อเวลาเสมอกัน 1-1 ด้านอุรุกวัย ที่ไร้ "ซัวเรซ" ต้านโคลัมเบียไม่อยู่ โดน "เจมส์ โรดริเกซ" ซัด 2 ตุง เขี่ยตกรอบ
กสทช.โวยอาร์เอสผิดเงื่อนไข
วันที่ 29 มิ.ย. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการกสทช. กล่าวถึงกรณีบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เจ้าของลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2014 ทำผิดเงื่อนไขที่ตกลงไว้ โดยรอบ 16 ทีมคู่บราซิล-ชิลี ที่เพิ่งเตะคืน วันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา อาร์เอสไม่ยอมถ่ายทอดสดให้รับชมในระบบอนาล็อก และยังพบว่ามีถึง 4 คู่จาก 8 คู่ที่อาร์เอสไม่ถ่ายทอดสดผ่านช่องฟรีทีวี ซึ่งกสทช.กำลังติดต่อขอทำความเข้าใจกับอาร์เอส หากยัง ไม่ถ่ายทอดสดผ่านช่องฟรีทีวีอีก มีความเป็นไปได้ที่กสทช.จะหักจำนวนเงินที่จะจ่ายให้อาร์เอส เพราะผิดเงื่อนไข
ตราไก่ดวลไนจีเรียคืนนี้
การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2014 ที่ประเทศบราซิล ประจำคืนวันที่ 30 มิ.ย.ตามเวลาประเทศไทย เป็นเกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย คู่ที่เตะในเวลา 23.00 น. ที่สนามเอสตาดิโอ นาซิอองนาล มาเน่ การ์รินช่า กรุงบราซิเลีย "ตราไก่"ฝรั่งเศส จากโซนยุโรป พบกับ "อินทรีมรกต"ไนจีเรีย จากโซนแอฟริกา
"ตราไก่" ผ่านเข้ารอบมาในฐานะแชมป์กลุ่มอี ทำผลงานชนะฮอนดูรัส 3-0 ชนะสวิตเซอร์แลนด์ 5-2 เสมอเอกวาดอร์ 0-0 เก็บไป 7 แต้มจาก 3 นัด ขณะที่ "อินทรีมรกต" เป็นรองแชมป์กลุ่มเอฟ ทำผลงานเสมออิหร่าน 0-0 ชนะบอสเนีย 1-0 แพ้อาร์เจนตินา 2-3 เก็บได้ 4 แต้มจาก 3 นัด
"เบนเซม่า"นำทีมเลอเบลอส์
เช็กความพร้อมก่อนลงสนาม "ตราไก่" ต้องรอเช็กความฟิตมามาดู ซาโก้, โลร็องต์ กอสเซียลนี่ แต่จะได้โยฮัน กาบาย พ้นโทษแบนกลับมาช่วยทีมอีกครั้ง โดยวางระบบ 4-3-3 นายทวารเป็นฮูโก้ โยริส กองหลังใช้มาติเยอ เดอบูชี่, ราฟาเอล วาราน, เอเลียแก็ง ม็องกาล่า, พาทริซ เอวร่า กองกลางประกอบด้วย พอล ป๊อกบา, แบลส มาตุยดี้, โยฮัน กาบาย ส่วนแดนหน้า มาติเยอ วัลบูเอน่า เล่นริมเส้นฝั่งขวา อองตวน กริซมันน์ ยืนฝั่งซ้าย โดยมีคาริม เบนเซม่า เป็นหัวหอกตรงกลาง
ทางด้าน "อินทรีมรกต" จะไม่มีไมเคิล บาบาตุนเน่ ที่บาดเจ็บ และต้องรอเช็กความฟิตก๊อดฟรีย์ โอบัวโบน่า, วิกเตอร์ โมเซส แถมล่าสุดมีปัญหาในทีมหลังนักเตะประท้วงไม่ยอมลงซ้อมเพื่อประท้วงขอส่วนแบ่งรายได้จากการผ่านเข้ารอบ โดยเกมนี้คาดว่าจะวางหมาก 4-2-3-1 วินเซนต์ เอ็นเยียม่า ลงเฝ้าเสา แนวรับใช้ เอเฟ่ อัมโบรส, เคนเน็ธ โอเมรู, โจเซฟ โยโบ, จูวอน โอชานิว่า คู่กลางรับ จอน โอบี มิเกล ประสานงานกับอ๊อกเกนยี่ โอนาซี่ กลางรุกประกอบด้วย ปีเตอร์ โอเด็มวิงกี้, รามอน อาซีซ, อาห์เหม็ด มูซ่า ส่วนหัวหอกตัวเป้าเป็นงานของเอ็มมานูเอล เอเมนิเก้
คู่นี้เคยเจอกันมาครั้งเดียวในเกมกระชับมิตรเมื่อปี 2009 ฝรั่งเศสพ่ายคารังไป 0-1
ผู้ตัดสินนัดนี้เป็น มาร์ก ไกเกอร์ จากสหรัฐอเมริกา
อินทรีเหล็กชนจิ้งจอกทะเลทราย
ส่วนคู่ที่เตะในเวลา 03.00 น. หลังเที่ยงคืนวันที่ 30 มิ.ย. ที่สนามเอสตาดิโอ ไบร่า-ริโอ เมืองปอร์โต้ อเลเกร "อินทรีเหล็ก"เยอรมนี จากโซนยุโรป พบกับ "จิ้งจอกทะเลทราย" แอลจีเรีย จากโซนแอฟริกา
"อินทรีเหล็ก" ผ่านเข้ารอบมาในฐานะแชมป์กลุ่มจี ทำผลงานชนะโปรตุเกส 4-0 เสมอกานา 2-2 ชนะสหรัฐอเมริกา 1-0 เก็บไป 7 แต้มจาก 3 นัด ขณะที่ "จิ้งจอกทะเลทราย" เป็นรองแชมป์กลุ่มเอช ทำผลงานแพ้เบลเยียม 1-2 ชนะเกาหลีใต้ 4-2 เสมอรัสเซีย 1-1 เก็บไป 4 แต้มจาก 3 นัด
ความพร้อมก่อนลงสนาม "อินทรีเหล็ก" จะไม่มีลูคัส โพโดลสกี้ ที่บาดเจ็บ คาดว่าจะใช้แผน 4-3-3 มานูเอล นอยเออร์ ลงเฝ้าเสา กองหลังใช้ เยอโรม บัวเต็ง, เพอร์ แมร์เตซักเกอร์, มัตส์ ฮุมเมิลส์, เบเนดิกต์ โฮเวเดส กองกลางประกอบด้วย บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, ฟิลิปป์ ลาห์ม, โทนี่ โครส ส่วนแดนหน้าเป็นการประสานงานกันระหว่าง เมซุต โอซิล, มาริโอ เกิตเซ่, โธมัส มุลเลอร์
แอลจีเรียสถิติหรูซิวเยอรมัน 2 นัด
ทางด้าน "จิ้งจอกทะเลทราย" ต้องรอเช็กความฟิตมัดฌีด์ บูเกร์ร่า โดยจะใช้ระบบ 4-2-3-1 ราอิส เอ็มโบลี่ เป็นนายทวาร แนวรับจากขวาไปซ้าย อาอิสซ่า มานดี้, ราฟิก ฮัลลิเช่, มัดฌีด์ บูเกร์ร่า, ฌาแมล เมสบาห์ คู่กลางรับ คาร์ล เมด์ฌานี่ ประสานงานกับนาบิล เบนตาเล็บ ส่วนแผงกลางรุกเป็นโซฟียาน เฟกูลี่, ยาซีน บราฮิมี, อับเดลมูเมน ฌาบู ขณะที่หัวหอกตัวเป้าเป็นงานของอิสลัม สลิมานี่
คู่นี้เคยเจอกันมา 2 ครั้ง เป็นแอลจีเรียที่ชนะไปได้ทั้ง 2 ครั้ง หนล่าสุดเกิดขึ้นในศึกฟุตบอลโลก 1982 รอบแบ่งกลุ่มรอบแรก แอลจีเรียชนะ 2-1 ผู้ตัดสินนัดนี้เป็น ซานโดร ริชชี่ จากบราซิล
"บราซิล-ชิลี"เปิดศึกน็อกเอาต์
สำหรับผลการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มิ.ย. รอบ 16 ทีมสุดท้ายคู่แรก ที่สนามเอสตาดิโอ มิเนเรา เมืองเบโล โฮริซอนเต้ "แซมบ้า"บราซิล ทีมเจ้าภาพแชมป์จากกลุ่มเอ ลงสนามพบกับชิลี รองแชมป์ของกลุ่มบี ชาติร่วมโซนอเมริกาใต้ด้วยกัน
นำซัลโว - เจมส์ โรดริเกซ กองกลางโคลัมเบีย พลิกตัวยิงบอลพุ่งตุงตาข่ายให้ทีมขึ้นนำอุรุกวัย แถมยังยิงประตู ย้ำชัยอีกลูกให้โคลัมเบียชนะ 2-0 และขึ้นนำดาวซัลโวยิงไป 5 ลูก ส่วนทีมอุรุกวัยพ่ายตกรอบแล้ว |
แมตช์นี้หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ กุนซือทีมแซมบ้าไม่มีปัญหาเรื่องการจัดทัพโดยมีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่นเพียงคนเดียวจากนัดก่อนส่งเฟอร์นันดินโญ่ ลงแทนเปาลินโญ่ โดยมีฮัล์ก, เฟร็ด และเนย์มาร์ ประสานงานในแนวรุก ขณะที่ชิลีได้จอมทัพคนสำคัญ อย่างอาร์ตูโร่ วิดัล ฟิตลงสนามได้ และใช้ อเล็กซิส ซานเชซ กับเอดูอาร์โด้ วาร์กาส เป็นคู่หูล่าตาข่าย
เริ่มเกมครึ่งแรกบราซิลได้ทักทายก่อนตั้งแต่ 5 นาทีแรกจากลูกยิงของไกลของ มาร์เซโล่ แต่บอลหลุดกรอบไปนิดเดียว หลังจากนั้น 10 นาทีเจ้าภาพมีลุ้นอีกครั้งเมื่อได้ฟรีคิกระยะ 20 หลา และเป็นเนย์มาร์บรรจงปั่นแต่เคลาดิโอ บราโว่ รับไว้ได้
แซมบ้าขึ้นนำก่อนถูกตีเสมอ
รูปเกมยังเป็นบราซิลที่บุกมากกว่าและมาได้ประตูขึ้นนำสมใจในนาทีที่ 18 จากจังหวะที่เนย์มาร์เปิดเตะมุมฝั่งซ้ายเข้าหน้าประตูเฟร็ด โขกบอลข้ามไปเสาสองโดนกอนซาโล่ ฮาร่า ก่อนแฉลบดาวิด ลุยซ์ เข้าประตูให้แซมบ้าออกนำ 1-0
แต่เข้าสู่นาที 32 กองเชียร์เจ้าภาพถึงกับเงียบกริบ เมื่อบราซิลทำพลาดจังหวะได้ลูกทุ่มในแดนตัวเอง มาร์เซโล่ทุ่มให้ฮัล์ก ก่อนคืนกลับหลังแต่ถูกเอดูอาร์โด้ วาร์กาส ของชิลีฉกบอลก่อนจ่ายให้อเล็กซิส ซานเชซ ยิงเรียดหนีมือฮูลิโอ เซซาร์ เสียบเสาสองกลายเป็นประตูตีเสมอให้ชิลีเป็น 1-1
มาถึงช่วงท้ายครึ่งแรกบราซิลเกือบได้ประตูเพิ่มจากจังหวะยิงไกลระยะ 30 หลาของดานี่ อัลเวส แต่เคลาดิโอ บราโว่ พุ่ง ปัดทิ้งได้ทันทำให้จบ 45 นาทีแรก บราซิล เสมอชิลี 1-1
จบเกมยังเสมอ 1-1
กลับมาต่อในครึ่งหลังเพียง 4 นาที แซมบ้าเกือบเฮจากลูกยิงไกลของเฟอร์นันดินโญ่ บอลพุ่งหลุดกรอบไปแบบได้ลุ้น และหลังจากนั้นนาทีที่ 54 บราซิลมาพลาดได้ประตูไปอย่างน่าเสียดายหลังฮัล์กพักบอลลงในกรอบเขตโทษฝั่งขวาแล้วตวัดยิงส่งบอลเข้าก้นตาข่าย แต่เฮเก้อเมื่อถูกผู้ตัดสินเป่าเป็นแฮนด์บอลเสียก่อน
เกมดำเนินมาครบชั่วโมงบราซิลเริ่มบุกไม่ขึ้น และนาทีที่ 66 แฟนชิลีเกือบได้เฮ จากจังหวะต่อบอลขึ้นมาทางขวา เมาริซิโอ อิสล่าตวัดจ่ายจากริมเส้นหลังเข้าหน้าประตูให้ชาร์ลส์ อรานกูอิซ กดเต็มข้อแต่ฮูลิโอ เซซาร์ เซฟไว้ได้
จากนั้นทั้งสองทีมเล่นด้วยความระมัด ระวังมากขึ้น จนมาถึงช่วงท้ายนาทีที่ 83 แฟนเจ้าบ้านเกือบมีเฮ ดานี่ อัลเวสเปิดบอลจากฝั่งขวาไปหน้าประตูให้เนย์มาร์ลอยตัวโขกเต็มแรงแต่เคลาดิโอ บราโว่ ยังป้องกันไว้ได้ จนกระทั่งจบ 90 นาทีไม่มีประตูเพิ่ม บราซิล เสมอ ชิลี 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษไปอีก 30 นาที
สู้กันถึงดวลโทษ-บราซิลชนะ 3-2
ในช่วงต่อเวลาพิเศษนักเตะมีอาการอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด โดยบราซิลมีลุ้นจากลูกยิงไกลระยะ 25 หลาของฮัล์กในนาทีที่ 103 แต่เคลาดิโอ บราโว่ พุ่งปัดเอาไว้ได้ มาถึงช่วงท้ายของการต่อเวลาพิเศษนาทีที่ 119 ชิลีเกือบได้เฮจากลูกยิงของเมาริซิโอ ปินิญ่า แต่บอลพุ่งชนคานอย่างจังทำให้จบ 120 นาทียังเสมอ 1-1 ต้องไปดวลจุดโทษตัดสิน
ช่วงดวลจุดโทษดาวิด ลุยซ์ ของบราซิลยิงคนแรกไม่พลาดนำ 1-0 ก่อนเมาริซิโอ ปินิญ่า ของชิลีลงมาซัดไปติดเซฟฮูลิโอ เซซาร์ แต่คนต่อมาของเจ้าภาพ วิลเลี่ยนก็ยิงเฉียดเสาออกไปเหลือเชื่อ จากนั้นอเล็กซิส ซานเชซ ยิงให้ชิลีบ้างและเซซาร์ล้มตัวปัดบอลถูกทาง คนที่ 3 ของแซมบ้า มาร์เซโล่หวดเต็มเหนี่ยวตุงตาข่ายบราซิลนำ 2-0 ก่อน อราน กูอิซมายิงให้ชิลีไล่มา 2-1 และจากนั้นเจ้าถิ่นส่งฮัล์กลงมาสังหารแต่บอลติดขา เคลาดิโอ บราโว่ ออกไป ก่อนมาร์เซโล่ ดิอาซ ซัดให้ชิลีตีเสมอเป็น 2-2
ในการยิงคนที่ 5 เนย์มาร์แม้ไม่ฟิตเต็มร้อยแต่ซัดให้บราซิลขึ้นนำ 3-2 ก่อนที่กอนซาโล่ ฮาร่า ตัวแทนฝั่งชิลีมาซัดชนเสาเต็มๆ ส่งผลให้จบเกมบราซิลเอาชนะชิลีไปในการดวลจุดโทษ 3-2 ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายสำเร็จ
"สโคลารี่"คาดไว้แล้วเจองานหิน
ด้านหลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ กุนซือทีมชาติบราซิล ระบุ คาดไว้อยู่แล้วว่าต้องเจอบททดสอบสุดหินในการเจอกับชิลี จนต้องไปวัดดวงในการดวลจุดโทษ ก่อนเฉือนชนะไปหวุดหวิด 3-2 หลังเสมอกันในเวลา 120 นาที 1-1 และยอมรับว่าแซมบ้าโชคดีที่ไม่โดนเขี่ยตกรอบจากลูกยิงของเมาริซิโอ ปินิญ่า ช่วงท้ายช่วงต่อเวลาพิเศษ
สโคลารี่ กล่าวหลังเกมว่า "เราคาดเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องเป็นอย่างนี้ เรารู้มาตั้งแต่ 7 หรือ 8 เดือนก่อนตอนที่เห็นผลจับสลากแบ่งสายว่าต้องเจองานหนักแน่ เกมนี้ค่อนข้างสูสีมาก แต่เราก็เสียประตูจากบางอย่างที่รับไม่ได้เลยในฟุตบอลระดับนี้ เรามีโอกาสน่าทำประตูได้ 3-4 ครั้งในครึ่งหลัง และทำไม่สำเร็จ ซึ่งเมื่อมีโอกาสแล้วยิงไม่ได้ ก็มีเสี่ยงสูง และเราเกือบโดนลงโทษในนาทีที่ 118 เมื่อชิลียิงชนคาน นี่เป็นทีมใหม่ และแม้แต่คนที่มีประสบการณ์ยังกดดัน การเล่นในบ้านไม่ใช่เรื่องง่ายเลย วิลเลี่ยนยิงจุดโทษและพลาด แต่เขาจะได้ประสบการณ์จากตรงนี้ ต้องมาคอยดูกันว่าเราจะทำผิดพลาดกันน้อยลงได้หรือไม่ในเกมถัดไป เพราะหากพลาดอีกเราจะเสียโอกาส และไม่โชคดีแบบนัดนี้อีกก็ได้"
ลุ้น"เนย์มาร์"ฟิตทันรอบก่อนรอง
สโคลารี่ยังชื่นชมเนย์มาร์ ที่สภาพร่างกายไม่เต็มร้อยแต่ยังขันอาสายิงจุดโทษคนสุดท้าย และหวังว่ากองหน้าตัวเก่งจะฟิตทันลงสนามช่วยทีมในเกมรอบก่อนรองชนะเลิศกับโคลัมเบีย หลังมีปัญหาบาดเจ็บต้นขาระหว่างเกม รวมทั้งตำหนิฮาวเวิร์ด เว็บบ์ ผู้ตัดสินชาวอังกฤษที่ไม่ปกป้องแข้งลูกทีมตน โดยกล่าวว่า "เราจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อให้เนย์มาร์ลงสนามได้ในนัดต่อไป เขาสมควรได้รับเครดิตอย่างมากกับความพยายามมุ่งมั่นทุ่มเทในเกมนี้ ต้องเล่น 75 นาทีหลังโดนเตะอย่างแรงที่ต้นขา และเราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมนักเตะที่หวดคู่แข่งแรงขนาดนั้นกลับไม่โดนลงโทษใดๆ เลย เนย์มาร์ เพิ่งอายุ 22 แต่มีประสบการณ์สูงและเป็นผู้ใหญ่มาก มีสภาพจิตใจที่ยอดเยี่ยม รายละเอียดในชีวิตของเขาบ่งบอกว่าเขาพร้อมตั้งแต่อายุ 17 หรือ 18 เขาเดินไปยิงจุดโทษชี้ชะตาราวกับว่ากำลังลงเล่นกับเพื่อนร่วมทีมซานโต๊ส อดีตต้นสังกัด"
(บน)กังหันเฮ - เวสลีย์ สไนจ์เดอร์ กองกลางฮอลแลนด์ ยิงไกลนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งผ่านมือกีเยร์โม่ โอชัว ผู้รักษาประตูเม็กซิโก ตีเสมอ 1-1 ก่อนฮอลแลนด์พลิกแซงด้วยลูกจุดโทษช่วงทดเจ็บเฉือนชนะ 2-1 (ล่าง)เสียบสกัด - อาร์เยน ร็อบเบน กองกลางฮอลแลนด์ ลากบอลตัดเข้าเขตโทษ ก่อนโดน 2 นักเตะเม็กซิโกเสียบสกัดจนล้มลง จบเกมฮอล แลนด์เฉือนชนะเม็กซิโกช่วงทดเจ็บ 2-1 ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมฟุตบอลโลก 2014 |
ส่วนฮูลิโอ เซซาร์ ผู้รักษาประตูบราซิล คว้าตำแหน่งแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมนี้หลังโชว์เซฟจุดโทษสองครั้งมีส่วนสำคัญช่วยให้ทีมผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ และเจ้าตัวถึงกับหลั่งน้ำตาแห่งความยินดี ก่อนเผยหลังเกมว่า "ผลงานครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าผมซ้อมมาเป็นอย่างดีสำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลกนี้ บรรดาสต๊าฟโค้ชและเพื่อนร่วมทีมต่างทำให้ผมมั่นใจ หลังจากโดนกล่าวหาว่าเป็นผู้ร้ายที่แอฟริกาใต้เมื่อบราซิลแพ้ฮอลแลนด์ตกรอบ 8 ทีม ซึ่งตอนนั้นผมก็ร้องไห้เพราะเสียใจมาก แต่ตอนนี้ ผมร้องไห้เพราะมีความสุข มีแค่พระเจ้าและครอบครัวของผมเท่านั้นที่รู้ว่าผมผ่านอะไรมาบ้าง ผมหวังว่าแมตช์ต่อไปคงไม่ต้องไปวัดถึงดวลจุดโทษ ไม่เช่นนั้นครอบครัวพี่น้องของเราต้องมีปัญหาโรคหัวใจแน่"
แฟนแซมบ้าลุ้นจนหัวใจวาย
ขณะเดียวกันสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มีแฟนบอลชายชาวบราซิลวัย 69 ปี รายหนึ่ง เสียชีวิตเนื่องจากหัวใจวาย ระหว่างลุ้นทีมเจ้าภาพในช่วงดวลจุดโทษ
รายงานระบุว่า ชายคนดังกล่าวดูการถ่ายทอดสดในบาร์แห่งหนึ่งที่สนามเอสตา ดิโอ มิเนรา ก่อนบ่นว่ารู้สึกไม่สบาย จากนั้นจึงถูกนำส่งโรงพยาบาลแต่ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา
ทั้งนี้ น.ส.พ.ท้องถิ่น เอสตาโด เดอ มินาส ยังเผยด้วยว่า เจ้าหน้าที่การแพทย์ต้องเข้ามาดูแลคนไข้อย่างเร่งด่วนอีกมากกว่า 100 คนระหว่างเกม ซึ่งได้รับผลกระทบจากการลุ้นการแข่งขัน รวมถึงหญิงวัย 50 ปี ที่โรคหัวใจกำเริบระหว่างยิงจุดโทษ และวัยรุ่นชายที่จมูกหักเพราะทะเลาะวิวาทด้วย
โดยหลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ ผู้จัดการทีมแซมบ้าก็ได้เตือนว่า ฟุตบอลโลกครั้งนี้เร้าอารมณ์มาก จึงไม่เหมาะกับคนที่เป็นโรคหัวใจ อาจหัวใจวายตายได้
โค้ชชิลีชี้ถึงแพ้แต่ภูมิใจลูกทีม
ด้านฮอร์เก้ ซามปาโอลี่ โค้ชทีมชิลี เผยสุดภูมิใจในตัวลูกทีมที่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมแม้จะแพ้จุดโทษ เสียดายลูกยิงของปินิญ่า ชนคานช่วงท้าย โดยให้สัมภาษณ์หลังเกมว่า "ลูกนั้นเกือบที่จะเป็นประตูในช่วงท้ายเกม ถ้าเราทำประตูได้เราก็จะสร้างประวัติศาสตร์ขึ้นมา ซึ่งคงเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก อย่างไรก็ตาม แม้เราแพ้แต่ผมก็ภูมิใจในตัวลูกทีม เราสู้กันอย่างเต็มที่ และเล่นได้ดีมากๆ ตลอด 120 นาที"
ส่วนอาร์ตูโร่ วิดัล กองกลางตัวเก่งทีมชาติชิลี กล่าวว่า เจ็บปวดมากๆ ที่ต้องตกรอบแบบนี้ แต่เราก็เล่นกันได้ดี และทุ่มเทกันแบบเต็มร้อย ผมแฮปปี้กับฟอร์มการเล่นของเพื่อนร่วมทีมทุกคน เราพยายามสู้เพื่อความฝันแล้ว แต่สุดท้ายทำไม่สำเร็จ
คู่สองโคลัมเบียฟัดจอมโหด
ส่วนรอบ 16 ทีมสุดท้ายคู่ที่ 2 ที่สนามมาราคาน่า เมืองริโอ เดอ จาเนโร "โคลัมเบีย" แชมป์จากกลุ่มซี ลงสนามพบกับ "อุรุกวัย" รองแชมป์ของกลุ่มดี เกมนี้โฮเซ่ เปร์เกมัน กุนซือโคลัมเบียส่ง คาร์ลอส ซานเชซ คุมเกมแดนกลางร่วมกับอาเบล อกิร์ลา ส่วนแนวรุกนำโดยเจมส์ โรดริเกซ, เตโอฟิโล่ กูเตียร์เรซ และแจ๊กสัน มาร์ติเนซ ด้านออสการ์ ตาบาเรซ นายใหญ่จอมโหดไม่มีหลุยส์ ซัวเรซ ที่ติดโทษแบนยาว ทำให้ต้องส่งดิเอโก้ ฟอร์ลัน ล่าตาข่ายคู่เอดินสัน คาวานี่
เริ่มเกมครึ่งแรกนาทีที่ 11 โคลัมเบียได้ลุ้นก่อนฮวน คามิโล ซูนิก้า สับไกเต็มข้อระยะ 30 หลา เฟอร์นันโด มุสเลร่า นายด่านอุรุกวัยรับกระฉอกจังหวะแรกแต่ก็มาตามตะครุบบอลไว้ได้
"เจมส์ โรดริเกซ"เหมา 2 เม็ด
เข้าสู่นาทีที่ 28 โคลัมเบียขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่อาเบล อกิร์ลา โหม่งขึ้นหน้าให้เจมส์ โรดริเกซ พักอกหนึ่งจังหวะแล้ววอลเลย์ด้วยซ้าย บอลพุ่งเช็ดคานเข้าไปสวยงาม เกมผ่านไปถึงนาทีที่ 33 อุรุกวัยได้ฟรีคิกนอกเขตโทษ และเป็นเอดินสัน คาวานี่ รับหน้าที่ปั่นด้วยขวาบอลข้ามคานไปแบบได้ลุ้น จากนั้นนาทีที่ 39 ทีมจอมโหดได้ลองอีกครั้งเมื่ออัลวาโร่ กอนซาเลซ ยิงด้วยขวาในเขตโทษแต่ดาวิด ออสปิน่า พุ่งปัดออกไปได้หวุดหวิด ท้ายครึ่งแรกไม่มีประตูเพิ่มจบ 45 นาทีโคลัมเบียนำอุรุกวัย 1-0
กลับมาเล่นครึ่งหลังผ่านไปนาทีที่ 50 โคลัมเบียหนีเป็น 2-0 จากจังหวะที่ปาโบล อาร์เมโร่ โยนจากฝั่งซ้ายไปที่เสาสองให้ ฮวน กัวดราโด้ โหม่งมาหน้าประตูให้เจมส์ โรดริเกซ ซัดจ่อๆ เข้าไปไม่พลาด ผ่านไปถึงนาที 62 อุรุกวัยเกือบตีเสมอได้เมื่อคริสเตียน โรดริเกซ ซัดไกลเต็มข้อแต่ออสปิน่าพุ่งปัดออกไปได้
โคลัมเบียซิว 2-0 ไปชนเจ้าภาพ
นาทีที่ 79 อุรุกวัยน่าได้ประตูสุดๆ เมื่อแนวรับโคลัมเบียสกัดไม่ดี และเป็นมักซิมิเลียโน่ แปร์เรร่า ได้ยิงจ่อๆ หน้าประตูแต่ ออสปิน่าออกมาบล็อกไว้ได้ทัน ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีทีมใดบวกสกอร์เพิ่ม จบเกมโคลัมเบียเอาชนะอุรุกวัย 2-0 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยจะเข้าไปพบศึกหนักกับเจ้าภาพ บราซิล ในวันที่ 4 ก.ค.นี้ ขณะที่เจมส์ โรดริเกซ กองกลางตัวรุกของโคลัมเบียผงาดขึ้นนำเป็นดาวซัลโวฟุตบอลโลกครั้งนี้หลังซัดไปแล้ว 5 ประตู
แฟนอุรุกวัยฉุนฟีฟ่าแบน"ซัวเรซ"
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ก่อนเกมรอบ 16 ทีมสุดท้ายระหว่างอุรุกวัย พบ โคลัมเบีย แฟนบอลชาวอุรุกวัยยังแสดงออกถึงความไม่พอใจสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติหรือฟีฟ่า ที่ลงโทษแบนยาว หลุยส์ ซัวเรซ ห้ามลงสนามให้ทีมชาติ 9 นัดและห้ามมีส่วนร่วมกับกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลทั่วโลกเป็นเวลา 4 เดือนทั้งปรับเงินอีก 100,000 ฟรังก์สวิส จากกรณีกัดไหล่ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ กองหลังอิตาลี รวมตัวกันใส่หน้ากากของซัวเรซมาที่สนามมาราคาน่า ในเมืองริโอ เด จาเนโร เพื่อให้กำลังใจตัวแทนทีมชาติและแสดงออกถึงการสนับสนุนซัวเรซ ซึ่งสโมสรนาซิอองนาล ต้นสังกัดแรกของซัวเรซ อาสาพรินต์หน้ากากแจกผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
ขณะที่ทีมชาติอุรุกวัย ยังเอาเสื้อของหมายเลข 9 ของหลุยส์ ซัวเรซ มาแขวนไว้ในห้องแต่งตัวของสนามมาราคาน่า ก่อนที่ลงสนามรอบ 16 ทีมสุดท้ายกับโคลัมเบีย ถึงแม้แข้งวัย 27 ปี จะกลับไปที่บ้านเกิดแล้ว
จอมโหดครวญพิษแบนทำพ่าย
ด้านออสการ์ ตาบาเรซ ผู้จัดการทีมชาติ อุรุกวัย ยืนยันหลุยส์ ซัวเรซ ไม่สมควรถูกตำหนิแต่อย่างใดในการที่ทีมต้องกระเด็นตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายหลังพ่ายโคลัมเบีย 0-2 แม้มีการถกเถียงกันว่าหากหัวหอกจากลิเวอร์พูลไม่โดนแบนยาวจากกรณีไปกัดจอร์โจ้ คิเอล ลินี่ กองหลังอิตาลี ทีมจอมโหดอาจไม่แพ้
หลังจบเกมตาบาเรซกล่าวว่า "เมื่อซัวเรซไม่อยู่กับเรา เรื่องมันก็จบแค่นั้น เรายอมรับถึงการติดโทษแบนของเขา แต่มันก็รุนแรงเกินไปและนั่นก็คือความรู้สึกของทุกคน แน่นอนว่าซัวเรซคือผู้เล่นที่สำคัญมากสำหรับเรา แม้ไม่พูดทุกคนก็ทราบดี"
อย่างไรก็ตาม ดิเอโก้ ลูกาโน่ กองหลัง อุรุกวัยมองว่า การขาดหลุยส์ ซัวเรซ ส่ง ผลกระทบอย่างมาก เพราะเป็นนักเตะที่ไม่สามารถหาใครมาแทนได้ และเป็นผู้เล่น ที่ดีที่สุดของอุรุกวัย การขาดซัวเรซไปแย่กว่าบราซิลขาดเนย์มาร์ หรืออาร์เจนตินาขาด ลิโอเนล เมสซี่ เสียอีก
โคลัมเบียชู"โรดริเกซ"ยอดแข้ง
ส่วนโฮเซ่ เปเกร์มัน กุนซือทีมโคลัมเบีย ที่พาทีมเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ยกย่องเจมส์ โรดริเกซ ว่ากลายเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของทีม ช่วยทีมได้มาก มีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา แม้อายุเพิ่ง 22 แต่ไม่มีปัญหาเรื่องความรับผิดชอบเลย และฟุตบอลโลกครั้งนี้จะเป็นฟุตบอลโลกของเจมส์อย่างไม่ต้องสงสัย
ขณะที่ออสการ์ กุนซืออุรุกวัยก็ชื่นชม โรดริเกซ เช่นกันโดยยกเทียบชั้น ดิเอโก้ มาราโดน่า ตำนานนักเตะอาร์เจนตินา ลิโอเนล เมสซี่ กองหน้ากัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา ชุดบอลโลก 2014 รวมถึงหลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าอุรุกวัย
เทียบ"มาราโดน่า"
ตาบาเรซกล่าวว่า "เจมส์ โรดริเกซ เป็นนักเตะที่มหัศจรรย์ เขาได้ประกาศตัวเองเป็นนักเตะระดับโลกไปแล้ว สิ่งที่ผมชอบในตัวเขาก็คือการเคลื่อนไหว และหาพื้นที่ให้กับตัวเองเพื่อที่จะได้ยิงประตู ในการเจอกับ อุรุกวัยประตูที่เขายิงได้ลูกแรกนั้นมันเป็นประตูระดับโลกจริงๆ น่าจะดีที่สุดในทัวร์ นาเมนต์นี้ สำหรับผมแล้ว ดิเอโก้ มาราโดน่า, ลิโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ, เจมส์ โรดริเกซ พวกเขาทำอย่างนี้ได้ก็เพราะพวกเขามีพรสวรรค์ที่ทำให้พวกเขาเป็นนักเตะที่พิเศษ มันไม่ใช่หน้าที่ของผมที่ต้องออกมาพูดอย่างนี้หรอกนะ แต่จากที่ได้เห็นในวันนี้ทำให้ผมเชื่อว่า เขาเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้ ผมไม่ได้พูดเกินจริงเลย เขาเป็นนักเตะชั้นยอด วงการฟุตบอลต้องการนักเตะลักษณะอย่างนี้แหละ"
โรดริเกซ ซึ่งปัจจุบันค้าแข้งอยู่กับโมนาโก โชว์ฟอร์มได้ร้อนแรงสุดๆ ในมหกรรมลูกหนังโลกครั้งนี้ กลายเป็นนักเตะคนแรกที่ทำประตูได้ใน 4 เกมแรกของฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายนับตั้งแต่ โรนัลโด้และริวัลโด้ ตำนานกองหน้าบราซิลในปี 2002 และยังเป็นคนแรกที่ยิงได้ทุกนัดใน 4 เกมแรกนับตั้งแต่คริสเตียน วิเอรี่ ของอิตาลีเมื่อปี 1998 และตอนนี้นำเป็นดาวซัลโวสูงสุดด้วยจำนวน 5 ประตู จ่ายให้เพื่อนยิงอีก 4 ลูก
"โรดริเกซ"ปลื้มฟอร์มตัวเอง
เจมส์ โรดริเกซ มิดฟิลด์ตัวรุกของโคลัมเบียเผยมีความสุขกับฟอร์มการเล่นของทีมหลังชนะอุรุกวัยพร้อมผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์และฝันเป็นจริงสำหรับตน เพราะหวังจะยิงประตูได้ที่สนามมาราคาน่ามาตลอดและทำสำเร็จแล้ว จากนี้ไปต้องโชว์ฟอร์มเหมือนเล่นนัดสุดท้ายในชีวิตเพื่อสร้างความประทับใจให้กับแฟนบอลลูกหนังทั่วโลก
พร้อมกันนี้ ดาวเตะวัย 22 ปีของโมนาโกยังเผยอีกว่า สนใจย้ายไปค้าแข้งในศึกลา ลีกา สเปน เพราะเป็นลีกที่ดีที่สุดในโลก โดยหากเลือกได้อยากไปเล่นให้ "ราชันชุดขาว" รีล มาดริด มากกว่าทีม "เจ้าบุญทุ่ม"บาร์เซโลน่า