- Details
- Category: กีฬา
- Published: Saturday, 28 June 2014 08:26
- Hits: 3739
วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8612 ข่าวสดรายวัน
ฟีฟ่าแบน 9 นัด ฟันซัวเรซ อดเล่นอุรุกวัยทันที ชี้'ทนต์พระเจ้า'เจตนากระทำผิด แถมห้ามเตะในลีกอีก 4 เดือน คลุมทุกกิจกรรม-ปรับเงิน 3.6 ล. ไก่-สวิส-อาร์เจน-ไนจีเรียเข้ารอบ
"ไก่"ลิ่ว - คาริม เบนเซม่า กองหน้าฝรั่งเศสสับไกยิงโดยมีฟริกสัน เอราโซ่ กองหลังเอกวาดอร์พยายามบล็อก ในเกมรอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้าย จบเกมเสมอ 0-0 ฝรั่งเศสคว้าแชมป์กลุ่มเข้ารอบสอง ส่วนเอกวาดอร์ตกรอบ |
"ซัวเรซ"ไม่รอด ฟีฟ่าสั่งแบน 9 นัด มีผลทันที พร้อมกับห้ามทำกิจกรรมเกี่ยวกับฟุตบอลนาน 4 เดือน และปรับเงิน 3.6 ล้านบาท อดลงช่วยอุรุกวัยทำศึกหนักกับ "โคลัมเบีย" รอบน็อกเอาต์ ผลนัดส่งลากลุ่มอี "ตราไก่" ฝรั่งเศสทำได้แค่เจ๊าเอกวาดอร์ แต่ได้เข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม ส่วนเอกวาดอร์จอดป้ายแค่รอบแรก "ชาคิลี่" โชวร์แฮตทริกถล่มฮอนดูรัส พาสวิสเข้ารอบไปเจอแชมป์โลก 2 สมัย "ฟ้าขาว" อาร์เจนตินา ที่เทพเมสซี่ซัด 2 ตุยอัดไนจีเรีย ขณะที่กลุ่มเอฟ บอสเนียถล่มอิหร่าน 3-1 กอดคอตกรอบด้วนกัน
"ไก่"เขี่ยเอกวาดอร์ตกรอบ
ส่วนการแข่งขันนัดส่งท้ายรอบแรก กลุ่มอี ที่สนาม มาราคาน่า เมืองริโอ เดอ จาเนโร เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 26 มิ.ย. ตามเวลาประเทศ ไทย "ตราไก่"ฝรั่งเศส ลงสนามมาแล้ว 2 นัด มี 6 แต้ม พบกับเอกวาดอร์ ที่มีอยู่ 3 แต้ม ครึ่งแรกฝรั่งเศสครองบอลได้มากกว่า ขณะที่เอกวาดอร์ต้องการชัยชนะเพื่อลุ้นเข้ารอบพยายามเปิดเกมสู้เต็มที่ นาที 38 อดีตแชมป์โลกเกือบได้ประตูขึ้นนำ อองตวน กริซ มันน์ เปิดฟรีคิกไปหน้าเขตโทษ พอล ป๊อกบา โขกบอลย้อยเกือบมุดคาน แต่โดมิงเกซ นายทวารเอกวาดอร์ปัดทิ้งได้ ท้ายครึ่งแรกเอกวาดอร์ชวดขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย ไมเคิล อาร์โรโย่ โยนบอลเข้ากลาง เอ็นเนอร์ วาเลนเซีย ขึ้นโขกเต็มๆ ทว่า ฮูโก้ โยริส จอมหนึบตราไก่ใช้ขาเซฟหวุดหวิดจบครึ่งแรกสกอร์ 0-0
เข้าไปเตะน็อกเอาต์ไนจีเรีย
ครึ่งหลังสถานการณ์ของเอกวาดอร์ย่ำแย่หนัก เมื่ออันโตนิโอ วาเลนเซีย นักเตะจากแมนฯ ยู โดนใบแดงไล่ออกจากการย่ำหน้าแข้งลูคัส ดิเญ่ ในนาที 50 จากนั้นเกมตกเป็นของตราไก่ อย่างสิ้นเชิง นาทีที่ 62 คาริม เบนเซม่า แทงทะลุช่อง แบลส มาตุยดี้ หลุดไปสับไกในเขตโทษ ทว่านายทวารเอกวาดอร์ยังเซฟได้อีก นาทีที่ 73 ฝรั่งเศสพลาดโอกาสทองเหลือเชื่อ มุสซ่า ซิสโซโก้ เปิดบอลไปเสาสอง พอล ป๊อกบา โขกเน้นๆ แต่บอลเฉี่ยวเสาออกไป 5 นาทีต่อมา คาริม เบนเซม่า ยิงไกลแต่บอลตรงตัวโดมิงเกซ นาทีที่ 84 นายทวารเอกวาดอร์โชว์เซฟลูกยิงของโอลิวิเยร์ ชิรูดูได้อีกครั้ง ช่วงเวลาที่เหลือฝรั่งเศสยังบุกต่อเนื่องแต่ไม่สามารถทำประตูได้ จบเกมเสมอ 0-0 สรุปฝรั่งเศสมี 7 คะแนน ผ่านเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มอี เข้ารอบ 16 ทีมไปน็อกเอาต์กับไนจีเรีย ส่วนเอกวา ดอร์ มี 4 คะแนน ตกรอบแรกอย่างน่าเจ็บใจ
"ชาคิรี่"แฮตทริกถล่มฮอนดูรัส
อีกคู่ในกลุ่มอี ที่สนาม อารีน่า อเมซอเนีย เมืองมาเนาส์ "นายห้างนาฬิกา"สวิตเซอร์แลนด์ พบกับฮอนดูรัส ครึ่งแรกทีมจากเมืองนาฬิกาสร้างสรรค์เกมรุกได้ไหลลื่น และออกนำเร็วตั้งแต่นาทีที่ 6 จากการเติมเกมทางริมเส้นฝั่งขวา สเตฟาน ลิกต์สไตเนอร์ จ่ายให้ เซอร์ดาน ชาคิรี่ ลากตัดเข้ากลางแล้วตะบันด้วยซ้ายจากหน้าเขตโทษ บอลเช็ดคานเข้าไปตุงตาข่ายสุดสวย สวิสออกนำ 1-0 นาที 31 สวิสทิ้งห่าง 2-0 จากลูกจ่ายยาวจากแดนหลังไปถึง โจซิป เดอร์มิช ในแดนหน้า เดอร์มิชตัดสินใจจ่ายต่อให้ เซอร์ดาน ชาคิรี่ วิ่งสอดทะลุแนวรับหลุดเดี่ยวเข้าไปยิงผ่าน โนเอล บาญาดาเรส เข้าไป จากนั้นไม่มีใครทีมใดยิงเพิ่มจบครึ่งแรกสวิสนำฮอนดูรัส 2-0 ประตู
สวิสทะลุเข้าไปดวล"ฟ้าขาว"
ครึ่งหลังสวิสยังเล่นได้เหนือชั้น นาทีที่ 71 หนีห่าง 3-0 จากจังหวะโจซิป เดอร์มิช กระชากบอลเข้าเขตโทษก่อนสับขาหลอก ผู้เล่นฮอนดูรัสหนึ่งจังหวะแล้วปาดมาหน้าประตู เซอร์ดาน ชาคิรี่ วิ่งเข้ามาซัดตุงตาข่ายเป็นแฮตทริกของตัวเอง ซึ่งถือเป็นนักเตะประวัติศาสตร์ของสวิสที่ทำ 3 ประตูในนัดเดียวของฟุตบอลโลกในรอบ 60 ปี ช่วงเวลาที่เหลือฮอนดูรัสพยายามสู้ แต่ทวงประตูคืนไม่ได้จบเกม สวิสชนะฮอนดูรัส 3-0 ประตู มีเพิ่มเป็น 6 คะแนนจาก 3 นัด ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในฐานะทีมอันดับ 2 ของกลุ่มอี เข้าไปพบกับ "ฟ้าขาว"อาร์เจนตินา ส่วนฮอนดูรัสไม่มีแต้ม ตกแรกแบบรั้งบ๊วย
กุนซือฟ้าขาวตามล่าฝันแชมป์โลก
อเลฮานโดร ซาเบญ่า ผู้จัดการทีม "ฟ้าขาว" อาร์เจนตินา ให้สัมภาษณ์หลังชนะไนจีเรีย 3-2 ว่า แม้เราผ่านเข้ารอบไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่เป็นเรื่องน่ายินดีที่เราจบในฐานะแชมป์กลุ่ม นั่นคือเป้าหมายตั้งแต่แรก เราแสดงให้เห็นว่าทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ เล่นกันลื่นไหล ผ่านบอลและทำเกมเร็วขึ้น
"ผมพอใจกับการเก็บ 9 คะแนนเต็ม อย่างไร ก็ตามเรายังต้องพัฒนาและทำให้ดียิ่งกว่านี้ เพื่อตามล่าความฝันลุ้นแชมป์โลก เราเป็นทีมที่เน้นเกมรุก แต่บางครั้งยังมีปัญหาแนวรับให้เห็นบ่อยๆ เราต้องศึกษาเพื่อหาทางปรับปรุงแก้ไขจุดนี้ เพราะหากทำผิดพลาดง่ายๆ อีกในรอบ 16 ทีม เราอาจโดนลงโทษจนส่งผลเสียหายต่อทีมได้" กุนซือแชมป์โลก 2 สมัย กล่าว
ซาเบญ่ายังชี้แจงกรณีเปลี่ยนลิโอเนล เมสซี่ กองหน้ากัปตันทีมที่ทำ 2 ประตูออกจากสนาม หลังผ่านไป 63 นาทีว่า "ตอนนั้นเรานำอยู่ 3-2 ผมคิดว่าน่าจะเป็นการดีกว่าที่จะให้เขาได้พักบ้าง เราพูดถึงเรื่องนี้ก่อนเกมแล้ว และเมสซี่ทราบดีว่าจะโดนเปลี่ยนออกช่วงใดช่วงหนึ่ง"
เทพเมสซี่สนุกกับบรรยากาศ
ด้านเมสซี่ แมนออฟเดอะแมตช์ เผยหลังเกมว่า "วันนี้เราได้เห็นฟอร์มการเล่นที่ดีของอาร์เจนตินา แม้เสีย 2 ประตูให้ไนจีเรีย ผมคิดว่าเราทำได้ดีกว่า 2 เกมที่ผ่านมา เราเจอกับทีมที่มีนักเตะฝีเท้าเยี่ยมและเล่นเพื่อต้องการชนะ และเราก็ทำได้ดี แต่เรายังต้องการมาก กว่านี้ เราต้องพัฒนาฟอร์มการเล่นให้ดีขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งต้องไม่เสียประตูในเกมต่อไป"
แฮตทริก - เซอร์ดาน ชาคิรี่ กองหน้าทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ซัดประตูที่สาม ทำแฮตทริกให้ตัวเอง ในศึกฟุตบอลโลก รอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้าย ที่สวิตเซอร์แลนด์ชนะฮอนดูรัส 3-0 ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมในฐานะอันดับสองของกลุ่ม |
กองหน้าจอมเทพจากบาร์เซโลน่าระบุอีกว่า "ผมสนุกกับบรรยากาศฟุตบอลโลกครั้งนี้ ได้เห็นแฟนบอลอาร์เจนไตน์มาเชียร์กันมาก มายในสนาม แต่ก็เป็นฟุตบอลโลกที่แปลกเช่นกัน หลังมีทีมเต็งตกรอบเร็วอย่างพลิกความคาดหมายทั้งสเปน แชมป์เก่า, อิตาลี และอังกฤษ ผมหวังว่าอาร์เจนตินาจะไปได้ไกล และทำตามฝันคว้าแชมป์โลกมาครองได้สำเร็จเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1986"
ไนจีเรียยก"เมสซี่"มาจากต่างดาว
ส่วนสตีเฟ่น เคซี่ โค้ช "อินทรีมรกต" ไนจีเรีย กล่าวว่า "ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง พวกเรามีความสุขมากที่ผ่านเข้ารอบต่อไปได้ ผมคิดว่าเราแพ้เพราะเล่นแบบเกรงกลัวศักดิ์ศรีของอาร์เจนตินามากเกินไป ครึ่งหลังเราผ่อนคลายขึ้นพยายามเล่นตามเกมตัวเองและทำได้ดีขึ้น หวังว่าเราจะเล่นได้อย่างนี้ไปตลอดช่วงที่เหลืออยู่ของทัวร์นาเมนต์"
เคซี่ยังกล่าวชมเมสซี่เป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์ความสามารถสูง ยากหาใครเทียบเหมือนมาจากดาวดวงอื่น "เมสซี่สุดยอดจริงๆ คุณไม่สามารถปล่อยให้เขามีช่องว่างได้เลย ยังมีนักเตะฝีเท้าเยี่ยมหลายคนในทีมอาร์เจนตินา แต่เมสซี่ต้องมาจากดาวพฤหัสฯ แน่ๆ"
"เดส์ชองส์"ไม่แคร์เสียงไก่โห่
ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ กุนซือทีม "ตราไก่" ฝรั่งเศส พอใจที่ทีมผ่านเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มอี และไม่จำเป็นต้องขอโทษกับฟอร์มการเล่นของทีม แม้โดนสื่อวิจารณ์และแฟนบอลโห่หลังยิงประตูเอกวาดอร์ ที่เหลือผู้เล่น 10 ตั้งแต่ต้นครึ่งหลังไม่ได้ก็ตาม
เดส์ชองส์กล่าวว่า "ผลเสมอไม่ได้ทำลายความพอใจของผม เราผ่านเข้ารอบเป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม วันนี้เราเปลี่ยนแปลงทีม แต่ทุกคนมีความมุ่งมั่น มีเป้าหมายเดียวกัน คู่แข่งตั้งรับกันทั้ง 10 คน และทำได้เยี่ยม เรามีโอกาสทำประตูมากมายเพียงแต่ไม่เฉียบคมพอ อย่างไรก็ตาม ผมจะไม่นำเรื่องนี้มาทำลายความสุขที่เราผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย"
เดส์ชองส์ระบุอีกว่า สื่อเมืองน้ำหอมและแฟนบอลคาดหวังมากเกินไปหลังทีมชนะฮอนดูรัส และสวิตเซอร์แลนด์มาอย่างสวยหรู แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถคว้าชัยเหนือ คู่แข่งได้ 3-0 ทุกนัด แต่ละแมตช์ล้วนยาก และวันนี้เอกวาดอร์ก็แข็งแกร่ง
ฮิตซ์เฟลด์ปลื้มฟอร์ม"ชาคิรี่"
อ๊อตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์ ผจก.ทีมสวิตเซอร์แลนด์ กล่าวชื่นชม เซอร์ดาน ชาคิรี่ ปีกวัย 22 ปี โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมกับตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุก หลังทำ 3 ประตูให้ทีมต้อนชนะฮอนดูรัส 3-0 ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มอี
"วันนี้เขาแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่แท้จริง นี่เป็นตำแหน่งใหม่ของเขา ในตำแหน่งมิดฟิลด์ เขาจำเป็นต้องวิ่งมากขึ้น และนี่ก็เป็นทดสอบความสมาธิความมุ่งมั่นสำหรับเขา และน่ายินดีมากที่สามารถทำได้ 3 ประตู" กุนซือมากประสบการณ์ชาวเยอรมันกล่าว
คุยฟุ้งรู้วิธีจัดการ"ฟ้าขาว"
ส่วนการเจอกับอาร์เจนตินาในรอบต่อไป ฮิตด์เฟลด์กล่าวว่า "เรามีแรงจูงใจสูง เรากำลังจะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่กับวงการฟุตบอลโลก ซึ่งตอนนี้เราได้ทำแล้วด้วยการผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในการแข่งขันที่อเมริกาใต้ เพราะการมาเล่นที่นี่ไม่ง่ายเลยสำหรับทีมยุโรป แต่การเจอกับอาร์เจนตินา เราไม่มีอะไรจะเสีย ผมรู้จักพวกเขาและแท็กติกพวกเขาเป็นอย่างดี"
ด้านชาคิรี่ มั่นใจสวิตเซอร์แลนด์ สามารถสู้กับอาร์เจนตินาได้ "จะเป็นเกมที่ยอดเยี่ยมแน่นอน และแม้เราเป็นทีมเล็กไม่ใช่ทีมเต็ง เราจะพยายามสู้เต็มที่ทำทุกอย่างเท่าที่จะสามารถทำได้ และในเกมฟุตบอลอะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ ผมมีความสุขมากที่ทำแฮตทริก เพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นได้ทุกวัน ผมคงไม่มีวันลืมเหตุการณ์วันนี้ แต่ถ้าปราศจากการสนับ สนุนจากเพื่อนร่วมทีมผมคงไม่สามารถทำได้ถึง 3 ประตู การเข้ามาเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายคือสิ่งที่เราใฝ่ฝันถึงและตอนนี้เราเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย เป็นเรื่องที่น่าภูมิใจแล้ว"
โค้ชฮอนดูรัสโชว์สปิริตลาออก
ขณะที่หลุยส์ เฟอร์นันโด ซัวเรซ กุนซือฮอนดูรัส ประกาศลาออกจากตำแหน่งทันทีหลังจอดป้ายรอบแรกฟุตบอลโลก 2014
"ทั้งประเทศผิดหวังและผมก็เสียใจที่เราไม่อาจผ่านเข้ารอบต่อไป เพราะนั่นคือความฝันของเรา ผมจึงตัดสินใจลาออก มันถึงเวลาที่จะเปลี่ยนแปลง แต่เรามีทีมเด็กหนุ่มที่ดีและกำลังก้าวไปในทิศทางที่ถูกต้อง"
ปธน.อุรุกวัยออกโรงป้อง"ซัวเรซ"
ส่วนความคืบหน้ากรณี หลุยซ์ ซัวเรซ กองหน้าจอมแสบของอุรุกวัย กัดไหล่จอร์โจ้ คิเอลลินี่ กองหลังอิตาลี ระหว่างเกมนัดสุดท้ายของกลุ่มดี เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา จนกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วโลก ซึ่ง อยู่ระหว่างการสอบสวนของคณะกรรมการ ฝ่ายวินัยของฟีฟ่า อย่างไรก็ตามวิลมาร์ วัลเดซ ประธานสมาคมฟุตบอลอุรุกวัย ยืนยันกับสื่อท้องถิ่นว่า ภาพหลักฐานที่มีการเผยแพร่แล้วระบุว่าเป็นรอยแผลของคิเอลลินี่ที่เกิดจากการกัดของซัวเรซนั้น เป็นภาพที่ถูกตัดต่อขึ้นมา เพื่อทำ ให้แผลของกองหลังอิตาเลียนดูเลวร้ายกว่าความเป็นจริง และไม่น่าเชื่อถือพอ ขณะเดียววิดีโอที่ฟีฟ่าเผยแพร่ออกมาไม่ชัดเจน เช่นกัน ทั้งนี้สมาคมฟุตบอลอุรุกวัยเตรียมวิดีโออีกชุดที่บันทึกการแสดงพฤติ กรรมยั่วยุตุกติกนอกเกมของผู้เล่นอิตาลี ซึ่งไม่ได้รับการโจมตีจากสื่อเหมือนกรณีซัวเรซ ตอนที่ซัวเรซล้มก็มีผู้เล่นตัวสำรองของอิตาลีมาจู่โจมเข้าใส่ แม้กระทั่งสต๊าฟโค้ชของอัซซูรี่ยังลุกจากม้านั่งสำรองเข้าไปทุบซัวเรซ จึงมั่นใจ ว่าอุรุกวัยมีหลักฐานเพียงพอที่จะสู้คดีได้
บน : ประตูชัย - โธมัส มุลเลอร์ กองหน้าเยอรมัน ยิงบอลระยะไกลพุ่งผ่านมือทิม ฮาวเวิร์ด ผู้รักษาประตูสหรัฐ เข้าไปตุงตาข่ายเป็นประตูขึ้นนำ จบเกม 90 นาที เยอรมันเฉือนชนะสหรัฐ 1-0 ควงกันผ่านเข้ารอบ 16 ทีม ล่าง : "โด้"ยิง - คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กองหน้าโปรตุเกส ยิงซ้ำในจังหวะฟาตาอู ดาอูดา ผู้รักษาประตูกานา ปัดบอลกระดอนออกมา เป็นประตูชัยให้โปรตุเกสเฉือนชนะกานา 2-1 แต่ก็ยังไม่พอ กอดคอกันตกรอบแรกทั้งคู่ |
ด้านนายโฮเซ่ มูฮิก้า ประธานาธิบดีอุรุกวัย ออกมายืนยันเช่นกันว่า ไม่เห็นซัวเรซกัดนักเตะคนไหนเลย ขณะที่ดิเอโก้ ลูกาโน่ กัปตันทีม อุรุกวัยมองว่าซัวเรซตกเป็นเหยื่อทฤษฎีสมรู้ร่วม คิดจากสื่ออิตาลี และสื่อผู้ดีที่จ้องเล่นงานอยู่แล้ว และแผลที่คิเอลลินี่โชว์ก็เป็นรอยแผลเก่า ตนดูภาพรีเพลย์จากโทรทัศน์ไม่เห็นมีอะไรเลย
ฟีฟ่าลงโทษ"ซัวเรซ"แบน 9 นัด
ล่าสุดคณะกรรมการฝ่ายวินัยของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติหรือฟีฟ่า แถลงคำตัดสิน ระบุซัวเรซมีความผิดตามกฎฟีฟ่า ข้อหาทำร้าย ร่างกายคู่แข่ง และแสดงพฤติกรรมไร้น้ำใจนัก กีฬา โดยให้ลงโทษห้ามลงสนามให้อุรุกวัย 9 นัดในเกมการแข่งขันอย่างเป็นทางการ มีผลทันที เริ่มจากรอบ 16 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก 2014 ซึ่งอุรุกวัยจะพบกับโคลัมเบีย คืนวันที่ 28 มิ.ย.นี้ และห้ามเกี่ยวข้องกับกิจกรรมในวงการฟุตบอลทุกระดับทั่วโลกเป็นเวลา 4 เดือน รวมทั้งห้ามเข้าสนามแข่งขันด้วย
หมดสิทธิ์ลงช่วย"หงส์"ถึงต.ค.
นอกจากนี้ซัวเรซยังโดนปรับเงินอีก 100,000 ฟรังก์สวิส หรือประมาณ 3,600,000 บาท
จากโทษดังกล่าวทำให้กองหน้าวัย 27 ปี หมดสิทธิ์ลงสนามให้กับ "หงส์แดง"ลิเวอร์พูล ต้นสังกัดช่วงต้นฤดูกาลใหม่ของพรีเมียร์ลีก อังกฤษอีกด้วย ซึ่งโทษแบนนี้จะสิ้นสุดช่วงปลายเดือนต.ค. คาดว่าซัวเรซน่าจะได้ลงเล่นให้ลิเวอร์พูลเกมแรกกับนิวคาสเซิล วันที่ 1 พ.ย.
อย่างไรก็ตาม ฟีฟ่ายังเปิดโอกาสให้ซัวเรซ อุทธรณ์โทษแบนภายใน 3 วัน แต่ยืนยันว่าการอุทธรณ์จะไม่มีผลใดๆ ที่จะทำให้กองหน้าจอมกัดรายนี้กลับมาเล่นในฟุตบอลโลกครั้งนี้ได้อีก
เคลาดิโอ ซูลเซอร์ ประธานคณะกรรมการฝ่ายวินัยของฟีฟ่า แถลงว่า "พฤติกรรมเช่นนี้ไม่สามารถให้เกิดขึ้นได้ในสนามฟุตบอล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแข่งขันฟุตบอลโลก ที่มี ผู้ชมหลายล้านคนคอยจับจ้องดูบรรดานักเตะดังในสนาม"
ศึก 2 อินทรี"เยอรมัน-สหรัฐ"
ศึกฟุตบอลโลก รอบแรกนัดสุดท้ายของกลุ่มจี "พญาอินทรี"สหรัฐอเมริกา พบกับ "อินทรีเหล็ก"เยอรมนี ที่สนามอาเรน่าเปร์นัมบูกู เมืองเรซิเฟ่ เวลา 23.00 น. คืนวันพฤหัสบดีที่ 26 มิ.ย. ทั้งสหรัฐและเยอรมันต้องการเพียง 1 คะแนน ก็จะกอดคอกันเข้ารอบ แม้กระนั้นต่างฝ่ายต่างยืนยันเล่นเพื่อชัยชนะ และศักดิ์ศรีประเทศ ขณะเดียวกัน "ฉลามขาว"เจอร์เก้น คลินส์มันน์ กุนซือชาวเยอรมันของสหรัฐ เคยเป็นเจ้านายของโยอาคิม เลิฟ กุนซืออินทรีเหล็กมาก่อน สมัยกุนซือฉลามขาวคุมทีมชาติเยอรมัน
ก่อนการแข่งขันมีพายุใหญ่ถล่มเมือง เรซิเฟ่จนมีข่าวว่าเกมอาจต้องเลื่อนออกไป แต่ฟีฟ่ายืนยันให้แข่งขันตามกำหนดเดิม
รายชื่อผู้เล่น 11 คนแรก สหรัฐ ประกอบด้วย ทิม ฮาวเวิร์ด, แมตต์ เบสเลอร์, โอมาร์ กอนซาเลซ, ดามาร์คัส บีสลีย์, ฟาเบียน จอห์นสัน, แบรด เดวิส, เจอร์เมน โจนส์, ไมเคิล แบรดลีย์, เกรแฮม ซูซี่, ไคล์ เบกเกอร์แมน และคลินต์ เดมพ์ซีย์
เยอรมัน ประกอบด้วย มานูเอล นอยเออร์, เยอโรม บัวเต็ง, เบเนดิกต์ โฮเวเดส, ฟิลิปป์ ลาห์ม, มัตส์ ฮุมเมิลส์, เพอร์ แมร์เตซักเกอร์, เมซุต โอซิล, โทนี่ โครส, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, โธมัส มุลเลอร์ และลูคัส โพโดลสกี้
นัดนี้พญาอินทรีปรับผู้เล่น 2 ตำแหน่ง ส่งโอมาร์ กอนซาเลซ ลงแทนเจฟฟ์ คาเมรอน และแบรด เดวิส แทนอเลฮานโดร เบโดยา ขณะที่อินทรีเหล็กส่งบาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ แทนมาริโอ เกิดเซ่ และลูคัส โพโดลสกี้ แทนซามี่ เคดิร่า
อินทรีเหล็กได้เสียวกว่า
เริ่มเกมแข่งขัน เยอรมันในชุดดำแถบแดง ขณะที่สหรัฐสวมชุดขาว เพียงอึดใจเดียว โพโดลสกี้ได้สับไกตรงเส้นเขตโทษ บอลออกหลังขึ้นอัฒจันทร์เป็นการทักทายก่อน จังหวะสวนกลับเร็ว นาทีที่ 11 เยอรมันต้องหยุดเกมทำฟาวล์ โฮเวเดสโดนใบเหลืองประเดิมเป็นคนแรก จากจังหวะเกี่ยวเท้าฟาเบียน จอห์นสัน ที่กำลังพาบอลเข้าเขตโทษ ผ่านไป 15 นาทีเกมบุกยังเป็นของอินทรีเหล็ก นานๆ ครั้งสหรัฐจะได้จังหวะพาบอลข้ามแดน ผ่านไป 20 นาทีอินทรีเหล็กครองบอลมากกว่าถึง 63% นาทีถัดมาแฟนบอลแยงกี้เกือบได้เฮ ในจังหวะสวนกลับเร็ว เกรแฮม ซูซี่ หวดเต็มข้อแต่บอลลอยข้ามคานออกไป
สู้กันมันแต่จบครึ่งแรกยังเจ๊า
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง สหรัฐได้ทีโต้กลับเร็ว ลากบอลถึงเส้นหลัง ทว่าเจอร์เมน โจนส์ วิ่งทะเล่อทะล่าไปชนผู้ตัดสินถึงกับล้มหงายผลึ่ง เสียจังหวะเข้าชาร์จในแดนเยอรมันอย่างน่าเสียดาย จังหวะถัดมาโจนส์ได้บอลโยนเกือบจะหลุดทะลุแนวรับเยอรมันขึ้นมาบ้าง แต่จังหวะสุดท้ายบอลลึกไปเข้าซองนอยเออร์ ผู้รักษาประตูอินทรีเหล็ก นาที 37 ผู้เล่นสหรัฐโดนใบเหลืองบ้าง จากจังหวะโอมาร์ กอนซาเลซ ตัดเกมโพโดลสกี้ ตรงเส้นกลางสนาม นาทีถัดมาเยอรมันฉกบอลคืน พร้อมจ่ายทะลุช่องขึ้นทางกราบซ้าย โพโดลสกี้หวดเต็มเหนี่ยวแต่บอลยังคงติดมือทิม ฮาวเวิร์ด ไว้ได้เช่นเคย นาทีถัดมาสหรัฐได้ลูกเตะมุมบ้าง แต่บอลเลยเสาสองออกไปแบบเสียของไม่มีลุ้น จบครึ่งแรกสกอร์ยังคงเดิม 0-0 ประตู
"มุลเลอร์"ตะบันให้อินทรีเหล็ก
ครึ่งหลัง เยอรมันส่งมิโรสลาฟ โคลเซ่ ดาวยิงตัวเก๋า ลงแทนลูคัส โพโดลสกี้ ขณะที่อเมริกายังไม่มีการเปลี่ยนตัว รูปเกมยังคงเป็นของอินทรีเหล็กที่โหมเข้าใส่ทั้งกราบซ้ายและขวา หลังจากบอมบ์ชุดใหญ่อยู่นาน นาที 55 ความพยายามของเยอรมันก็สัมฤทธิผล จากจังหวะโยนบอลเข้ากรอบเขตโทษ ทิม ฮาวเวิร์ด พุ่งปัดบอลออกมาเข้าทางโธมัส มุลเลอร์ ตามมาแถวสองซัดเต็มเท้าขวาพุ่งเข้าตุงตาข่ายสุดสวย อินทรีเหล็กขึ้นนำ 1-0 นาที 59
กุนซือฉลามขาวต้องรีบปรับแผน ส่งอเลฮานโดร เบโดยา ลงแทนแบรด เดวิส จังหวะสวนกลับเร็วของสหรัฐหลายครั้งทำเอานอยเออร์ต้องทำงานหนัก ทีมอินทรีเหล็กเริ่มผ่อนเกมหันมาต่อบอลง่ายๆ เน้นครองเกมไปเรื่อยๆ
เยอรมันที่ 1 จูงสหรัฐเข้าที่ 2
เกมหยุดไปพักใหญ่จากจังหวะปะทะกัน เองของผู้เล่นสหรัฐ เจอร์เมน โจนส์ ถึงกับเลือด กำเดาไหลต้องเปลี่ยนเสื้อแข่ง ขณะที่เยอรมันเปลี่ยนมาริโอ เกิตเซ่ ลงมาแทนชไวน์สไตเกอร์ เกมกลับเป็นของเยอรมันชนิดผู้เล่นอเมริกันแทบหาบอลไม่เจอ ช่วงสิบนาทีสุดท้ายเกมเนือยจนจบ 90 นาที เยอรมันเฉือนเอาชนะสหรัฐ 1-0 ประตู นักเตะอินทรีเหล็กได้เป็นที่ 1 ของกลุ่มจี เข้าไปพบกับที่ 2 กลุ่มเอช ขณะที่สหรัฐแม้จะแพ้มี 4 แต้ม แต่ประตูได้เสียดีกว่าโปรตุเกสที่ชนะกานามี 4 แต้มเท่ากัน จึงเบียดเข้ารอบเป็นที่ 2 เข้าไปเจอแชมป์กลุ่มเอช
กานาขาดตัวหลักเจอโปรตุเกส
ส่วนอีกคู่ของกลุ่มจี ที่ลงสนามในเวลาเดียวกัน "ขุนพลฝอยทอง"โปรตุเกส พบกับ "ช้างดำ"กานา ที่สนามเอสตาดิโอ นาซิอองนาล กรุงบราซิเลีย ทั้งสองทีมต้องชนะเพื่อโอกาสเข้ารอบสอง และลุ้นให้คู่สหรัฐกับเยอรมันมีผลแพ้ชนะ เกมนี้โปรตุเกสได้เปเป้ กองหลังตัวเก่งพ้นโทษแบนกลับมา ส่วนตัวหลักอื่นๆ พร้อมลงสนาม นำโดยคริสเตียโน่ โรนัลโด้ กองหน้ากัปตันทีมที่ลงเล่น 2 นัด ยังยิงไม่ได้ นัดนี้หวังพังประตูแรกให้ได้ ส่วนกานาขาดนักเตะหลักหลายคน ทั้งเควิน ปรินซ์-บัวเต็ง กองหน้าตัวเก่ง ซัลลีย์ มุนตารี่ กองกลางตัวหลักที่มีปัญหากับโค้ชจนถูกส่งตัวกลับบ้านก่อนกำหนด
รายชื่อ 11 ตัวจริง โปรตุเกส ประกอบด้วย เบโต้, เจา เปเรร่า, เปเป้, บรูโน่ อัลเวส, มิเกล เวโลโซ่, เจา มูตินโญ่, วิลเลียม คาร์วัลโญ่, รูเบน อโมริม, นานี่, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และเอแดร์
กานา ประกอบด้วย ฟาตาอู ดาอูดา, แฮร์ริสัน อัฟฟูล, จอห์น โบเย่, โจนาธาน เมนซาห์, โมฮัมเหม็ด ราบิอู, ควัดโว อซาโมอาห์, คริส เตียน อัตซู, เอ็มมานูเอล อักเยมัง-บาดู, อังเดร อายิว, มาจีด วาริส และอซาโมอาห กียาน
เกมนี้ นาวาฟ ชูครัลล่า จากบาห์เรนทำหน้าที่ผู้ตัดสิน
"โด้"ซัดฟรีคิกได้ลุ้นประตู
เริ่มเกม โปรตุเกสเป็นฝ่ายเขี่ยบอล นาทีที่ 5 เกือบได้ประตู เมื่อโรนัลโด้ลากบอลขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งขวา ก่อนเปิดเข้ามาหน้าประตู บอลชนคานกระดอนออกมา ไม่มีเพื่อนร่วมทีมตามยิงซ้ำ แฟนบอลฝอยทองในสนามลุกขึ้นลุ้นกัน ช่วง 10 นาทีแรกโปรตุเกสทำเกมบุกได้น่ากลัวกว่า นักเตะกานาต้องตัดเกมหนักหลายครั้ง
กานาทำเข้าประตูตัวเอง
นาทีที่ 18 โปรตุเกสมีลุ้นได้ประตู เจา เปเรร่า เปิดบอลจากด้านขวาเข้าไปในเขตโทษ โรนัลโด้กระโดดขึ้นโขกเต็มหัว แต่ดาอูดา ผู้รักษาประตูกานาปัดไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ มาถึงนาทีที่ 30 โปรตุเกสได้ประตูขึ้นนำอย่างโชคช่วย เมื่อเวโลโซ่เปิดบอลจากด้านซ้ายเข้ามาในเขตโทษ จอห์น โบเย่ กองหลังร่างโย่งสกัดพลาด บอลเข้าประตูตัวเอง โปรตุเกสนำ 1-0 ช่วงท้ายครึ่งแรกกานาบุกมากกว่าแต่เจาะไม่ได้ จบครึ่งแรกโปรตุเกสนำ 1-0 ประตู
"กียาน"โขกตีเสมอ 1-1
ครึ่งหลัง ผ่านไปได้ 2 นาที โปรตุเกสบุกขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษ โรนัลโด้ไหลบอลคืนให้มูตินโญ่ยิงติดกองหลังกานาออกหลัง นาทีที่ 50 กียานลากจากริมเส้นด้านซ้ายตัดเข้ากลาง แล้วสับไกด้วยขวา บอลเฉี่ยวเสาแบบได้ลุ้น นาทีที่ 57 กียานแก้ตัวสำเร็จ จากจังหวะ ควัดโว อซาโมอาห์ ลุยมาทางซ้าย ก่อนเปิดไซด์โค้งไปเสาสอง กียานฉีกหนีตัวประกบขึ้นโขกตุงตาข่ายให้กานาตีเสมอเป็น 1-1 ประตู
จากนั้นเกมเป็นของกานาบุกได้เหนือกว่าและมีลุ้นได้ประตูนำ นาทีที่ 60 กียานเปิดจากด้านซ้ายไปเสาสอง วาริสโหม่งโล่งๆ แต่บอลไม่ตรงกรอบ เปาโล เบนโต้ กุนซือโปรตุเกสต้องแก้เกมถอด เจา เปเรร่า ออก ส่งซิลเวสเตร วาเลร่า กองหน้าลงแทน
"โด้"ยิงได้แล้ว-แต่โปรตุเกสร่วง
นาทีที่ 81 โปรตุเกสได้ประตูชัย จากจังหวะนานี่เปิดจากด้านซ้ายเข้ามาหน้าประตู นายทวารกานาปัดบอลมาเข้าทางโรนัลโด้ซัดเต็มเท้าตุงตาข่าย เป็นประตูแรกของโรนัลโด้ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ โปรตุเกสขึ้นนำ 2-1 ช่วงท้ายเกมโปรตุเกสโหมบุกหนักเพื่อทำประตูเพิ่มสำหรับแข่งประตูได้เสียกับสหรัฐ แต่ยิงเพิ่มไม่ได้ หมดเวลาโปรตุเกสชนะ 2-1 แต่ตกรอบแรกไปพร้อมกับกานาอย่างน่าเสียดาย เพราะประตูได้เสียเป็นรองสหรัฐ