- Details
- Category: CSR
- Published: Sunday, 31 August 2014 21:24
- Hits: 4019
Art Camp โดยมูลนิธิเอสซีจี ค่ายสอนศิลปะ ปั้นเด็กศิลป์เลือดใหม่
ปัจจุบันยังมีเยาวชนไทยอีกเป็นจำนวนมากที่มีความฝันและมุ่งมั่นจะเรียนต่อด้านศิลปะในระดับอุดมศึกษา แต่เด็กเหล่านี้อาจไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจัง จนกระทั่งไม่สามารถไปถึงฝั่งฝันได้ โดยเฉพาะนักเรียนในต่างจังหวัด นอกจากจะเสียเปรียบด้านโอกาสในการเห็นโลกกว้างและเข้าถึงข้อมูลข่าวสารอย่างนักเรียนในเมืองใหญ่แล้ว เด็กส่วนมากยังไม่ได้เรียนพิเศษติวเข้มด้านศิลปะ เพราะมีค่าใช้จ่ายสูง ทั้งในพื้นที่ห่างไกลยังอาจเข้าถึงแหล่งกวดวิชาศิลปะได้ยากด้วย ทำให้เด็กๆ ขาดโอกาสในการเตรียมความพร้อมที่จะสอบแข่งขันความถนัดเฉพาะทางและการฝึกฝนความสามารถด้านศิลปะอย่างน่าเสียดาย
Art Camp โดยมูลนิธิเอสซีจี เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 9 ปีก่อน ด้วยความร่วมมือระหว่างมูลนิธิเอสซีจี องค์กรสาธารณกุศลที่ทำกิจกรรมสร้างสรรค์สังคมเพื่อพัฒนาคนให้เป็น ‘คนเก่งและดี’ กับคณาจารย์จากสถาบันการศึกษาชั้นแนวหน้าด้านศิลปะ ศิลปินแห่งชาติ และศิลปินอิสระ ร่วมกันจัดค่ายสอนศิลปะให้แก่นักเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่มีความฝันอยากเรียนต่อด้านศิลปะในระดับอุดมศึกษาและอาศัยอยู่ในจังหวัดที่ไม่มีมหาวิทยาลัยเปิดทำการสอนด้านศิลปะตั้งอยู่ ค่ายนี้ไม่เพียงเพิ่มพูนความรู้ทั้งภาคทฤษฎี และการฝึกฝนทักษะ ทั้งด้านองค์ประกอบศิลป์ การเขียนลายเส้น และความคิดสร้างสรรค์เชิงศิลปะของเยาวชนเท่านั้น แต่ยังมุ่งพัฒนาครูผู้สอนศิลปะซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญในการสร้างบุคลากรที่ดี ด้วยการเสริมสร้างทักษะการถ่ายทอดความรู้ รวมถึงอัพเดทเทคนิคใหม่ๆ ในการทำงานศิลป์ ซึ่งความรู้ที่ได้เพิ่มเติมเหล่านี้จะช่วยพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนศิลปะและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่ลูกศิษย์
สุวิมล จิวาลักษณ์ กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิเอสซีจี หัวเรือใหญ่ในการจัดงานกล่าวว่า “Art Camp โดยมูลนิธิเอสซีจี เป็นอีกหนึ่งโครงการที่มูลนิธิฯ ภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนสนับสนุนเพิ่มโอกาสให้เยาวชนที่มีความสามารถทางศิลปะได้มาเข้าค่ายเรียนรู้ศิลปะจากวิทยากรคุณภาพและมีชื่อเสียงระดับประเทศมากที่สุดค่ายหนึ่งในประเทศไทย ทำให้เด็กๆ ได้เปิดโลกทัศน์ได้รู้แนวทางและฝึกฝนเทคนิคพื้นฐานต่างๆ เพื่อนำไปเติมความฝันของตัวเองในเส้นทางที่ตัวเองอยากจะไปศึกษาต่อ โดยตลอด 8 ปีของการจัดค่ายสอนศิลปะนี้ มีน้องๆ นักเรียนที่เข้าร่วมโครงการฯ ประสบความสำเร็จสามารถสอบเข้าเรียนต่อด้านศิลปะในมหาวิทยาลัยที่ตั้งใจได้กว่า 65% ซึ่งถือว่าเป็นความสำเร็จของโครงการ แต่ที่มากกว่านั้นคือ เป็นความสำเร็จของน้องๆ ที่มุ่งมั่นฝึกฝนฝีมือจนสามารถสอบเข้าเรียนได้ในสาขาวิชาที่ตั้งใจไว้”
ด้านศาสตราจารย์เกียรติคุณ ปรีชา เถาทอง ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ ประจำปี 2534 กล่าวเสริมว่า “ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่ผมได้มีโอกาสมาเป็นวิทยากรให้ค่าย Art Camp ของมูลนิธิเอสซีจี ค่ายนี้จัดขึ้นเพื่อให้เด็กนักเรียนในต่างจังหวัดที่มีความฝันอยากเรียนต่อด้านศิลปะในรั้วมหาวิทยาลัย ได้มีโอกาสเตรียมความพร้อมฝึกฝีมือก่อนลงสนามสอบและขยายการอบรมไปถึงครูสอนศิลปะให้ได้รู้ว่าเขาต้องสอนศิลปะเด็กอย่างไร การบูรณาการทางความรู้ที่จะช่วยสร้างวิสัยทัศน์ที่ดีให้แก่นักเรียน ผมเชื่อว่าสิ่งที่เด็กๆ ได้รับการอบรมบ่มเพาะจากครูบาอาจารย์ในค่ายนี้จะทำให้เขาเป็นบุคคลที่มีพื้นด้านศิลปะ มีสติปัญญาด้านความคิดสร้างสรรค์ที่จะเป็นนิสัยติดตัวเขาซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้และพัฒนากับความเป็นมนุษย์ในสาขาวิชาชีพได้”
กิจกรรมในค่ายตลอดเวลา 3 วัน 2 คืน น้องๆ ได้รับการแนะนำข้อมูลสาขาศิลปะที่เปิดสอนในมหาวิทยาลัยอย่างละเอียด และการอบรมบ่มเพาะอย่างหนักในเรื่องพื้นฐานการวาดเส้น (Drawing) ที่ถือเป็นพื้นฐานของการทำงานศิลปกรรมทุกแขนง เพื่อนำองค์ความรู้ไปเป็นเครื่องมือในการถ่ายทอดความคิด ความรู้สึก จินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ โดยเริ่มตั้งแต่วิธีการจับดินสอ การฝึกฝนการใช้เส้น การวาดโครงสร้าง ขนาดสัดส่วนและการลงน้ำหนักแสงและเงา ก่อนจะแบ่งกลุ่มฝึกฝนตามคณะที่ตนเองสนใจ โดยผลงานทุกชิ้นล้วนได้รับคำแนะนำดีๆ จากคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ อาทิ ครูสังคม ทองมี รองศาสตราจารย์ทินกร กาษรสุวรรณ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ทิพเนตร์ แย้มมณีชัย
น้องเจมส์ นายเจนณรงค์ แคะมะดัน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบุญวัฒนา จ.นครราชสีมา หนึ่งในผู้เข้าร่วมค่ายในปีนี้ได้กล่าวถึงความประทับใจว่า “ผมรู้สึกดีใจมาก นี่เป็นครั้งแรกของผมที่ได้มีโอกาสมาเข้าค่ายศิลปะที่มีการสอนอย่างใส่ใจจากคณาจารย์ผู้มีฝีมือในวงการศิลปะอย่างใกล้ชิด ตลอด 18 ปีที่ผ่านมา ผมรู้สึกคล้ายคนตาบอดมองไม่เห็นฝีมือหรือขีดจำกัดความสามารถของตัวเองแต่ค่ายนี้จุดประกายให้ผมเห็นอะไรชัดเจนขึ้น ผมจึงได้รู้ว่าผมควรพัฒนาอีกมากแค่ไหน ไม่ได้จะบอกว่าตัวเองมองเห็นแล้ว แต่อยากจะบอกว่าเพิ่งรู้ว่าตัวเองควรฝึกอีกมากขนาดไหน 3 วันนี้ หลายคนบอกว่าไวมาก แต่สำหรับผม มันเป็น 3 วันที่มีค่าที่สุดแล้ว ต้องขอขอบคุณมูลนิธิเอสซีจี และอาจารย์ทุกท่านมากนะครับ”
เช่นเดียวกับ น้องเบล นางสาว ปิยะธิดา ไกรกิจราษฏร์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนจ่านกร้อง จ.พิษณุโลก กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “รู้สึกว่ามันน่าตื่นเต้นที่ได้มาเจอเพื่อนๆ ที่คิดอะไรเหมือนๆ กัน พูดด้วยกันรู้เรื่อง และที่สำคัญคือได้ประสบการณ์เรียนรู้สิ่งใหม่ ทำในสิ่งที่เราไม่เคยทำ อย่างเช่น การเขียนรูปเหมือน จะเขียนอย่างไรให้เหมือนคนจริงๆ การวัดสเกล ขนาดสัดส่วน การลงน้ำหนักและการคำนวณหัวกระดาษ ปกติที่หนูวาดมักไม่ถูกส่วน มาที่ค่ายอาจารย์ได้ช่วยแนะนำทำให้หนูทราบว่าข้อด้วยของตัวเองแล้วนำกลับไปฝึกฝนเพิ่มเติม”
ด้านครูสอนศิลปะได้เรียนรู้และลงมือทำ Workshop ภาพพิมพ์ ทั้งภาพพิมพ์สีน้ำมัน ภาพพิมพ์โฟมอัด และภาพพิมพ์ปูนพลาสเตอร์ ด้วยเทคนิคการใช้วัสดุแบบใหม่ๆ อีกทั้งยังได้รับฟังการบรรยายแนะนำเทคนิคการสอนจากยอดปรมาจารย์ด้านศิลปะชื่อดังระดับประเทศ อาทิ ศาสตราจารย์เกียรติคุณปรีชา เถาทอง ศาสตราจารย์เกียรติคุณพิษณุ ศุภนิมิตร และผู้ช่วยศาสตราจารย์ญาณวิทย์ กุญแจทอง ซึ่งจะก่อให้เกิดแรงบันดาลใจในการพัฒนา สรรค์สร้างทรัพยากรบุคคลให้มีความสนใจ รัก และเข้าถึงความเป็นศิลปะอย่างแท้จริง
ครูเอก นายอรรคพงษ์ สินเธาว์ ครูสอนศิลปะ โรงเรียนนาแกสามัคคีวิทยา จ.นครพนม กล่าวเสริมว่า “ค่ายนี้เป็นค่ายที่ดีครับ เป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กับครูสอนศิลปะให้ได้รับประสบการณ์ ได้เทคนิคการสอนใหม่ ๆ ในวิชาต่างๆ ด้านศิลปะที่จะนำไปบูรณาการต่อยอดการสอนนักเรียนต่อไป ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้ผมกลับไปพัฒนาการสอนศิลปะ โดยตั้งใจจะเริ่มจากจุดเล็กๆ เน้นที่กลุ่มนักเรียนที่เราสอนในชั้นเรียนก่อน และขยายผลต่อยอดกับกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะที่มีอยู่ในโรงเรียนและเขตการศึกษาพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาส่วนภูมิภาคต่อไป”
มูลนิธิเอสซีจีเชื่อว่าน้องๆ และครูสอนศิลปะที่ได้มาเข้าค่ายในปี คงได้รับการบ่มเพาะหัวใจคนพันธุ์อาร์ต เสริมสร้างสรรค์จินตนาการ และได้นำองค์ความรู้ที่ได้ไปมุ่งมั่นพัฒนาฝีมือและสร้างสรรค์งานอย่างมีคุณภาพสานฝันตนเองให้สำเร็จ เติบโตบนเส้นทางสายศิลป์เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาวงการศิลปะไทยให้ก้าวไปต่อไป