- Details
- Category: CSR
- Published: Wednesday, 02 August 2017 16:13
- Hits: 4013
'ทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์' สานเจตนารมณ์ต่อเนื่องปีที่ 8 ส่งเสริมศาสนา มอบขุมทรัพย์ทางปัญญา ปันสุขสู่สังคม
สู่ปีที่ 8 ของการ 'ให้'...ด้วยเจตนารมณ์ของ 'ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์' ที่ต้องการช่วยเหลือสังคม และด้วยความเชื่อที่ว่าศาสนาคือพื้นฐานแรกของการมีชีวิตที่ขัดเกลาจิตใจให้คนมีสติและสำนึกที่ดี การศึกษาคือที่มาของความรู้ ความคิดที่จะช่วยพัฒนาและสร้างสรรค์คนที่มีคุณภาพ และสังคมคือเพื่อนมนุษย์ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่เราใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข จึงเป็นที่มาของ ‘ทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์ เพื่อส่งเสริมศาสนา การศึกษา และสังคม’ ซึ่งได้ริเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2553 โดยทองมาได้ใช้เงินทุนส่วนตัวสนับสนุนกิจกรรมทางศาสนา การศึกษา และสังคม ผ่านมูลนิธิ สถาบันการศึกษา และองค์กรต่างๆ ในประเทศที่ขาดแคลนและต้องการความช่วยเหลือ ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์ได้มอบเงินสนับสนุนองค์กรที่ทำประโยชน์และสร้างสรรค์ทางศาสนา การศึกษา และสังคม ไปแล้วรวม 68 องค์กร รวมเงินสนับสนุนกว่า 144 ล้านบาท
ปีนี้นับเป็นปีที่ 8 ที่ทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์ได้สานต่อเจตนารมณ์ที่ตั้งไว้ โดยได้มีการมอบเงินให้กับวัดและองค์กรที่เผยแพร่และทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา 8 แห่ง รวม 5.4 ล้านบาท สถาบันการศึกษา 16 แห่ง รวม 16.7 ล้านบาท และช่วยเหลือด้านสังคมผ่านมูลนิธิ สถานสงเคราะห์ โรงพยาบาลอีก 36 แห่ง รวม 24.3 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 46.4 ล้านบาท
“ผมต้องการช่วยเหลือสังคม และเล็งเห็นว่า ยังมีหน่วยงานการกุศลจำนวนมากที่ต้องการการสนับสนุนจึงบริจาคเงินทุนส่วนตัวในนาม งทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์’ โดยแยกออกมาจากการตอบแทนสังคมในนามของบริษัทพฤกษาฯ จึงทำให้ผมสามารถพิจารณาเลือกบริจาคเงินให้กับมูลนิธิหรือองค์กรต่างๆ ได้ด้วยตัวเองตามที่ต้องการ’ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ผู้ก่อตั้งทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์ และประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงเหตุผลที่ใช้เงินส่วนตัวในการบริจาคผ่านทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์
ทองมา กล่าวถึงขั้นตอนการคัดเลือกองค์กรที่จะบริจาคว่า “ผมมีคณะทำงานจิตอาสาที่จะออกไปสำรวจตามองค์กรและมูลนิธิต่างๆ ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดทั่วประเทศ นอกจากนี้ ก็มีทั้งองค์กรและมูลนิธิต่างๆ ติดต่อขอความช่วยเหลือเข้ามาด้วย ซึ่งเราก็จะนำข้อมูลมาพิจารณาถึงความต้องการของแต่ละองค์กรก่อนที่จะให้เงินสนับสนุนตามความจำเป็นและความเหมาะสมต่อไป หากถามว่าผมได้อะไรจากการบริจาคเงินปีละหลายสิบล้านแบบนี้ คำตอบคือความสุข เป็นความสุขที่เกิดจากการที่ได้แบ่งปันและทำประโยชน์ให้แก่สังคม”
พระมหาประสิทธิ์ สิริปญริศ ผู้อำนวยการแผนกธรรมมหาธาตุวิทยาลัย วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร หนึ่งในองค์กรที่ได้รับทุนส่งเสริมด้านศาสนา กล่าวว่า “วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ฯ ได้รับทุนวิจิตรพงศ์พันธ์ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 แล้ว โดยทางวัดมีวัตถุประสงค์ที่จะนำเงินที่ได้ไปใช้ในกิจกรรมของแผนกธรรม ใช้เป็นค่าจัดการเรียนการสอนธรรมะให้กับพระ เณร และฆราวาส ซึ่งมีทั้งการจัดการเรียนการที่วัด และออกไปจัดในโรงเรียนต่างๆ ทั้งกรุงเทพและพัทยา นอกจากนี้ เงินนี้จะใช้เป็นทุนในการจัดสอบนักธรรมตรี นักธรรมโท นักธรรมเอก และธรรมศึกษา จึงกล่าวได้ว่าเงินทุนนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการเผยแพร่พระพุทธศาสนา ทำให้ธรรมะสามารถเข้าถึงพุทธศาสนิกชนได้มากขึ้น เพราะการเรียนและการสอบแต่ละครั้งมีจะผู้เข้าร่วมโครงการหลายร้อยจนถึงหลักพัน การจัดสรรทุนมาเป็นค่าใช้จ่ายทุกครั้ง วัดคำนึงถึงความประหยัดและความคุ้มค่า เพื่อให้ทุนนี้ก่อให้เกิดประโยชน์กับศาสนามากที่สุดดังเจตนารมณ์ของผู้มอบทุน”
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนับเป็นสถาบันการศึกษาที่ได้รับทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์มาตั้งแต่ปีแรกจนถึงปัจจุบัน ซึ่ง รศ.ดร.บัญชา ชลาภิรมย์ รองอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้กล่าวถึงการได้รับทุนนี้ว่า “ในมหาวิทยาลัยไม่ได้มีเฉพาะคนที่มีเงินเรียนเท่านั้น แต่ยังมีนิสิตอีกมากที่ขาดแคลน เราไม่อยากเห็นนิสิตคนไหนต้องถูกรีไทร์ด้วยเหตุเพราะไม่มีเงินเรียน มหาวิทยาลัยจึงได้จัดสรรทุนปีละประมาณ 2,000 ทุน ซึ่งต้องใช้เงินหลายร้อยล้าน การที่คุณทองมามีจิตกุศลด้วยการมอบทุนให้นิสิตจุฬาฯ นับว่าเป็นการแบ่งเบาภาระของมหาวิทยาลัยได้มาก มหาวิทยาลัยได้รับทุนนี้มาเป็นปีที่ 8 แล้ว ปีนี้ได้รับเพิ่มเป็น 2 ล้าน ซึ่งจะทำให้มีนิสิตได้รับทุนราว 20 คน เราจะเปิดโอกาสให้นิสิตจากทุกคณะมีสิทธิ์ขอรับทุน โดยพิจารณาความเดือดร้อนและผลการเรียน ไม่ใช่คนเรียนเก่งที่จะได้ทุนนี้แต่ต้องเป็นคนที่มีจิตอาสา ทำกิจกรรมกับมหาวิทยาลัยด้วย ทุนนี้จะไปเป็นค่าเทอม เป็นค่าใช้จ่ายรายเดือนให้นิสิตยังชีพอยู่ได้ ถือว่าเป็นการมอบโอกาสทางการศึกษาให้นิสิตได้เรียนต่อ ปัจจุบันมีนิสิตที่เรียนจบด้วยทุนนี้และออกไปเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพของประเทศแล้วหลายคน”
สำหรับ องค์กรด้านสังคมที่ถือว่ามีผลงานที่โดดเด่นในการช่วยเหลือเด็กและสตรี คือ มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ซึ่งปีนี้องค์กรนี้ก็ได้รับทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์ด้วยเช่นกัน โดย ปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี กล่าวว่า “ในแต่ละวัน มูลนิธิฯ ต้องรับเรื่องร้องทุกข์มากถึง 30-80 เคส จำนวนเคสเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีทั้งเข้ามาขอความช่วยเหลือที่มูลนิธิฯ และแจ้งเบาะแสให้เราออกไปช่วย ทำให้มูลนิธิฯ มีค่าใช้จ่ายสูง เฉลี่ยเดือนละ 3.5-4 แสนบาท ทั้งค่าเช่าที่ดิน ค่าผ่อนรถตู้ ค่าเดินทาง ค่าเบี้ยเลี้ยงพนักงาน และอื่นๆ แม้จะช่วยกันประหยัดอย่างเต็มที่ แต่ก็ยังไม่เพียงพอ คณะกรรมการจึงต้องช่วยกันหาทุน และตั้งกล่องรับบริจาคตามจุดต่างๆ ปีนี้เป็นปีแรกที่มูลนิธิฯ ได้รับทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์ พวกเรารู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก เงิน 1 ล้านบาทที่ได้มาช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของมูลนิธิฯ ได้มาก รู้สึกชื่นชมคุณทองมาที่มีแนวคิดที่ให้ทุนที่ส่งเสริมทั้งทางด้านศาสนา การศึกษา และสังคม โดยส่วนตัวเชื่อว่าถ้าคนเราดำเนินชีวิตตามหลักศาสนาและมีการศึกษาเป็นพื้นฐาน ปัญหาสังคมก็จะลดน้อยลง”
ความเหลื่อมล้ำและปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมไทยนั้นนับว่าหนักหนาเกินกว่าที่ใครคนใดคนหนึ่งจะจัดการได้ การช่วยเหลือกันคนละไม้คนละมือตามกำลังที่มีน่าจะช่วยแบ่งเบาปัญหาให้ทุเลาได้ เช่นเดียวกับที่ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ได้เข้ามาโอบอุ้มสังคมด้วยการมอบทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์เป็นประจำทุกปี ทุนนี้ไม่เพียงสร้างรอยยิ้มและมอบความสุขให้กับผู้ให้และผู้รับเท่านั้น แต่ยังอาจเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนหันมามองรอบๆ ตัวและหยิบยื่นแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้คนที่ด้อยโอกาส ยิ่งมีพลังแห่งน้ำใจมากขึ้นเท่าไหร่ สังคมก็จะน่าอยู่มากขึ้นเท่านั้น