- Details
- Category: สิ่งแวดล้อม
- Published: Monday, 28 May 2018 14:12
- Hits: 1689
Blue Carbon Society ปลุกพลังสังคม ร่วมปฏิบัติการลดขยะ ปกป้องท้องทะเล กับกิจกรรม Blue Plogging
บลูคาร์บอนโซไซตี้ (Blue Carbon Society) ชวนพนักงานกลุ่มบริษัทดีที และเชลล์ฮัท พร้อมสื่อมวลชนกว่า 300 คน วิ่งเก็บขยะ-Blue Plogging 25 พฤษภาคม 2561 นี้ ณ สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ สมุทรปราการ (คุ้งบางกะเจ้า) ชวนสังคมตระหนักปัญหาขยะทะเลที่มาจากขยะบก โดยเฉพาะขยะพลาสติกซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง
ดร.ชวัลวัฒน์ และคุณทิพพาภรณ์ อริยวรารมย์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Blue Carbon Society องค์กรไม่แสวงหาผล กำไร สร้างแรงบันดาลใจเพื่อกระตุ้นจิตสำนึกสู่การปฏิบัติการด้านการอนุรักษ์ และฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเล และชายฝั่ง เปิดเผยว่า การวิ่ง plogging ครั้งนี้ Blue Carbon Society ได้ขอให้ผู้วิ่งจากกลุ่มบริษัทดีทีและเชลฮัทนำถุงพลาสติกเก็บขยะและกระบอกน้ำมาเองจากบ้าน เพื่อไม่สร้างขยะพลาสติกเพิ่มจากการจัดกิจกรรม โดยได้ประสานกับบริษัทคัดแยกขยะรีไซเคิล วงษ์พาณิชย์ จำกัด เพื่อมารับขยะไปคัดแยกและกำจัดอย่างถูกวิธี นอกจากนั้น ยังมีคูลเลอร์จัดวางตามจุดให้ผู้วิ่งเติมน้ำใส่กระบอกน้ำได้ตลอดเส้นทางอีกด้วย
กิจกรรม Plogging วิ่งเก็บขยะ มีที่มาจากคำว่า Jogging + Picking up หรือ Plocka Upp ในภาษาสวีเดน ซึ่งเป็นประเทศแรกที่จัดการวิ่งประเภทนี้ในปี พ.ศ 2559 ก่อนจะได้รับความนิยมไปทั่วโลก หมายถึงการ 'วิ่งไป เก็บขยะไป' ที่มีประโยชน์ทั้งต่อสุขภาพของผู้วิ่งและส่วนรวมคือชุมชนสะอาด
คุ้งบางกะเจ้า ตั้งอยู่บริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดสมุทรปราการ ยังคงสภาพป่าชายเลนธรรมชาติที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ โดยได้รับยกย่องจาก Time ฉบับ The Best of Asia 2006 (พ.ศ.2549) ให้เป็น The Best Urban Oasis of Asia หรือเป็นโอเอซิสเมืองที่ดีที่สุดในเอเชีย จึงเป็นแหล่ง Blue Carbon สำคัญ ซึ่งสามารถถ่ายทอดเรื่อง Blue Carbon และการเชื่อมโยงระหว่างชุมชนเมือง ธรรมชาติ ท้องทะเล และชายฝั่งได้เป็นอย่างดี แต่หลังจากตลาดน้ำบางน้ำผึ้งที่ชาวบ้านช่วยกันพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวตั้งแต่ปี พ.ศ 2547 ได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา พบปริมาณขยะเฉลี่ยอยู่ที่ 8,000 กิโลกรัมต่อวัน เพิ่มเกือบเท่าตัวจากปริมาณเฉลี่ยเดิมที่ 4,500 กิโลกรัมต่อวัน
องค์การบริหารส่วนตำบลบางกะเจ้าเปิดเผยว่า สัดส่วนขยะที่พบมากที่สุดในปัจจุบัน ได้แก่ ถุงพลาสติก 40% ขยะอินทรีย์ 26% ขยะรีไซเคิล (แก้ว และกล่องนม) 24% ขยะมูลฝอยทั่วไป 8% และขยะอันตราย 2% คุ้งบางกะเจ้าจึงมีความเสี่ยงต่อการลดลงของความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งจะส่งผลกระทบไปสู่ระบบนิเวศทาง
ทะเล ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ชุมชนและทุกฝ่ายต้องเริ่มต้นดูแลและฟื้นฟูพื้นที่บริเวณคุ้งบางกะเจ้า ให้ลดความเสี่ยงต่อปัญหาปริมาณขยะโดยเฉพาะขยะพลาสติกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งระบุว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีขยะในทะเลมากเป็นอันดับ 6 ของโลก โดยมีการปล่อยขยะลงสู่ท้องทะเลถึงกว่า 1 ล้านตันต่อปี
“การจัดกิจกรรม Blue Plogging วิ่งเก็บขยะ เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ Blue Carbon Society มุ่งมั่นให้เป็นแนวทางในการปกป้องท้องทะเล ภายใต้พันธกิจของสมาคมฯ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของระบบนิเวศทางทะเล และชายฝั่งทะเล ในการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมถึงปกป้อง อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพของระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งให้มีความสมดุล”
"ลองคิดดูว่าโดยเฉลี่ย 1 คน วิ่งเก็บขยะได้ประมาณ 2 กิโลกรัมภายในครึ่งวัน ถ้าคนไทยทั้งประเทศกว่า 60 ล้านคน ช่วยกันวิ่งเก็บขยะ ก็จะช่วยลดปริมาณขยะได้มากถึง 120 ล้าน กิโลกรัม นี่คือพลังสังคมที่ลุกขึ้นมาปกป้องท้องทะเลร่วมกับ Blue Carbon Society ได้”ดร.ชวัลวัฒน์กล่าว
ทางด้านคุณทิพพาภรณ์กล่าวเสริมว่า กิจกรรม plogging ลดขยะบนบกเพื่อป้องกันขยะไหลลงสู่ทะเล ถือเป็นปฐมบทแห่งการดูแลรักษา ฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง
"สิ่งสำคัญที่ได้รับตามมาคือการต่อชีวิต ยืดอายุสัตว์ทะเลหายากใกล้สูญพันธุ์ทั้งเต่าทะเล พะยูน โลมา แมงดาทะเล ให้อยู่ในท้องทะเลอย่างที่ควรจะเป็น เพราะเมื่อสัตว์ทะเลเหล่านี้ไม่ได้รับผลกระทบจากขยะพลาสติกในทะเล ก็จะอยู่ในระบบนิเวศท้องทะเลอย่างสมดุล ทำให้มีพื้นที่ Blue Carbon เพื่อดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นโดยปริยาย”คุณทิพพาภรณ์ กล่าว
ร่วมปกป้อง ดูแลรักษาท้องทะเล ฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อเพิ่มศักยภาพการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ กับ Blue Carbon Society
#วันนี้ คุณวิ่งเก็บขยะหรือยัง !!! #บลูคาร์บอนโซไซตี้ #BlueCarbonSociety #ร่วมปกป้องท้องทะเล
Click Donate Support Web