WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

11472 Coffee Field School 01

ถึงเวลาพัฒนาเกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืนให้เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ

          จากเคมีสู่เกษตรอินทรีย์ WALHI องค์กรด้านสิ่งแวดล้อมของอินโดนีเซีย เผยกรณีศึกษาโรงเรียนสอนปลูกกาแฟภาคสนาม (Coffee Field School) กับการทำเกษตรอินทรีย์ที่ช่วยพลิกฟื้นวิถีชีวิตเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ อย่างยั่งยืนในการปรับปรุงคุณภาพดินและดูแลสิ่งแวดล้อม ช่วยลดรายจ่ายจากการงดใช้ปุ๋ยเคมี เพิ่มรายได้จากการจำหน่ายกาแฟออร์แกนิคที่ผู้บริโภคถวิลหา 

ความดื่มด่ำในรสชาติของกาแฟในอาเซียนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ตลาดกาแฟพร้อมดื่มจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ความหลงไหลในกาแฟสดก็ยังคงเป็นวัฒนธรรมที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งเช่นกันที่ผ่านมาตลาดกาแฟของไทยและในตลาดโลก ยังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามการเติบโตดังกล่าวไม่ได้สะท้อนว่า คุณภาพชีวิตของเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟจะดีขึ้น

          สำหรับภูมิภาคอาเซียนนั้น กาแฟเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจท้องถิ่น ไม่ใช่แค่อาชีพ แต่เป็นวิถีชีวิตของเกษตรกร กลิ่นหอมของการคั่วเมล็ดกาแฟ เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงมรดกทางวัฒนธรรมที่อุดมสมบูรณ์ของเกษตรกร ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา กาแฟออร์แกนิค ผลผลิตจากเกษตรอินทรีย์ เป็นหนึ่งในแนวทางยกระดับภาพลักษณ์และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟในอาเซียน รวมถึงประเทศไทย เนื่องจากกาแฟออร์แกนิค สามารถจำหน่ายในราคาที่สูงกว่ากาแฟทั่วไปหลายเท่าตัว ส่งผลให้กาแฟออร์แกนิคเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรดีขึ้น

 

          การส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ของผู้ปลูกกาแฟในอินโดนีเซีย

 

11472 Mr Kasimo Coffee Farmer

 

          “คาซิโม” เป็นหนึ่งในเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟจำนวนมากที่เมืองนากิริ ลูเบ็ก กาเดง (Nagari Lubuk Gadang) ในเกาะสุมาตราตะวันตก ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกกาแฟโซลก (Solok) ที่ขึ้นชื่อของอินโดนีเซีย ที่ผ่านมาพวกเขาทำการเกษตรแบบพึ่งพาสารเคมี และยาฆ่าแมลง จึงมีภาระรายจ่ายและต้นทุนการเกษตรที่สูง ประกอบกับในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ราคาเมล็ดกาแฟตกต่ำเหลือเพียง 9.09 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรต้องประสบปัญหาค่าครองชีพอย่างรุนแรง

          คาซิโมและเกษตรกร 24 คนตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ “Kopi Rakyat” หรือกาแฟประชาชน โดยร่วมกับองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมของอินโดนีเซียที่ชื่อ WALHI (Wahana Lingkungan Hidup Indonesia) เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟให้ดีขึ้น

 

          WALHI พัฒนาเกษตรอินทรีย์ให้ผู้ปลูกกาแฟ

          แวงกี เพอวันโต้ (Wengki Purwanto) กรรมการบริหารของ WALHI สุมาตราตระวันตก กล่าวว่า WALHI ได้เปิดโรงเรียนสอนปลูกกาแฟภาคสนาม (Coffee Field School) ซึ่งศูนย์การเรียนรู้ด้านอาหารอย่างยั่งยืนในเมืองลูเบ็กกาเดงเมื่อเดือนกรกฎาคม 2022 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในการปรับปรุงสภาพของดินและพื้นที่เพาะปลูกผ่านการแก้ไขปัญหาด้วยนวัตกรรมเกษตรอินทรีย์ เช่น การเพาะเมล็ดพันธุ์กาแฟ การทำปุ๋ยอินทรีย์ การควบคุมแมลงศัตรูพืช และสร้างเสถียรภาพให้กับตลาด โดยโรงเรียนสอนปลูกกาแฟนี้ได้ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟในเมืองโซลก และเพิ่มองค์ความรู้ในการปรับปรุงสภาพดินและพื้นที่เพาะปลูก ให้เกษตรกรตามแนวทางของเกษตรอินทรีย์

 

11472 Coffee Field School 02

 

          โครงการโรงเรียนสอนปลูกกาแฟของ WALHI ให้ความสำคัญกับการทำเกษตรอินทรีย์ มีการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่มีต้นทุนต่ำกว่าปุ๋ยเคมี แต่ ให้คุณค่าที่ดีกว่าในสองประการ คือ ทำให้สุขภาพ และชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชนดีขึ้น ควบคู่กับการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เพราะปุ๋ยอินทรีย์สามารถอุ้มน้ำได้ดีกว่าถึง 5 เท่า จึงช่วยฟื้นฟูพื้นที่เพาะปลูกที่แห้งแล้ง ปรับปรุงความสมบูรณ์ของดิน ช่วยการดูดซึมสารอาหาร เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และรับประกันความยั่งยืนทางการเกษตร ซึ่ง ตรงกันข้ามกับปุ๋ยเคมีที่ทำให้ดินเสื่อมโทรม 

          คาซิโม กล่าวว่า การปลูกกาแฟแบบเกษตรอินทรีย์ ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ส่งผลให้คุณภาพกาแฟดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตลาดมีความต้องการเพิ่มขึ้น และยังช่วยในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม แม้จะยังไม่ได้รับรางวัลระดับ prestigious label ใดๆ แต่ คาซิโม มั่นใจว่าทุกสิ่งจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เพราะปัจจุบัน Kopi Rakyat ได้รับการประเมินคุณภาพในระดับ 80 คะแนน และได้รับการยกย่องให้เป็นกาแฟออร์แกนิคระดับพรีเมี่ยมของโซลกอย่างภาคภูมิใจ

 

11472 Coffee Field School 03

 

          “การทำเกษตรอินทรีย์ เพาะปลูกกาแฟแบบเกษตรอินทรีย์ ไม่เพียงแต่ทำให้เรามีผลิตภัณฑ์ที่ดี แต่ยังมีส่วนช่วยในการพัฒนาผืนดิน รักษาสิ่งแวดล้อม และต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เรามุ่งมั่นที่จะรักษาการเติบโตและดึงดูดการเงินทุน ภายใต้แนวคิด จากฟาร์มสู่ตลาด เรามุ่งมั่นแสวงหาการลงทุนในด้านอุปกรณ์ เพื่อยกระดับคุณภาพของกาแฟให้ดีขึ้น เพื่อให้กาแฟของเราได้รับการยอมรับ เป็นที่รู้จักทั้งในระดับประเทศและระดับโลก” คาซิโม กล่าว

          WALHI ไม่เพียงแต่ให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการทำเกษตรอินทรีย์แก่เกษตรกรเท่านั้น แต่ยังให้ความรู้เกี่ยวกับความซับซ้อนของการเพาะปลูกและการแปรรูปกาแฟ ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจ การตลาด การค้า และการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กาแฟ ทำให้ เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น 

          แวงกี เพอวันโต้ กล่าวว่า WALHI มุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อม ผ่านแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืน ควบคู่กับการจ่ายค่าตอบแทนที่เป็นธรรมกับผู้เพาะปลูก เพื่อให้แน่ใจว่ากาแฟทุกแก้วจะบอกเล่าเรื่องราว คุณค่า วิถีชีวิตความเป็นอยู่ ความเสมอภาค แหล่งกำเนิด และสิ่งแวดล้อมได้อย่างครบถ้วน 

 

 

11472

Click Donate Support Web 

Banner GPF720x100 PX

CKPower 720x100

MTL 720x100

kasat 720x100TOA 720x100

kbank 720x100 66

QIC 720x100

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

PTG 720x100

ais 720x100

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!