- Details
- Category: สิ่งแวดล้อม
- Published: Tuesday, 12 September 2017 09:50
- Hits: 11000
โครงการ Upcycling the Oceans, Thailand นำโดย 3 องค์กรหลัก ททท.- พีทีที โกลบอล เคมิคอล-มูลนิธิอีโคอัลฟ์ ร่วมแก้ปัญหาขยะในทะเลอย่างยั่งยืนที่ ‘เกาะเสม็ด’
ณ อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย นายธีรวัฒน์ สุดสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) และ นายฮาเวียร์ โกเยนิเช่ ประธานและผู้ก่อตั้งมูลนิธิอีโคอัลฟ์ ราชอาณาจักรสเปน ร่วมพิธีเปิดกิจกรรมโครงการ Upcycling the Oceans, Thailand ซึ่งจัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการจัดการปัญหาขยะในแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลของไทย พร้อมเปิดตัวกิจกรรมดำน้ำเก็บขยะในทะเลและเก็บขยะบริเวณชายหาด พร้อมมอบถังขยะและถุงขยะให้กับอุทยานฯ และจังหวัดระยอง เพื่อส่งเสริมการทิ้งขยะและการแยกขยะพลาสติกซึ่งสามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมูลค่าได้
พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า “ปัญหาขยะในทะเลนับเป็นปัญหาสำคัญของไทยและทั่วโลกที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมทางทะเล ซึ่งทะเลและมหาสมุทรเป็นแหล่งรองรับของเสียจำนวนมากที่มาจากกิจกรรมต่างๆ ทั้งการท่องเที่ยว การประมง การเดินเรือ เป็นต้น ทำให้เกิดมลพิษทางทะเลและส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในทะเล กระทรวงฯ จึงดำเนินมาตรการต่างๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อลดปริมาณขยะในทะเล โดยเฉพาะในพื้นที่หมู่เกาะที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากและมีหลายกิจกรรมที่คุกคามต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เช่น การทิ้งขยะปฏิกูลลงทะเล การให้อาหารปลา การทิ้งสมอเรือบริเวณแนวปะการัง ทำให้เกิดความเสียหายต่อแนวปะการัง ซึ่งกระทรวงฯ จะเข้าไปบริหารจัดการเพื่อควบคุมดูแลให้มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างเหมาะสม โดยคำนึงถึงระยะเวลาในการใช้งานให้ยาวนาน และก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด สำหรับโครงการ Upcycling the Oceans, Thailand นับเป็นโครงการหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนภาครัฐจัดการปัญหาขยะ ซึ่งเป็นปัญหาที่ถูกระบุให้เป็น 1 ในยุทธศาสตร์ 10 ด้าน ในเรื่องของทรัพยากรสิ่งแวดล้อมของแผนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี และ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 และเป็นปัญหาระดับสากลที่ต้องร่วมกันดำเนินการแก้ไข โดยการเก็บขยะจากแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล ชายฝั่งและหมู่เกาะของประเทศไทยมาแปรรูปโดยการเพิ่มมูลค่า ซึ่งโครงการคาดว่าจะสามารถลดปริมาณขยะพลาสติกในท้องทะเลไทยไม่น้อยกว่า 10 ตันในปี 2560
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า “ความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมในแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล รวมถึงปัญหาขยะในทะเล ส่งผลต่อระบบนิเวศในทะเลและภาพลักษณ์ของแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลของไทย ซึ่งหากไม่ดำเนินการจัดการปัญหาขยะอย่างเป็นระบบและทันท่วงทีอาจส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวโดยรวมของไทย ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ทำรายได้ให้ประเทศไทยเป็นอันดับต้นๆ ได้ ดังนั้น ททท. จึงร่วมกับพีทีทีจีซี และมูลนิธิอีโคอัลฟ์ ดำเนินโครงการ Upcycling the Oceans, Thailand เพื่อการจัดการขยะในทะเลไทยอย่างยั่งยืน โดยสนับสนุนให้เกิดการอนุรักษ์ท้องทะเลไทย และส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ (Responsible Tourism) อาทิ การทิ้งขยะให้เป็นที่เป็นทาง การเก็บขยะชายหาดและขยะในทะเล เป็นต้น โดยพื้นที่นำร่องของโครงการ คือ ฝั่งทะเลตะวันออก ได้แก่ เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง ฝั่งทะเลอ่าวไทย ได้แก่ เกาะเต่าและเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และฝั่งทะเลอันดามัน ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศ ซึ่งเชื่อว่า ด้วยความร่วมมือของภาคส่วนต่างๆ ในการร่วมจัดการขยะอย่างเป็นระบบในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลรวมถึงพื้นที่ชายฝั่งและหมู่เกาะที่เกี่ยวเนื่อง ตลอดจนรณรงค์ให้ความรู้ความเข้าใจและสร้างจิตสำนึกการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องจะช่วยปกป้องรักษาแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลไทยให้อุดมสมบูรณ์และสวยงาม
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ พีทีทีจีซี กล่าวว่า “พีทีทีจีซี มีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามแนวทางความยั่งยืน โดยได้ประยุกต์หลักการของเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและเมื่อผลิตภัณฑ์หมดอายุกลายเป็นขยะจะถูกนำไปแปรรูปและสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ต่อไป โดยแนวทางนี้จะส่งเสริมให้เกิดความยั่งยืนและลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมสอดคล้องกับแนวปฏิบัติของทั่วโลก ซึ่งโครงการ Upcycling the Oceans, Thailand เป็นโครงการที่บูรณาการแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนและแก้ปัญหาขยะในทะเลเพื่อระบบนิเวศที่ดีขึ้น โดยการเก็บขยะพลาสติกในทะเล ได้แก่ ขยะขวดพลาสติกใสหรือขวด PET และขยะจากพลาสติกโพลิเอทิลีน (PE) เช่น ถุงพลาสติก ขวดพลาสติกทึบ มาแปรรูปด้วยนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อพัฒนาเป็นเสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่นที่มีมูลค่าสูงขึ้น การดำเนินโครงการ Upcycling the Oceans, Thailand จึงช่วยแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมทางทะเลและสร้างคุณค่าของขยะให้เกิดมูลค่าและประโยชน์สูงสุด สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ ข้อที่ 14 Life Below Water ที่ให้ความสำคัญในด้านการบริหารจัดการและอนุรักษ์ และฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งและการป้องกันและลดมลพิษทางทะเล”
นายฮาเวียร์ โกเยนิเช่ ประธานและผู้ก่อตั้งมูลนิธิอีโคอัลฟ์ กล่าวว่า “มูลนิธิอีโคอัลฟ์มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทยตระหนักถึงปัญหาและผลกระทบของขยะในทะเลอย่างจริงจังและได้จัดทำโครงการ Upcycling the Oceans, Thailand ซึ่งนับเป็นประเทศแรกในเอเชีย โดยร่วมมือกับ ททท. และบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) เป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ดำเนินการจัดเก็บขยะในทะเลไทยอย่างเป็นระบบ ทั้งการจัดเก็บ การแปรรูป และพัฒนาเป็นเสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่น ซึ่งโครงการได้มีการติดต่อและประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา อาทิ ชุมชนและหน่วยงานท้องถิ่น ผู้ประกอบการแยกขยะ โรงงานแปรรูป เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะสามารถเก็บรวบรวมขยะพลาสติกที่เกาะเสม็ดตั้งแต่เดือนกันยายน 2560 และจะนำไปแปรรูปเป็นวัตถุดิบทั้งเส้นใยและเม็ดพลาสติกได้ในช่วงต้นปีหน้า”
ทั้งนี้ โครงการ Upcycling the Oceans, Thailand มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (2560 – 2562) โดยในช่วงปีแรกจะมุ่งเน้นการให้ความรู้และส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ พร้อมทั้งการติดต่อประสานงานพันธมิตรสำหรับการจัดการขยะ ทั้งการเก็บขยะ แยกขยะ และแปรรูปขยะ ปีที่ 2 จะมุ่งเน้นการแปรรูปขยะด้วยนวัตกรรมเพื่อพัฒนาเป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิต และปีที่ 3 จะพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์สินค้าแฟชั่นที่แปรรูปจากขยะในทะเล