- Details
- Category: สิ่งแวดล้อม
- Published: Monday, 28 June 2021 13:07
- Hits: 11065
กลุ่มบางจากฯ จับมือพันธมิตรรวม 11 องค์กร ก่อตั้ง Carbon Markets Club ครั้งแรกในประเทศไทย ส่งเสริมการซื้อขายคาร์บอน ช่วยลดก๊าซเรือนกระจก
กลุ่มบางจากฯ โดยบางจากฯ บีซีพีจีฯ และบีบีจีไอฯ เชิญชวนพันธมิตรรวม 11 องค์กรชั้นนำ ร่วมก่อตั้งเครือข่าย Carbon Markets Club จัดพิธีลงนามออนไลน์ในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือสนับสนุนการซื้อขายคาร์บอนเครดิตและใบรับรองสิทธิในการเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนแบบดิจิทัลเพื่อการลดก๊าซเรือนกระจกเป็นครั้งแรกในประเทศไทย สนับสนุนการซื้อขายคาร์บอน มุ่งสู่สังคม Net Zero โดยมีคนดังในแวดวงสิ่งแวดล้อมร่วมซื้อคาร์บอนเครดิตแบบบุคคล เพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้ชีวิตประจำวัน
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เป็นที่ทราบกันดีว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้ประเทศต่างๆ ในโลกต้องร่วมกันพยายามรักษาอุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกไม่ให้เพิ่มมากไปกว่า 1.5 ถึง 2 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม การเปลี่ยนผ่านจากพลังงานฟอสซิลสู่พลังงานสีเขียวหรือพลังงานสะอาดนับเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยในเรื่องนี้ แต่ก็ยังทำได้ไม่เร็วพอ และในความเป็นจริงนั้น พลังงานฟอสซิลจะยังอยู่กับเราไปอีกหลายทศวรรษ ในขณะที่การพัฒนาเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมสีเขียวยังต้องมีมาตรการอุดหนุนจากรัฐบาลหรือนำภาษีจากประชาชนมาสนับสนุนอยู่
การซื้อขายคาร์บอนจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยตอบโจทย์นี้ โดยหน่วยงานหรือองค์กรที่เป็นผู้ผลิตหรือมีรายได้จากอุตสาหกรรมหนักหรือใช้พลังงานฟอสซิล ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นผ่านการซื้อขายคาร์บอนหรือการจ่ายภาษีทางอ้อม เพื่อนำเงินที่ได้จากการจำหน่ายคาร์บอนไปอุดหนุนการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว ส่งผลให้เราเริ่มเห็นมาตรการทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี หรือ non-tariff barriers จากประเทศต่างๆ เช่น European Green Deal เพื่อเป็นทุนในการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน ซึ่งการจัดตั้งเครือข่าย Carbon Markets Club ในวันนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้เราสามารถเตรียมตัวรับมือกับความท้าทายและโอกาสทางการค้าในรูปแบบใหม่ๆ นี้ได้
โดยในวันนี้ ได้มีการจัดพิธีลงนาม MOU ในรูปแบบออนไลน์ระหว่างพันธมิตร 11 หน่วยงานที่ถือเป็นสมาชิกตั้งต้นหรือ founding members ของเครือข่ายฯ ในวันนี้ เป็นการรวบรวมองค์กรชั้นแนวหน้าของประเทศที่ให้ความสำคัญกับการร่วมกันลดผลกระทบจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการทำธุรกิจผ่านการซื้อขายคาร์บอน ได้แก่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด บริษัท เชลล์ แห่งประเทศไทย จำกัด ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด และบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
ซึ่ง 11 องค์กรพันธมิตรที่เป็นสมาชิกตั้งต้นของเครือข่าย Carbon Markets Club มีความมุ่งมั่นร่วมกันที่จะช่วยกันสนับสนุน เผยแพร่ ส่งเสริมการซื้อขายคาร์บอน ไม่ว่าจะเป็นคาร์บอนเครดิตในระบบ T-VER โดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก หรือเครดิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (REC) โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งการซื้อขายในปัจจุบันยังเป็นรูปแบบซื้อขายกันโดยตรง (over the counter) อยู่ ซึ่งสมาชิกเครือข่ายฯ มีวัตถุประสงค์ร่วมกันในการพัฒนาการซื้อขายไปสู่ platform ระบบดิจิทัลเพื่อความรวดเร็วและทันสมัย รองรับตั้งแต่การทำ e-registration กับหน่วยงานผู้ขึ้นทะเบียนและให้การรับรอง ไปจนถึงการทำ e-carbon trading และนำ blockchain มาใช้ในการซื้อขายสู่การทำธุรกรรมทางการเงินแบบกระจายศูนย์ หรือที่เรียกกันว่า DeFi หรือ decentralized finance ซึ่งกำลังได้รับความนิยมมากขึ้น
ในวันนี้ เครือข่ายฯ ยังได้รับเกียรติจากผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ร่วมแสดงความยินดีกับการก่อตั้งเครือข่ายฯ และสนับสนุนให้เกิดโอกาสที่จะขยายเครือข่ายฯ ไปในวงกว้างขึ้น เพื่อให้บริษัทจดทะเบียน รวมถึงบริษัทสมาชิกสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จากภาคธุรกิจต่างๆ เข้าร่วมด้วยในอนาคต
นอกจากนี้ กลุ่มสมาชิกตั้งต้นของเครือข่ายฯ ยังได้ทำการซื้อขายคาร์บอนเป็นปฐมฤกษ์ ทั้งคาร์บอนเครดิตในระบบ T-VER และเครดิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (REC) และมีบุคคลชื่อดังในวงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่าง ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการทางทะเล คุณท็อป พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร นักรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม และคุณหนุ่ย พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ พิธีกรและผู้ผลิตสื่อ #beartai ร่วมซื้อคาร์บอนแบบบุคคล เพื่อเป็นการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้ชีวิตประจำวันของตนเองด้วย เป็นการร่วมสร้างการตระหนักรู้ให้สังคมว่า การซื้อขายคาร์บอนเครดิตไม่จำกัดอยู่เพียงในรูปแบบขององค์กรหรือบริษัทเท่านั้น
ทุกคนล้วนมีคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ซึ่งเป็นการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้ชีวิตประจำวัน และทุกคนสามารถมีส่วนช่วยลดผลกระทบได้ เริ่มจากการใช้ชีวิตแบบคาร์บอนต่ำ และยังสามารถชดเชยผ่านการซื้อคาร์บอนได้อีกด้วย โดยในวันนี้มีการซื้อขายคาร์บอนรวม 2,564 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ (tCO2e) เทียบได้กับการปลูกต้นไม้ใหญ่ประมาณ 298,140 ต้นหรือ 1,491 ไร่ ซึ่งผู้ขายคาร์บอนเครดิตคือ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) และผู้ขายเครดิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนคือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และจะนำรายได้จากการจำหน่ายไปทำกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมต่อไป
“ผมเชื่อมั่นว่า การลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในวันนี้เป็นเพียงก้าวแรกที่ทุกคนและทุกหน่วยงานจะได้ประสานความร่วมมือ เพื่อส่งเสริมการซื้อขายคาร์บอนทั้งในรูปแบบองค์กรและบุคคล เป็นวิธีหนึ่งที่จะนำพาเราไปสู่สังคม Net Zero หรือสังคมที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์และทำให้โลกเราน่าอยู่ยิ่งขึ้นครับ” นายชัยวัฒน์กล่าวทิ้งท้าย
Bangchak Group Forms ‘Carbon Markets Club’, with 11 Founding Member Organizations. A First for Thailand, Promoting Carbon Credit Trading to Reduce Greenhouse Gases
Bangchak Group, comprising Bangchak Corporation, BCPG, and BBGI, invited leading organizations to jointly establish the Carbon Markets Club in an online memorandum of understanding signing ceremony. A first for Thailand, the club supports carbon credit and Renewable Energy Certificate (REC) trading to reduce greenhouse gases toward a Net Zero society, with leading environmentalists also purchasing personal carbon credits to offset their daily carbon footprint.
Chaiwat Kovavisarach, President and Chief Executive Officer of Bangchak Corporation Public Company Limited, stated that the well-known effects of climate change have brought countries around the world together in an effort to keep global temperature increase below 1.5°C to 2.0°C, relative to pre-industrial levels. The energy transition from fossil fuels to green or clean energy is vital in this endeavor, but there has been limited progress and, in reality, fossil fuels will remain with us for many more decades. In order to succeed, green technology and innovation requires the support of governmental measures or tax incentives.
Carbon trading is a critical part of addressing this challenge. Entities or organizations that emit or benefit from heavy industry or use fossil fuels will incur increased costs through carbon credit purchase or alternative taxation, where the collected capital will be used in investment of green industries. New non-tariff barriers from various countries, such as the European Green Deal, provide capital for renewable energy development. The Carbon Markets Club will enable us to meet these challenges and foster new trade opportunities.
Today’s online MOU signing ceremony among the eleven founding members of the Club brings together leading Thai organizations who are committed to reducing the effects of carbon emissions through carbon trading. The founding member organizations are: Bangchak Corporation Public Company Limited, Electricity Generating Authority of Thailand (EGAT), BCPG Public Company Limited, BBGI Public Company Limited, Charoen Pokphand Group Company Limited, Shell Company of Thailand, KASIKORNBANK Public Company Limited, Bank of Ayudhya Public Company Limited, Tetra Pak (Thailand) Company Limited, Bangkok Industrial Gas Company Limited, and BTS Group Holdings Public Company Limited.
These founding members of the Carbon Markets Club are committed to support, raise awareness, and promote carbon credit trading through Thailand Voluntary Emissions Reduction Program (T-VER) by the Thailand Greenhouse Gas Management Organization (TGO) and the Renewable Energy Certificate by the Electricity Generating Authority of Thailand (EGAT).
They have set out to develop the current over-the-counter mode of trade into a digital platform that is convenient and modern, supports e-registration with registration and accreditation agencies, promotes e-carbon trading, and integrates Blockchain trading technology - which is gaining in popularity - to support decentralized finance.
Today, the Club was congratulated by executives from the Stock Exchange of Thailand (SET), The Federation of Thai Industries (FTI) and the Thailand Greenhouse Gas Management Organization (TGO), who will help support the future participation and growth of the network to include listed companies and companies in the Federation of Thai Industries from numerous sectors.
Moreover, the Club’s Founding Members also participated in carbon trading transactions, both T-VER and REC, and joined by leading environmentalists Dr. Thon Thamrongnawasawat, marine scientist, Piphat Apiruktanakorn, environmentalist, and Pongsuk Hiranprueck, moderator and presenter of #Beartai, who have purchased personal carbon credits to offset their daily greenhouse gas emissions, to raise social awareness that carbon trading is not limited only to organizations and companies. Everyone has a carbon footprint created by the emission of greenhouse gases in our daily lives, and everyone can help to reduce its effects by leading a low carbon lifestyle and offsetting emissions by buying carbon credits. The event recorded transactions of 2,564 tCO2e, the equivalent of planting about 298,140 trees or 1,491 rai of forest. Revenues from the transactions will be used by BCPG and EGAT to fund environmental programs.
Chaiwat concluded “I believe that today’s MOU is the first step that every person and every organization can take to cooperate and promote carbon credit trading at the organization and personal level, which will help pave the way towards a Net Zero society for a better world”.
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ