- Details
- Category: CSR
- Published: Friday, 27 October 2017 16:46
- Hits: 1078
‘คิง’ สานฝันเกษตรกรมอบ 3 ทุนพอเพียง ปั้นโครงการต้นแบบตามศาสตร์พระราชา
กลุ่มน้ำมันรำข้าวคิง น้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาเป็นแนวทางในการดำเนินธุริจ มาตลอดระยะเวลา 40 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เดินหน้าการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainability Development) ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดร่วมกับสถาบันเศรษฐกิจพอเพียง และมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ สนับสนุนให้สาธารณชนทั่วไปได้ศึกษา เรียนรู้ และพัฒนาวิถีชีวิตตาม ‘ศาสตร์พระราชา’ และเปิดโอกาสให้เกษตรผู้ที่มีศักยภาพและความตั้งใจจริง ส่งโครงการเข้าประกวดในโครงการ’ทุนพอเพียง’โดยกลุ่มน้ำมันรำข้าวคิง ภายใต้การดูแลและให้คำแนะนำจาก ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร แห่งมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ ทั้งนี้ เพื่อรับทุนสนับสนุนการเริ่มต้นให้แก่เกษตรกร จาก 3 พื้นที่ จำนวน 3 ทุน ประกอบด้วย ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เพื่อต่อยอดการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอย่างเป็นรูปธรรม และนำไปสู่การแบ่งปันความรู้ หรือ ภูมิปัญญาแก่ผู้อื่นต่อไป และนำไปพัฒนาเป็นโครงการต้นแบบพอเพียงในการบริหารจัดการพื้นที่ตามศาสตร์พระราชา โดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญในเรื่องการปลูกข้าว เพื่อร่วมอนุรักษ์พันธุ์ข้าวท้องถิ่น ซึ่งเป็นสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงปลูกฝังให้คนไทยรักและหวงแหน เพื่อให้ข้าวไทยดำรงอยู่บนผืนแผ่นดินไทยตลอดไป
ทั้งยังเป็นศูนย์การเรียนรู้ เพื่อช่วยให้คนไทย มีความเป็นอยู่ที่ดี พอมี พอกิน พอใช้ สังคม ชุมชนและสิ่งแวดล้อม เติบโตอย่างยั่งยืน โดยมีโครงการที่ผ่านการคัดเลือกดังนี้ 1) โครงการ ‘ปั้นแท็งค์ กู้ดอย @ แม่ลาน้อย’จังหวัดแม่ฮ่องสอน 2) โครงการ ‘ปลูกป่า กู้ดิน@ท่าคันโท’ ที่จังหวัดกาฬสิทธุ์ และ 3)โครงการ ‘ก่อคันนา กู้ข้าว@คลองลาน’จังหวัดกำแพงเพชร
โครงการ ‘ปั้นแท็งค์ กู้ดอย @ แม่ลาน้อย’ จังหวัดแม่ฮ่องสอน
โครงการเล็กแต่ยิ่งใหญ่ของ น้องหนุ่ม‘นายเอกพันธ์ เกียรติภูทอง’ หนุ่มน้อยวัย 23 ปี จากดอยสูงแม่ฮ่องสอน ด้วยแนวคิดและมุ่งมั่นน้อมนำศาตร์แห่งพระราชาด้านการเกษตรมาใช้พัฒนาถิ่นฐานบ้านเกิด สร้างประโยชน์ให้คนในหมู่บ้านแม่กวางเหนือ ต.ท่าผาปุ้ม อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวเขาปกากะญอ จำนวน 30 ครัวเรือน มีผู้อยู่อาศัยกว่าร้อยชีวิต ได้มีน้ำใช้ในการเกษตรช่วงหน้าแล้ง
โครงการ ‘ปั้นแท็งค์ กู้ดอย’ คือ โครงการสร้างแท็งค์น้ำขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลาง 4 เมตร สูง 3 เมตร ขนาดจุ 7,000 ลิตร ไว้บนดอยสูง และขุดคลองไส้ไก่ที่เชื่อมต่อลงสู่พื้นที่เกษตรกรรมด้านล่างเพื่อไว้ใช้ในการเกษตรช่วงหน้าแล้งหนึ่งในโครงการต้นแบบพอเพียงตามศาสตร์พระราชา ซึ่งได้รับความร่วมมือจากเกษตรกรเครือข่ายพอเพียง แนวร่วมภาคราชการที่ร่วมสนับสนุน เช่น องค์การบริหารส่วนตำบลท่าผาปุ้ม โรงเรียนบ้านแม่กวางเหนือ ตลอดจนข้าราชการจากหน่วยงานต่างๆ ในท้องถิ่น และเยาวชนในท้องถิ่น มาร่วม ‘เอามื้อ’ แสดงพลังสามัคคีลงแรง มาร่วมแรง ร่วมใจ ก่อสร้าง แท็งค์เก็บน้ำ ทั้งนี้คาดว่าจะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 1 เดือนนับจากนี้เป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นการลงรากฐานการพัฒนาท้องถิ่นจากสิ่งที่มีและร่วมมือกันตามศาสตร์พระราชา ให้เกิดความมั่งคงในระยะยาว
นายเอกพันธ์ เกียรติภูทอง เล่าว่า “ตนเองจบการศึกษาระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) จากวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเชียงใหม่ ไม่รู้จะเรียนต่อด้านการเกษตรอะไรดี จึงเดินทางกลับบ้านตั้งใจจะทำสวนเกษตรอินทรีย์ และได้ไปทำงานอบต.ในโครงการการส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่สูงร่วมกับโครงการหลวงทำอยู่ปีกว่า อบต.ก็มีโครงการจัดการกับพื้นที่สูง ก็ไม่รู้ว่าจะเอาโมเดลไหนมาจัดการทำให้เหมาะสอดคล้องกับพื้นที่ภูมิศาสตร์บนดอยนี้ ก็ได้รับคำแนะนำให้เข้าอบรบและเรียนรู้เกี่ยวกับศาตร์แห่งพระราชา ที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง เมื่อปี 2558 จึงเกิดแรงบันดาลใจน้อมนำศาตร์แห่งพระราชา และประสบการณ์ที่ได้รับมาปรับใช้ในพื้นที่บ้านเกิด แต่จะทำเกษตรให้ได้ผลดีสม น้ำมีส่วนสำคัญมาก จึงคิดจะแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำซึ่งเป็นปัญหาที่สำคัญก่อน
โดยตั้งใจที่พัฒนาต่อยอดทำที่เก็บน้ำไว้ใช้ทำการเกษตร และอุปโภค บริโภค ในหน้าแล้ง เพื่อให้คนในหมู่บ้านมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่นยืน แต่ด้วยความที่ไม่มีทุนจึงตั้งใจหางานทำเพื่อเก็บเงินมาเป็นทุนในการดำเนินการสร้างตามความฝัน และพอทราบข่าวโครงการทุนพอเพียง โดยกลุ่มน้ำมันรำข้าวคิง จะมอบทุนสนับสนุนเกษตรกรที่ความพร้อม มีความตั้งใจ และมีความคิดที่จะพัฒนาการทำเกษตรแบบยั่งยืน จึงส่งโครงการ ‘ปั้นแท็งค์ กู้ดอย’ทันที เพื่อขอรับทุน และดีใจมากที่โครงการฯ ได้รับคัดเลือกเป็นหนึ่งในโครงการต้นแบบพอเพียงตามศาสตร์พระราชา และได้รับทุนนำมาพัฒนาบ้านเกิดตามความตั้งใจ และจะให้ที่นี่เป็นแบบอย่างและเป็นศูนย์การเรียนรู้การทำเกษตรอินทรีย์บนพื้นที่สูงแก่ชาวบ้านในจ.แม่ฮ่องสอนด้วย” นายเอกพันธ์ กล่าว
โครงการสอง ‘ปลูกป่า กู้ดิน@ท่าคันโท’ ที่ 2 เกษตรกรจังหวัดกาฬสิทธุ์ มุ่งหวังคืนป่าฟื้นผืนดินให้ธรรมชาติ
โครงการ ‘ปลูกป่า กู้ดิน@ท่าคันโท’หนึ่งในโครงการที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการให้ได้รับทุนจากโครงการทุนพอเพียง และเป็นโครงการต้นแบบพอเพียงตามศาสตร์พระราชา ด้วยแนวคิดที่จะทำโครงการในรูปแบบ ‘สวนทำธรรม กสิกรรมวิถี ปลดหนี้สร้างสุข โคก หนอง นา และที่พักสงฆ์’ ของ นายสังทอง ตะคุ และนางทองพูล ตะคุ สองสามีภรรยาจากจังหวัดกาฬสินธุ์
ทั้งคู่ เล่าให้ฟังว่า “จุดเริ่มต้นจากการขอร้องของลูกชายที่บวชเป็นพระ ให้ไปเข้าร่วมอบรมที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง ได้เรียนรู้ศาตร์แห่งพระราชา เราจึงเกิดแรงบันดาลใจที่จะปรับเปลี่ยนจากวิถีเกษตรแบบเดิม มาเป็นวิถีเกษตรอินทรีย์แบบพอเพียงเพื่อความยั่งยืน พลิกฟื้นคืนผืนป่าให้ธรรมชาติ ด้วยการปรับพื้นที่ รวม 16 ไร่ ซึ่งเป็นที่ของตัวเองและครอบครัวในหมู่บ้านดงสมบูรณ์ อ.ท่าคันโท จังหวัดกาฬสินธุ์ เตรียมทำศูนย์เรียนรู้ เพื่อแบ่งปันความรู้ หรือ ภูมิปัญญาแก่ผู้อื่นต่อไป ซึ่งตนเองได้ปลูกยางนา และมะค่า เป็นไม้ยืนต้นที่ได้มาจากเพื่อนบ้านให้มา และก็ทำเรื่องขอจากศูนย์เพาะพันธุ์กล้าไม้ของจังหวัดครับ”
โดยโครงการนี้จะ ‘เอามื้อ’จากเกษตรกรเครือข่ายทั่วประเทศมาช่วยกันปลูกกล้าไม้ในพื้นที่ ช่วงปลายเดือนนี้ หากดำเนินการในส่วนแรกประสบความสำเร็จ มีเครือข่ายเข้ามาช่วยกันพัฒนาท้องถิ่น ก็พร้อมที่จะขยายพื้นที่ออกไปอีก 30 ไร่ และอยากให้มีการส่งเสริมและให้ความรู้ด้านการบริการจัดการเงินทุน เพื่อโครงการนี้สามารถอยู่ด้วยตนเอง ไปชั่วลูกชั่วหลาน”
โครงการสาม ‘ก่อคันนา กู้ข้าว@คลองลาน’ จังหวัดกำแพงเพชร ของอดีตข้าราชการที่หวังอนุรักษ์พันธุ์ข้าวไทยให้ลูกหลานไทย
และอีกหนึ่งโครงการที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการให้ได้รับทุนจากโครงการทุนพอเพียง และเป็นโครงการต้นแบบพอเพียงตามศาสตร์พระราชา ที่ร่วมอนุรักษพันธุ์ข้าวท้องถิ่น โดยเกษตรกรเครือข่ายจะร่วมกัน ‘เอามื้อ’หรือการแสดงพลังสามัคคีลงแรง มาร่วมแรง ร่วมใจ เพื่อปั้นคันนาในพื้นที่ในช่วงเดือนตุลาคม 2560 ให้กับ นางอรพันธ์ พูลสังข์ อดีตข้าราชการ ที่ผันตัวเองมาเป็นเกษตรกรอย่างจริงจัง ที่บ้านคลองใหญ่ใหม่ ตำบลคลองน้ำไหล อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร เล่าให้ฟังว่า “ภาคภูมิใจที่ได้เกิดในแผ่นดินไทย และมีพระราชาที่ทรงรักและเสียสละเพื่อประชาชนอย่างมาก เพื่อให้คนไทยได้อยู่ดีกินดี ตนเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ประสบปัญหาในการทำการเกษตร ด้วยพื้นที่นามีสภาพตามภูมิศาสตร์เป็นที่ต่ำ และลาดเอียง ไม่สามารถเก็บกักน้ำได้ ส่งผลทำนาได้อย่างเดียวเพียงปีละ 1 ครั้งเท่านั้น หลังจากได้มีโอกาสเข้าร่วมอบรม และเรียนรู้เกี่ยวกับศาตร์แห่งพระราชา ที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง จึงเกิดแรงบันดาลใจและได้น้อมนำศาสตร์แห่งพระราชา มาปรับใช้ในพื้นที่นาที่บ้านเกิดให้หัวคันนาสามารถทำประโยชน์ให้ได้มากที่สุด
จึงนำเสนอโครงการ ‘ก่อคันนา กู้ข้าว@คลองลาน’เข้าประกวด ด้วยแนวคิดที่ต้องการปรับเปลี่ยนพัฒนาพื้นที่นา 9 ไร่ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดสามารถอยู่อย่างพอเพียง สร้างรายได้อย่างยั่งยืน ด้วยการปรับเปลี่ยนคันนาเดิมที่มีขนาดเล็ก มาปั้นคันนาใหม่ที่มีความกว้าง 1.2 เมตร สูง 1.5 เมตร จะประกอบด้วยคันนา ร่องน้ำ และที่นา โดยการขุดร่องน้ำขนาดเล็กเสริมหัวคันนาให้สูงขึ้น เหมือนเป็นการยกร่องนาขึ้นมาเสริมหัวคันนา ซึ่งบนหัวคันนาสามารถปลูกพืชผักสวนครัว พืชสมุนไพร หรือพืชที่สามารถแปรรูป-บริโภคได้ และข้าว ร่องน้ำพื้นที่เกษตรใหม่นี้จะสามารถเลี้ยงปลา เลี้ยงกุ้ง เลี้ยงหอย และกักเก็บน้ำได้ เป็นหัวคันนาทองคำที่สามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืน”
ซึ่งโครงการต้นแบบพอเพียงตามศาสตร์พระราชาทั้ง 3 โครงการนี้ จะเป็นสถานที่สำหรับให้สาธารณชนทั่วไปได้ศึกษา เรียนรู้ และพัฒนาวิถีชีวิตตาม ‘ศาสตร์พระราชา’ ต่อยอดการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอย่างเป็นรูปธรรม และนำไปสู่การแบ่งปันความรู้ หรือ ภูมิปัญญาแก่ผู้อื่นต่อไป
น้ำมันรำข้าวคิง คุณค่าเพื่อคนรักสุขภาพ
- อุดมด้วยวิตามินและสารอาหารอยู่หลายชนิดในปริมาณมาก ประประกอบด้วย โอรซานอล
- มีกรดไขมันอิ่มตัวตำแหน่งเดียว (MUFA) และโอรีซานอล สูง ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL-C) รวมทั้งมีไฟโตสเตอรรอล ช่วยลดการดูดซึมคอเลสเตอรอล
- มีจุดเกิดควันสูง (High Smoke Point) คือ ทนต่อความร้อนได้ดี ประกอบอาหารได้ทั้ง ทอด ผัด สลัด อบ ย่าง