- Details
- Category: CSR
- Published: Wednesday, 05 October 2016 22:42
- Hits: 5600
อลิอันซ์ อยุธยา สานต่อโครงการ 'อลิอันซ์ อยุธยา พาน้องเที่ยวบางกอก ปี 11' ส่งเสริมเยาวชนไทยเรียนรู้ประวัติศาสตร์ พร้อมดันยุวมัคคุเทศก์ โชว์ศักยภาพ นำสื่อมวลชน 'แชะ ชิม ชิล'รอบเกาะรัตนโกสินทร์
อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต สุดปลื้มกับความสำเร็จตลอด 10 ปีที่ผ่านมา กับการเดินหน้าขยายโอกาสทางการศึกษาแก่เยาวชนไทย ผ่านโครงการ’อลิอันซ์ อยุธยา พาน้องเที่ยวบางกอก’ ซึ่งปีนี้เข้าสู่ปีที่ 11 ยังคงมุ่งเน้นส่งเสริมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย พาเยาวชนเยี่ยมชมโบราณสถานสำคัญๆ รอบเกาะรัตนโกสินทร์ พร้อมต่อยอด ผลักดันเหล่ายุวมัคคุเทศก์ที่ผ่านการอบรมจากโครงการ โชว์ศักยภาพในการนำสื่อมวลชนเที่ยว ‘แชะ ชิม ชิล’ ตามล่าของดี ของอร่อยรอบเกาะรัตนโกสินทร์
นางสาวพัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบริหารการตลาดและสื่อสารองค์กร บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต กล่าวว่า อลิอันซ์ อยุธยา มีความยินดีและภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมให้เยาวชนไทยรู้สึกสำนึกรักและภาคภูมิใจในวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชาติไทย โดยตลอดระยะเวลาของการดำเนินโครงการ 'อลิอันซ์ อยุธยา พาน้องเที่ยวบางกอก' มา 10 ปีเต็ม ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง เพราะได้รับการตอบรับที่ดีจากโรงเรียนในสังกัด กทม. ที่ให้ความร่วมมือในการส่งนักเรียนเข้าร่วมโครงการ นับถึงปัจจุบันมีเยาวชนเข้าร่วมกิจกรรมรวมทั้งสิ้นกว่า 45,000 คน ล่าสุดโครงการอลิอันซ์ อยุธยา พาน้องเที่ยวบางกอก ได้รับรางวัลจากสำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับกรุงเทพมหานคร ประจำปี 2558 อีกด้วย
โครงการ 'อลิอันซ์ อยุธยา พาน้องเที่ยวบางกอก' มีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโลกทัศน์ให้เด็กนักเรียนได้มีประสบการณ์การเรียนรู้นอกห้องเรียน ขณะเดียวกันก็สร้างจิตสำนึกรักและภาคภูมิใจในความเป็นไทย ผ่านการเยี่ยมชมและศึกษาวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชาติไทย โดยร่วมกับสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร นำนักเรียนชั้นประถมศึกษาจากโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร ไปทัศนศึกษาสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ โดยมีการปรับเปลี่ยนเส้นทางการท่องเที่ยวให้น่าสนใจมากขึ้น แต่ยังคงเน้นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์รอบเกาะรัตนโกสินทร์เป็นหลัก
นอกจากนี้ ความสำเร็จดังกล่าวยังได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้บริษัทฯ เดินหน้าต่อยอดกิจกรรมเพิ่มพูนความรู้ให้แก่เยาวชน โดยร่วมกับสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร และโรงเรียนการท่องเที่ยวและการบริการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต จัดโครงการ'อบรมยุวมัคคุเทศก์ โดย อลิอันซ์ อยุธยา' เพื่อให้นักเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานครที่เคยเข้าร่วมโครงการฯ และสนใจต่อยอดความรู้ ได้พัฒนาและเพิ่มพูนทักษะความรู้ความสามารถ ทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ และสามารถประกอบเป็นอาชีพได้
สำหรับ หลักสูตรอบรมยุวมัคคุเทศก์ ประกอบด้วยภาคทฤษฎี 80 ชั่วโมง ซึ่งอบรมเป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม และในปีถัดไป จะเป็นการฝึกปฏิบัติงานที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระนคร เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนกรกฏาคมถึงเดือนกันยายน จึงถือเป็นการจบหลักสูตร เพื่อรับประกาศนียบัตรในการทำงานได้จริงตามสถานที่ต่างๆ ตามมาตรฐานของโรงเรียนการท่องเที่ยวและการบริการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต และเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการทำงานแบบมืออาชีพให้กับยุวมัคคุเทศก์ โครงการฯในปีนี้ จึงได้มีการเพิ่มเติมหลักสูตรพิเศษ นำเยาวชนทัศนศึกษาดูงานนอกสถานที่เป็นวลา 2 วัน 1 คืน ที่จังหวัดพิษณุโลก สุโขทัย และกำแพงเพชร เพื่อเรียนรู้ประวัติศาสตร์จากสถานที่จริง และโอกาสลงสนามติวเข้มโดยไกด์วิทยากรมืออาชีพ ที่นำบรรยายและดูแลตลอดทริป
ปัจจุบันมียุวมัคคุเทศก์ที่สำเร็จหลักสูตรได้รับประกาศนียบัตรแล้ว 3 รุ่น จำนวน 150 คน ซึ่งบางส่วนได้ลงปฏิบัติงานจริงที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติแล้ว และจะเข้าปฏิบัติงานและบรรยายให้แก่เยาวชนรุ่นน้องต่อไป
“อลิอันซ์ อยุธยาไม่เพียงมุ่งมั่นในการพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อความเป็นเลิศในทุกด้าน แต่ยังคงเดินหน้าทุ่มเทสร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อสังคมเช่นนี้อย่างต่อเนื่องต่อไป โดยเฉพาะกิจกรรมเพื่อเด็กและเยาวชน ภายใต้แนวคิด'ปันความรู้สู่เด็กไทย'เพราะเชื่อมั่นและมุ่งหวังที่จะเห็นสังคมไทยเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมที่ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น โดยมี อลิอันซ์ อยุธยา อยู่เคียงข้างคนไทยทุกจังหวะชีวิต” นางสาวพัชรา กล่าว
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการโชว์ศักยภาพเหล่ายุวมัคคุเทศก์ที่ผ่านการอบรม ในปีนี้ บริษัทฯ จึงได้จัดกิจกรรมพิเศษภายใต้ชื่อ 'แชะ ชิม ชิล' เพื่อเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวเกาะรัตนโกสินทร์ให้กับสื่อมวลชน โดยมียุวมัคคุเทศน์เป็นผู้นำเที่ยว อาสาพาสื่อมวลชน เดินชมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ในย่านเสาชิงช้าและแพร่งภูธร พร้อมชิมร้านอาหารเก่าแก่ในย่านนั้นอีกด้วย โดยระหว่างการเดินชม สื่อมวลชนสามารถเก็บภาพและแชร์ประสบการณ์ผ่าน Social media ได้ทันที ซึ่งถือเป็นการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมและส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยได้อีกทางหนึ่ง