- Details
- Category: CSR
- Published: Monday, 25 April 2016 21:12
- Hits: 2698
สสส.รุกแก้ปัญหา 'เด็กติดเกม-เด็กติดจอ'จัดโครงการ 'ดิจิตอลของเด็กดี' หวังลดภาวะเสี่ยง และสร้างสมดุลการใช้ชีวิตในครอบครัว
จากปัญหาเด็กติดเกม วันนี้สังคมไทยได้พัฒนาปัญหาไปตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่เข้าถึงทุกๆ คน และทุกๆ วัย เพียงเพราะช่วยสร้างความสะดวกสบายในทุกๆ เรื่องให้กับชีวิตไม่ว่าจะเป็นการอัพเดทข่าวสาร การค้นหาข้อมูลและความรู้ต่างๆ ที่มีอยู่มากมายมหาศาล รวมไปถึงความบันเทิงหลากหลายทั้งเพลง หนัง ละครและเกมต่างๆ ที่สามารถเข้าถึงชีวิตของคนได้ตลอดเวลาจาก สมาร์ทโฟน แท็ปเล็ต โดยเฉพาะ 'เด็ก' วันนี้ปฎิเสธไม่ได้ว่า หลายครอบครัวเลี้ยงลูกด้วยสิ่งเหล่านี้ และอีก 2 จอที่บ้านคือ คอมพิวเตอร์ และทีวี ที่ดึงเวลาของเด็กๆ เกือบทั้งวันแล้ว เด็กติดจอ กำลังเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมไทย และส่งผลกระทบต่อเด็กแล้ว ทั้งพัฒนาการด้านร่างกาย สมอง สติปัญญา สมาธิ และพฤติกรรมความรุนแรง เรียกว่า... ไม่แพ้ ปัญหาเด็กติดเกมที่ผ่านมาเลย เพื่อลดภาวะการติดจอ ติดเกมของเด็กและวัยรุ่น และสร้างสมดุลการใช้ชีวิตในครอบครัว สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงร่วมกับ โครงการ ปันฝัน ปันยิ้ม จำกัด จัดทำโครงการ“ดิจิตอลของเด็กดี” ขึ้นโดยตั้งเป้าดึง 200 กว่าครอบครัวทั่วประเทศที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเข้าร่วมโครงการในรูปแบบค่ายสร้างสรรค์ ในกรุงเทพมหานครและ 4 ภูมิภาค พร้อมจัดทำสปอตโฆษณาความยาว 45 วินาที สำหรับเผยแพร่ในสื่อต่างๆ เพื่อสื่อให้สังคม และครอบครัวเห็นถึงความสำคัญของการสร้างสมดุลในการใช้ชีวิตในครอบครัว เพราะความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว คือการสร้างความรักและความอบอุ่นให้เกิดขึ้น ซึ่งเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดให้กับเด็ก ในสังคมวันนี้และอนาคต
ดร.ณัฐพงศ์ โมกขพันธ์ ผู้อำนวยการ บริษัท ปันฝัน ปันยิ้ม จำกัด ผู้รับผิดชอบโครงการ “ดิจิตอลของเด็กดี” กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาเด็กติดจอมีจำนวนมากขึ้นและอายุลดน้อยลงเรื่อยๆ จากผลการวิจัยต่างๆ พบว่า การติดจอของเด็กส่งผลให้สมรรถนะของเด็กไทยวันนี้ต่ำกว่ามาตรฐานทั้ง 7 ด้านได้แก่ ทักษะการเคลื่อนไหว ทักษะด้านสังคม ทักษะด้านอารมณ์ ทักษะด้านการคิด และสติปัญญา ทักษะด้านภาษาและการสื่อสาร ทักษะด้านจริยธรรม และทักษะด้านการสร้างสรรค์นอกจากนี้ยังพบว่า การติดจอเป็นภัยเงียบที่คุกคามเด็กๆ โดยไม่รู้ตัว เช่น สมาธิสั้น มีปัญหาด้านสายตา โรคอ้วน และกระดูกพรุน เป็นต้น ซึ่งผลวิจัยนี้ตอกย้ำชัดเจนว่า ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา รูปแบบการเลี้ยงดูลูกของพ่อแม่ยุคใหม่ได้ใช้อุปกรณ์สื่อสารหลากหลายชนิดเข้ามามีส่วนให้เด็กได้แตะต้องสัมผัส ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมทางสังคมที่พ่อแม่แม้จะมีความตระหนักแต่อาจไม่ระมัดระวัง
ด้าน รศ.นพ.ชาญวิทย์ พรนภดล สาขาวิชาจิตเวชเด็กและวัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้กล่าวไว้ว่า “เมื่อไม่สามารถแยกเด็กออกจากการเล่มเกม หรือจอได้ ก็ต้องให้เด็กเล่นอย่างมีกฎกติกาอย่างเคร่งครัด เพื่อการเล่นเกม หรือดูจอต่างๆ นั้นไม่ทำร้ายสุขภาพและเป็นการเล่นเพื่อการผ่อนคลาย หรือเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น”
สำหรับ โครงการ 'ดิจิตอลของเด็กดี'มีเป้าหมายสำคัญคือ เพื่อลดภาวะการติดเกมและติดจอของเด็กและวัยรุ่น โดยการสร้างลักษณะนิสัยที่ดีของเด็กและวัยรุ่น ให้มีความรับผิดชอบ แบ่งหน้าที่ในการทำงานและการแบ่งเวลาให้ถูกต้องรวมทั้งสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวเพื่อช่วยลดปัญหาความก้าวร้าวในสังคมไทย อันเนื่องมาจากได้อิทธิพลจากการเล่นเกมบางประเภท นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นป้องกันไม่ให้เด็กกลับไปมีพฤติกรรมเช่นเดิมอีก โดยการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง
“กลุ่มเป้าหมายหลักของโครงการฯ เราคือครอบครัวของเด็กและวัยรุ่น ในช่วงอายุระหว่าง 7-18 ปี ที่มีภาวะติดเกม หรือติดจอซึ่งเราจะคัดสรรครอบครัวที่มีเด็กติดเกม หรือติดจอ เพื่อมาเข้าร่วมโครงการ โดยการเข้าค่ายจำนวน 2 วัน รวมทั้งหมด 5 ค่าย ในกรุงเทพฯ และในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ได้แก่ ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น ,ภาคใต้ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และภาคตะวันออก จังหวัดชลบุรี โดยตั้งเป้าผู้เข้าร่วมโครงการค่ายละไม่น้อยกว่า 40-50 ครอบครัวคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 200 ครอบครัว”
กิจกรรมภายในค่าย ได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเด็ก ได้แก่ ผศ.นพ.ชาญวิทย์ พรนภดล สาขาวิชาจิตเวชเด็กและวัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วยนักจิตวิทยาคลินิก เอษรา วสุพันธ์รจิต ผู้รับผิดชอบในโครงการ HealthyGamer.net พญ.พรพิมล -นพ.อัศวิน นาคพงศ์พันธุ์ ผู้ก่อตั้งเพจ 'เลี้ยงลูกให้เป็นคนปกติ'นพ.พีรพล ภัทรนุธาพร จิตแพทย์ บล็อกเกอร์ และนักเขียนเจ้าของนามปากกา 'ผมอยู่ข้างหลังคุณ'พร้อมด้วยนักพูดชื่อดัง อ.เชน-จตุพล ชมภูนิช และ พ.อ.นพ.พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา มาเป็นวิทยากรให้ความรู้กับเด็กและพ่อ แม่ ผู้ปกครอง นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสร้างสรรค์ผลงาน โดยกำหนดให้ผู้ปกครองเป็นที่ปรึกษา และกลุ่มเด็กสามารถขอคำแนะนำจากผู้ปกครองได้ มุ่งเน้นการจัดกิจกรรมที่มีการวางแผนงานร่วมกัน คิด วิเคราะห์ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ร่วมกัน โดยรูปแบบกิจกรรมจะมีความสร้างสรรค์ สามารถต่อยอดเป็นงานอดิเรก มีประโยชน์ต่อสังคม และสามารถทำร่วมกันในครอบครัวได้ เช่น กิจกรรมการท่องเที่ยว กิจกรรมทำสิ่งประดิษฐ์ DIY หรือ กิจกรรมกีฬา เป็นต้น
หลังจากจัดกิจกรรมค่ายแล้ว โครงการจะมีการติดตามประเมินผล โดยการลงพื้นที่สังเกตพฤติกรรมเด็กที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อให้ผลของการจัดกิจกรรมดังกล่าวมีความยั่งยืน ทำให้เด็กไม่สามารถกลับไปติดเกม หรือติดจอได้อีก สำหรับผู้ที่สนใจติดตามโครงการดีๆ ของ “ดิจิตอลของเด็กดี” สามารถเข้าชมได้ที่ www.facebook.com/DigitalDekD หรือ สอบถามรายละเอียดการเข้าร่วมโครงการได้ที่โทร. 09-4224-4635