- Details
- Category: สิ่งแวดล้อม
- Published: Thursday, 02 January 2020 13:32
- Hits: 4595
สกสว.และ ‘อท.ศรีน่าน’ หนุนชาวบ้าน ผลิตจานชาม
จากกาบไผ่-ใบตองตึงแทนถุงพลาสติก
อุทยานศรีน่าน นำร่องนวัตกรรมทางสังคมของ สกสว. หนุนใช้ชามกาบไผ่ของชุมชน รับนโยบาย ‘อุทยานปลอดพลาสติก’ ดีเดย์ 1 ม.ค.63
นายบัณฑิต ฉิมชาติ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติศรีน่าน เปิดเผยถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เสนอกลไกการขับเคลื่อนการงดใช้ถุงพลาสติก เพื่อลดและเลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวในเขตอุทยานแห่งชาติทุกแห่งทั่วประเทศเริ่ม 1 มกราคม 2563
ในส่วนนี้ อุทยานศรีน่านได้เตรียมความพร้อมไว้ในระดับหนึ่ง และได้ทำการประชาสัมพันธ์กิจกรรมรณรงค์งดใช้ถุงพลาสติก หรือ พลาสติกชนิดใช้ครั้งเดียว และกิจกรรม “ขยะคืนถิ่น” โดยนักท่องเที่ยวสามารถติดต่อขอรับ Green Heart Passport สะสมตราประทับแลกรับรางวัล ตามกติกา “ไม่สร้างขยะ” ใช้ปิ่นโตใส่อาหาร ใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก ขณะเดียวกันทางอุทยานศรีน่านได้เตรียมแก้วน้ำกระบอกไม้ไผ่ จาน-ชาม ภาชนะที่ทำจาก กาบไม้ไผ่ ใบกล้วย และใบตองตึง ผลิตภัณฑ์ชุมชนรอบๆ อุทยานศรีน่านไว้บริการนักท่องเที่ยว
นายบัญฑิต เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์ จาน ชาม กาบไผ่ และใบตอง ของชุมชนรอบๆ อุทยานศรีน่าน เกิดขึ้นจากการทำงานร่วมกันของอุทยาน กับ ผศ.ดร.เขมรัฐ เถลิงศรี จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและคณะ ที่เข้ามาทำวิจัย “นวัตกรรมทางสังคมเพื่อส่งเสริมวิถีชีวิตเกษตรกรบนพื้นที่สูงสู่ความยั่งยืน” โดยการสนับสนุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ในพื้นที่ บ้านวนาไพร บ้านหนองผำ และบ้านน้ำปี้ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่ติดกับอุทยาน เมื่อปีที่ผ่านมา
ผศ.ดร.เขมรัฐ เถลิงศรี ในฐานะหัวหน้าโครงการ เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์กาบไผ่และใบตองตึง เป็นกระบวนการพัฒนาต้นแบบของนวัตกรรมทางสังคมเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง เพราะการค้นหาต้นแบบที่เหมาะสม จะนำไปสู่การพัฒนาและทดสอบ 3 กิจกรรม คือ ต้นแบบการจัดการน้ำ ต้นแบบการจัดการข้าวต้นแบบ การทำอาชีพเสริม สำหรับผลิตภัณฑ์กาบไผ่และใบตองตึง อยู่ระหว่างการพัฒนาเครื่องขึ้นรูปภาชนะของพระอาจารย์วิจิตร วัดถ้ำกระบอก และ ผศ.ดร.สุพิณ แสงสุข สำนักวิชาทรัพยากรการเกษตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งในส่วนของคุณภาพ รูปแบบ และลดต้นทุนการผลิต ที่ปัจจุบันบ้านวนาไพรผลิตชามกาบไม้ไผ่ได้ประมาณ 200 ใบ เฉลี่ยต้นทุนใบละ 2 บาท ซึ่งถือว่าน้อย ไม่เพียงพอกับความต้องการของนักท่องเที่ยวที่อุทยานศรีน่าน ในช่วงฤดูหนาวนี้ และต้นทุนที่ยังสูงกว่าท้องตลาดประมาณเท่าตัว
อย่างไรก็ดี ผลสัมฤทธิ์ที่ทีมวิจัยคาดว่าจะได้รับ คือ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและทัศนคติของเกษตรกร และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติระหว่างชุมชนกับอุทยาน (co-management) โดยชุมชนที่อยู่รอบอุทยาน จะรักษาทรัพยากรให้อุดมสมบูรณ์ ในขณะที่อุทยานสามารถส่งเสริมอาชีพเสริมสำหรับชุมชนอีกทางหนึ่ง
AO1003
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web